Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2533
อังคณา วานิช ลูกสาวคนเก่งของ "เอกพจน์ วานิช"             
 


   
search resources

Real Estate
อังคณา วานิช
วานิช พลาซ่า




สรรพนามที่อังคณาชอบใช้เรียกแทนตัวเองเสมอคือ "แอ๊ว" เธอเป็นลูกสาวของเศรษฐีใหญ่และวุฒิสมาชิก "เอกพจน์ วานิช" โดยส่วนตัวความกระฉับกระเฉง และปราดเปรียวของอังคณาทำให้บทบาทของเธอนับว่าเป็นนักธุรกิจสตรีชั้นแนวหน้าคนหนึ่งในภูเก็ตที่กำลังสร้างผลงานที่มีชื่อเสียง "วานิช พลาซ่า" ให้ปรากฎในปีหน้า

ความเป็นทายาทสาวของตระกูลเก่าแก่ "วานิช" ซึ่งเป็นชาวจีนฮกเกี้ยนแซ่เอี๊ยบ ต้นตระกูลคือนายห้างเจียร วานิช ชาวพังงาผู้บุกเบิกการทำสวนปาล์มน้ำมันคนแรกของภาคใต้ เป็นผู้เริ่มต้นปลูกปาล์มหมื่นกว่าไร่ที่จังหวัดกระบี่ และตั้งบริษัทไทยอุตสาหกรรมน้ำมันและสวนปาล์ม จำกัด อันเป็นบริษัทปาล์มน้ำมันแห่งแรกแห่งประเทศไทย ภายในระยะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาบริเวณตั้งแต่จังหวัดกระบี่ถึงสุราษฎร์ธานีและชุมพรขณะนี้มีสวนปาล์มน้ำมันแล้วกว่าห้าแสนไร่

"ก่อนที่ดิฉันจะมาทำด้านธุรกิจพัฒนาที่ดินนี้ ดิฉันช่วยคุณพ่อทำด้านสวนปาล์มอยู่ที่กระบี่ซึ่งขณะนี้เรามีสวนปาล์มน้ำมันประมาณ 4-5 หมื่นไร่ และเรามีโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มสองแห่งคือบริษัท สยามปาล์ม น้ำมันและอุตสาหกรรมกับบริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำมันและสวนปาล์มที่กระบี่" อังคณาเล่าให้ฟัง

และเมื่อปี 2526 บริษัท "ยูนิวานิช" ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันปาล์มอีกแห่งก็ได้เกิดขึ้นจากการร่วมลงทุนระหว่าง บริษัทเจียรวานิชซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของตระกูลวานิชกับบริษัทยักษ์ใหญ่ "ยูนิลีเวอร์"

"เราต้องการที่จะได้เทคโนโลยีและโนว์ฮาวจากฝรั่งซึ่งทำให้โรงงานเราผลิตปาล์มน้ำมันได้มีประสิทธิภาพขึ้น" อังคณาเล่าให้ฟัง

จากการร่วมลงทุนครั้งนี้เองทำให้ตระกูลวานิชมีบทบาทสำคัญปรากฎในวงการปาล์ม

น้ำมันในภาคใต้ เพราะสามารถพัฒนาการทำอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ยูนิลีเวอร์และเป็นยักษ์ใหญ่ในฐานะโรงกลั่นน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุด

อังคณาจบการศึกษาปริญญาตรีที่วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ (เอแบค) และไปต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่รัฐคอนเนคติกัต สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นก็บินกลับเมืองไทยมาช่วยดูแลกิจการสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันของครอบครัว โดยรับหน้าที่จัดการด้านบริหารการเงินและติดต่อกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

"ตอนนี้นโยบายเพิ่งเปิดอนุมัติให้มีการส่งเสริมปลูกสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งแอ๊วคิดว่าเป็นผลดีสำหรับทุกฝ่าย เพราะจะทำให้ชาวสวนปาล์มได้สัมปทานเพิ่มขึ้น และสามารถส่งป้อนให้โรงงานได้ตลอดปี" อังคณาให้ความเห็นการส่งเสริมการลงทุนด้านนี้

รายได้หลักของตระกูล "วานิช" นอกจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันแล้ว รายได้อื่นๆก็เกิดขึ้นจากธุรกิจหลากหลายทั้งจากบริษัทวานิชยิปซัมซึ่งมีเหมืองแร่ยิปซัมที่สุราษฎ์ธานีโดยมีสาขาเอเย่นต์จำหน่ายที่ปีนังในชื่อว่า ฮัปยิปซัมเอเยนซี่" และบริษัทการค้าที่สิงคโปร์ด้วยนอกจากนี้ยังมีธุรกิจด้านเหมืองแร่ดีบุก โรงงานยางที่ภูเก็ตธุรกิจการเดินเรือขนส่งโดยร่วมกับโหงวฮกใช้ชื่อว่า "บริษัทภูเก็ตโหงวฮก" และบริษัทภูเก็ตชิปปิ้งปักษ์ใต้ขนส่งทางทะเล นอกจากนี้ยังมีกิจการโรงพยาบาล "เอกชล" ที่ชลบุรีและเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของแบงก์กรุงเทพด้วยเพราะในอดีตสายสัมพันธ์ระหว่างชิน โสภณพนิชกับนายห้างเจียรแนบแน่นเพราะนายห้างเจียรเคยช่วยบุกเบิกตั้งสาขาภาคใต้ให้แบงก์กรุงเทพเป็นคนแรก

มรดกมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านนี้ได้ตกแก่ลูกชายคนเดียว "เอกพจน์ วานิช" ซึ่งปัจจุบันเอกพจน์ก็ปล่อยให้ลูกสาวเป็นผู้ดูแล เอกพจน์เป็นพ่อผู้ร่ำรวยลูกสาวสวยถึง 8 คนคือ พจนา กาญจน า พรชฏา อัชฌา (เสียชีวิตแล้ว) อังคณา อัญชลี อรนุช รจนา และมี "อริรักษ์" บุตรชายเพียงคนเดียว นอกจากนี้ยังมีสองเขยใหญ่คือ ศิริชัย มาโนชเจ้าของเหมืองแร่ที่กาญจนบุรีและอนุจิตต์ จิตต์ฤดีอำไพ อดีตผู้บริหารบงล.เอกธนกิจเข้ามาช่วยกันดูแลกิจการดังกล่าว

"แต่ละคนจะนิสัยต่างกันบางคนชอบงานบริหาร บางคนชอบงานทำงานรูทีน พี่สาว คนโตที่แต่งงานแล้วก็คุมงานโรงพยาบาลที่ชลบุรี ส่วนพรชฏาเขาก็ไปอยู่สิงคโปร์เพราะเรียน ที่นั่นแต่เล็กและพูดภาษาจีนได้ ส่วนตัวเองก็จับด้านเรียลเอสเตท รู้สึกชอบและสนุกมาก" อังคณาเล่าให้ฟัง

อัตราการเติบโตด้านธุรกิจพัฒนาที่ดินบนเกาะภูเก็ตได้จุดประกายความคิดให้กับอังคณาที่จะพัฒนาที่ดินมรดก 10ไร่ที่เคยเป็นโรงงานยางรมควันในตัวเมืองภูเก็ตให้กลายเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวสูง 19 ชั้นจึงเกิดขึ้น

ดังนั้นในต้นปีนี้บริษัทวานิชลีเนียลซึ่งทำธุรกิจการพัฒนาที่ดินภายใต้ชื่อโครงการ "วา-นิชพลาซ่า" จึงเกิดขึ้นโดยอังคณา วานิช ลูกสาวคนที่สี่ของเอกพจน์เป็นผู้บริหารโครงการมูลค่าสองร้อยล้านนี้ทั้งหมด

"แอ๊วเห็นที่ดินตรงนี้แล้วก็นึกเสียดายจึงคิดอยากจะทำ เพราะตอนนี้ภูเก็ตบูมมากความต้องการด้านอาคารพาณิชย์และกิจการโรงแรมมีมาก เราทำไปก็ประสบความสำเร็จ" อังคณาเล่าให้ฟัง

นอกจากนี้แล้วอังคณายังคิดทำโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 50 หลังที่อ่าวมะขามบนพื้นที่ 26 ไร่ ซึ่งมีภูมิทัศน์สวยงามที่เห็นทะเลรอบด้าน 360 องศา บริเวณใกล้เคียงเป็นทำเลที่ตั้งโรงแรมเคปพันวา และวิลล่าของธารินทร์ นิมมานเหมินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย

เป้าหมายที่อังคณาวางไว้คือจะขายกลุ่มเศรษฐีกรุงเทพฯ ที่ต้องการวิลล่าพักตากอากาศชายทะเลในระดับราคาหลังละ 5-6 ล้านบาท

"สมัยก่อนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเคยมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณพ่อว่าจะเอาที่ดินไปทำบ่อนกาสิโน ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริงเป็นเรื่องที่คนอื่นเอาไปคิดเองให้เสร็จสรรพ ขณะที่เจ้าของไม่เคยคิดเลย เพราะแอ๊วเป็นคนจัดการด้านเรียลเอสเตทเอง แอ๊วยังให้สถาปนิกวาดเป็นรีสอร์ทสวยงามมาก แต่มาพอข่าวออกมายังงี้ แอ๊วยังตัดเก็บข่าวนี้ไว้เลยเพราะความที่เจ็บใจมาก คุณพ่อบอกว่าช่างเขาเถอะ เราบริสุทธิ์ใจก็พอ" อังคณาระบายความรู้สึกลำบากใจต่อการที่พ่อต้องตกอยู่ในมรสุมข่าวดังกล่าว นับตั้งแต่การตกเป็นข่าวเกี่ยวข้องกับคดีสังหารปรีดี สุจริตกุล จนกระทั่งมาถึงข่าวความสับสนระหว่างชื่อ "เอกพจน์ วานิช" กับชื่อตระกูล "เอกวานิช" ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทำโรงงานแทนทาลั่มที่ถูกเผา

"เรื่องแทนทาลั่มเราไม่เคยมีส่วนเอี่ยวด้วยแม้แต่สตางค์เดียว ก็มีคนปั้นเรื่องว่าเราทำ โดยเอาชื่อ "เอกวานิช" มาผันเป็น "วานิช" ซะด้วย" อังคณาย้อนให้ฟังถึงความยุ่งเหยิงในอดีต

วันนี้คนในครอบครัว "วานิช" ได้แสดงถึงความไม่ยี่หระต่อข่าวมุ่งร้ายเหล่านี้ อังคณาก็ยังเดินหน้าที่จะทอฝันโครงการพัฒนาที่ดินซึ่งมีอยู่กระจายทั่วจังหวัดภาคใต้ต่อไป

แต่สิ่งหนึ่งที่อังคณาขาดไปคือคู่ครอง ซึ่งเธอได้เล่าให้ฟังว่า "ทุกคนก็เป็นห่วงแอ๊วว่า ทำงานให้น้อย ๆ หน่อยได้ไหม? เพราะทำงานมากก็ลืมคิดถึงตัวเอง แอ๊วเคยถามน้องเล่น ๆ ว่าฉันขาดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถึงไม่มีแฟน? ก็หัวเราะกันใหญ่ เพราะรู้ว่าแอ๊วอาจจะทำงานเยอะไป แต่ก็จำเป็นเพราะงานกำลังเดินหน้า"

อังคณายังคงบินไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับภูเก็ต เพื่อเร่งดำเนินการติดต่อธุรกิจการค้าต่าง ๆ ในกรุงเทพให้มาลงยังโครงการ "วานิชพลาซ่า" ส่วนที่ประสบความสำเร็จไปแล้วก็มีการขายอาคารพาณิชย์ ซึ่งทีมงานบริษัทขายไปได้ถึง 70% โดยไม่ได้จ้างคนภายนอกมาบริหารการขาย ส่วนทางด้านการบริหารโรงแรม การติดต่อหาเชนโรงแรมต่างประเทศมาบริหารก็เป็นเรื่องที่เธอบอกว่ากำลังเจรจาอยู่

ภารกิจของการบริหารกิจการของครอบครัว "วานิช" วันนี้บริหารโดยสตรีเหล็กอย่างอังคณา วานิช ก็นับว่าทำให้เอกพจน์ วานิช ผู้เป็นพ่อเบาใจได้อักโข ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น สิ่งที่เอกพจน์ ได้ส่งเสริมให้ลูกสาวได้ร่ำเรียนมีความรู้ ได้ช่วยวางรากฐานชีวิตและอนาคตของการดำเนินธุรกิจต่อไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us