8 มีนาคม 1989 เอเวอร์กรีนประกาศเปิดตัวสายการบินนานาชาติของเอกชนในชื่อ
"อีวา แอร์เวย์" นับเป็นสายการบินของไต้หวันรายที่สองหลังจากที่ไชน่า
แอร์ไลน์เริ่มต้นกิจการเมื่อราว 40 ปีก่อน และเท่ากับยกเลิกการผูกขาดธุรกิจการบินที่เคยอยู่ในมือของรัฐบาลไต้หวัน
ความหาญกล้าของเอเวอร์กรีนในการสั่งซื้อเครื่องบินถึง 26 ลำเป็นมูลค่า 3,500
ล้านดอลลาร์ ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจการบินมาก่อนได้สร้างความประหลาดในแก่ผู้ที่อยู่ในวงการเป็นอันมาก
ที่สำคัญก็คือต่างพากันสงสัยว่า เหตุใดรัฐบาลไต้หวันจึงยอมอนุญาตให้เอกชนดำเนินธุรกิจการบินได้
ในขณะที่มีสายการบินภายในประเทศเปิดดำเนินการอยู่แล้วจนหลายเสียงเห็นว่าชางกำลังเล่นพนันอยู่
และอาจนำไปสู่การแขวนคอตายหากเขาไม่ได้สิทธิการบิน
แต่ปรากฎว่าชางสามารถดิ้นรนจนได้สิทธิการบินในเส้นทางหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ออสเตรเลีย, ไทย, สิงคโปร์, เวียดนามและมาเลเซีย โดยจะได้สิทธิการบินในเส้นทางสู่ฮ่องกง,
ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ในภายหลังอีกด้วย
ชางเองมั่นใจถึงขนาดที่ว่า อีวา แอร์เวย์จะสามารถให้บริการได้ก่อนที่จะได้รับมอบเครื่องบินลำแรกในปี
1992 ด้วยซ้ำ และปัจจุบันได้ดำเนินการส่งนักบินไปฝึกอบรมที่สหรัฐฯ และฝึกอบรมกับสายการบิน
อื่น ๆ ด้วย
ยิ่งในระยะยาวแล้ว อีวา แอร์เวย์ มีโอกาสเติบโตในธุรกิจการบินอย่างมาก เพราะแม้ว่าในปัจจุบันไชน่า
แอร์ไลน์ จะผูกขาดเส้นทางบินนานาชาติไว้ทั้งหมด แต่เนื่องจากรัฐบาลไต้หวันเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ทำให้การเพิ่มเส้นทางบินไปด้วยความยากลำบาก เมื่อ อีวา แอร์เวย์เป็นสายการบินเอกชนจึงไม่ได้รับผลกระทบจากเงื่อนไขที่ว่านี้
สำหรับเอเวอร์กรีนก็จะได้รับประโยชน์จากการเปิดสายการบินอีวา แอร์เวย์ ไปด้วยโดยการเสริมฐานในส่วนของการขนส่งสินค้าที่เชื่อมโยงกับคาร์โก้
และทำให้บริการลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเสริมรับกับแผนการที่จะเข้าสู่ธุรกิจการโรงแรมอีกด้วย
ภายในสิ้นปีนี้เอเวอร์กรีนจะเปิดดำเนินการโรงแรมแห่งแรกในฮ่องกงเป็นปฐมฤกษ์ก่อนจะขยายไปสู่มาเลเซีย,
ไทยและสหรัฐฯ ต่อไป