Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2533
คูเวตออยล์ ในสถานการณ์สู้รบ             
 


   
search resources

Oil and gas
คูเวตออยล์




ในสถานการณ์ที่อธิปไตยของประเทศคูเวตยังมีความไม่แน่นอนจากการที่ประเทศถูกยึดครองโดยกองกำลังของอิรัก คูเวตออยล์ยังคงเดินหน้าต่อไปในธุรกิจน้ำมันของตน

ไมเคิล อาร์ เบน ผู้อำนวยการบริษัท คูเวตออยล์ (ประเทศไทย) ยืนยันว่าเรื่องของสถานการณ์ ในคูเวตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่เรื่องของธุรกิจนั้นก็เป็นสิ่งที่หยุดไม่ได้เช่นกัน

"สองเดือนที่แล้วผมกลับไปที่สำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน พนักงานที่เป็นคนไทยที่นี่ถามผมว่าผมตีตั๋วเครื่องบินเที่ยวกลับไว้ด้วยหรือเปล่า" เบนพูดถึงแง่มุมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในความรู้สึกต่อสถานะของคูเวตออยล์หลังอิรักบุกคูเวตไม่นาน

ไมเคิล เบน เป็นคนอังกฤษ เขาเริ่มงานด้านธุรกิจน้ำมันกับบริษัท เชลล์ เคมาคอล ยูเค เป็นเวลา 12 ปี ก่อนที่จะย้ายไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัท กัลฟ์ ออยล์ ในปี 2520

หลังจากนั้นในปี 2526 เขาเข้ามานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ คูเวต ปิโตรเลียม อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น ซึ่งเป็นบริษัทขายน้ำมันให้กับสายการบินในเครือคูเวต ออยล์ อีกห้าปีถัดมาเขาเริ่มงานใหม่กับบริษัทในเครืออีกแห่งหนึ่งของคูเวต ปิโตรเลียม อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะผู้อำนวยการด้าน PUBLIC AFFAIRS

คูเวตออยล์คือองค์กรที่ทำธุรกิจน้ำมันของรัฐบาลคูเวต ตามแนวนโยบายที่จะรักษาความมั่งคั่งจากทรัพยากรน้ำมันให้ตกอยู่กับตัวเองมากที่สุด แทนที่จะปล่อยให้บริษัทน้ำมันตะวันตกเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ไปแต่เพียงฝ่ายเดียว

ปี 2523 รัฐบาลคูเวตตั้งบริษัท คูเวต ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่นหรือเคพีซีขึ้นมาเพื่อดำเนินกิจการด้านน้ำมันนับตั้งแต่การซื้อน้ำมันดิบจากรัฐบาล คูเวตในราคาตลาดโลก ทำหน้าที่เป็นผู้กลั่น ขนส่ง ขายน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์ที่กลั่นแล้ว อีกสามปีต่อมา เคพีซี ก็ซื้อกิจการน้ำมันในยุโรปของกัลฟ์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่นแห่งสหรัฐอเมริกา ตามแผนการขยายธุรกิจน้ำมันจากการเป็นเพียงผู้ผลิตและขายน้ำมันดิบ เข้าไปสู่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูป โรงกลั่นน้ำมันสามแห่งและสถานีบริการน้ำมันของกัลฟ์ออยล์ในยุโรปที่คูเวตออยล์ ซื้อมาด้วยเงินราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงรองรับแผนการดำเนินธุรกิจค้าน้ำมันแบบครบวงจรได้อย่างเหมาะเจาะ

คูเวตออยล์ตั้งบริษัท คูเวต ปิโตรเลี่ยม อินเตอร์เนชั่นแนล หรือเคพีไอ สำหรับทำธุรกิจปั๊มน้ำมันพร้อม ๆ กับสร้างยี่ห้อของตนขึ้นมาว่า "Q8"

"อ่านว่า คิวเอ็ดนะครับ ไม่ใช่ คิวแปด" เบนย้ำถึงชื่อที่ถูกต้องของ 8 ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะใช้ชื่อนี้เพื่อให้มีนัยไปถึงชื่อคูเวตด้วย

โรงกลั่นทั้งสามแห่งในเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และอิตาลี สามารถกลั่นน้ำมันรวมกันได้วันละ 230,000 บาร์เรล เมื่อบวกกับประสิทธิภาพของโรงกลั่นภายในประเทศ คูเวตออยล์กลั่นน้ำมันได้มากกว่าวันละ 700,000 บาร์เรล และปั๊มน้ำมัน 8 ในยุโรป 9 ประเทศ มีอยู่ 6,500 แห่ง

ส่วนแบ่งตลาดน้ำมันของ Q8 ในยุโรปนั้นมีตั้งแต่ 2.5% ในอังกฤษ 11% ในอิตาลีและสูงสุด 23% ในเดนมาร์ก

ปลายปี 2532 คูเวตออยล์ ตัดสินใจเปิดตลาดน้ำมันนอกทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ด้วยการขยายการลงทุนมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกโดยมีประเทศไทยเป็นหัวหาด

การตัดสินใจขยายการลงทุนไปต่างประเทศของคูเวตออยล์นั้น แม้ว่าจะอยู่บนเหตุผลทางธุรกิจเป็นสำคัญ แต่ในวันนี้ที่แผ่นดินถิ่นเกิดถูกรุกราน การตัดสินใจเช่นนี้รวมทั้งการตั้งสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจน้ำมันของโลกตั้งแต่ปี 2526 นับว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุด ที่มีผลทำให้คูเวตออยล์ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้

"เป็นการกระจายความเสี่ยงซึ่งเราก็ไม่ได้คาดคิดเอาไว้แต่แรกเหมือนกัน เป็นบทเรียนที่สำคัญของเราจากการถูกบุกครั้งนี้" เบนกล่าว

ผู้บริหารระดับสูงของคูเวตออยล์ ซึ่งมีอยู่เก้าคน สามารถหลบหนีออกจากคูเวตได้อย่างปลอดภัย และขณะนี้ทุกคนอยู่ที่ลอนดอน

แต่สงครามก็คือสงครามที่ต้องสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น โดยไม่เลือกว่าใครเต็มใจจะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นกับคูเวตออยล์คือแหล่งน้ำมันดิบภายในประเทศและโรงกลั่นถูกทหารอิรักยึดครอง โชคดียังเป็นของคูเวตออยล์อยู่เล็กน้อย ก่อนหน้าที่อิรักจะบุกไม่กี่วัน เรือบรรทุกน้ำมันส่วนใหญ่ได้เดินทางออกจากคูเวตพร้อมกับน้ำมันเต็มอัตราบรรทุก

คูเวตออยล์ มีบริษัทเรือบรรทุกน้ำมันชื่อ คูเวตออยล์ แทงค์เกอร์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมัน 30 ลำ ตั้งแต่ขนาด 25,000 ตันไปจนถึงเรือบรรทุกน้ำมันสำเร็จรูป และเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดน้ำหนักก่อนบรรทุกถึง 250,000 ตัน

แต่น้ำมันที่ไปกับเรือใช้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น คูเวต ออยล์ ต้องหาแหล่งน้ำมันดิบอื่น ซึ่งในขณะนี้ได้ตกลงที่จะซื้อน้ำมันดิบจากซาอุดิอาระเบียได้แล้ว

"เราคงต้องลงทุนในเรื่องการสำรวจน้ำมันนอกประเทศมากขึ้น จากเดิมที่เคยเน้นแต่การสำรวจในประเทศ" เบนพูดถึงผลกระทบอีกประการหนึ่งจากการที่ต้องสูญเสียแหล่งน้ำมันดิบอันมหาศาลภายในประเทศไป

เมื่อต้องเปลี่ยนฐานะจากผู้ขายน้ำมันดิบมาเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบบ้าง เงินในกระเป๋าที่เคยควักง่ายจ่ายคล่องนับจากนี้ไป ก็ต้องคิดกันอย่างละเอียดรอบคอบว่าสมควรจะจ่ายในเรื่องใดบ้าง เพราะต้องกันไว้จ่ายค่าน้ำมันดิบด้วย

สองสามวันหลังจากที่อิรักบุกคูเวต รัฐบาลสหรัฐฯ และอังกฤษ ได้สั่งอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลและเอกชนคูเวตที่ไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเทของอิรัก คูเวตออยล์ก็อยู่ในข่ายที่โดนอายัดทรัพย์สินด้วย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการเจรจากับธนาคารกลางของสหรัฐฯ และอังกฤษให้ยกเลิกการอายัด เพราะคูเวตออยล์เป็นกิจการของรัฐบาลคูเวตซึ่งยังคงได้รับการรับรองจากนานาชาติอยู่

"ฐานะการเงินของเราในตอนนี้นับว่ามั่นคงมาก เรามีเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากในธนาคารอยู่ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เราต้องบริหาร CASH FLOW อย่างระมัดระวังมากขึ้น" เบนกล่าว

แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว คูเวตออยล์ยังคงยืนยันในนโยบายที่จะเข้ามาปักหลักเหมือนเดิม คูเวตออยล์ได้ร่วมกับคนไทยชื่อ โอเวอร์วี เทคโนโลยี ซัพพลาย ตั้งบริษัท คูเวตออยล์ ประเทศไทยขึ้นเมื่อต้นปีนี้ เพื่อดำเนินกิจการปั๊มน้ำมัน Q8 ในประเทศไทยโดยเปิดบริการเป็นแห่งแรกแล้วที่กิโลเมตร 8 ถนนรามอินทรา และภายในสิ้นปีนี้จะเปิดให้ได้ 5-6 ปั๊ม ในวงเงินลงทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

โครงการลงทุนต่อมาคือความตั้งใจที่จะลงทุนในโครงการวางท่อขนส่งน้ำมันจากศรีราชาไปสระบุรี ร่วมกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย โดยคูเวตออยล์จะลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท

สุดท้ายคือ ลงทุนในโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการตั้งโรงกลั่นน้ำมันและวางท่อน้ำมันในโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลหรือซีบอร์ดที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้สำนักงานใหญ่คูเวตออยล์ลอนดอนกำลังคัดเลือกที่ปรึกษานานาชาติ ที่เสนอตัวเข้ามาทำการศึกษา และจะใช้เวลาทำการศึกษาประมาณหกเดือน

"ตอนนี้ยังไม่มีนโยบายที่แน่นอนว่า คูเวตออยล์จะลงทุนสร้างโรงกลั่นหรือไม่ แต่การว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้นั้นก็เป็นการสร้างความผูกพันในระดับหนึ่งแล้วว่า Q8 เอาจริงเอาจังกับการลงทุนในเมืองไทย" เบนพูดเอาไว้อย่างนี้เพื่อตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่องของสงครามใครจะรบก็รบกันไป สำหรับ Q8 แล้วขอก้มหน้าก้มตาทำมาหากินในเมืองไทยต่อไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us