Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2533
สงวน ลิ่วมโนมนต์ มือกฎหมายของนายกฯ             
 


   
search resources

สงวน ลิ่วมโนมนต์
Law




ทนายความที่หากินกับพ่อค้าคนจีนในเมืองไทยมีไม่น้อยในปัจจุบัน แต่ที่มีชื่อเสียงกันในวงกว้างและร่ำรวยในระดับแนวหน้านอกจากสุนทร โภคาชัยพัฒน์ แล้วเห็นจะต้องไม่ลืมนับ สงวน ลิ่วมโนมนต์ คนนี้เข้าไปด้วยอีกคน

พ่อค้าเก่าแก่ย่านสำเพ็งเคยเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่าทนายความที่เคยเป็นที่พึ่งของพ่อค้าคนจีนเมื่อรุ่นแรก ๆ หรือประมาณ 30-40 ปีก่อนนี้ก็มีแต่ ประสิทธิ กาญจนวัฒน์ วรรณ ชันซื่อ และก็ชมพู อรรถจินดา

คำว่าเป็นที่พึ่งในความหมายนี้ไม่จำกัดเฉพาะการรับว่าความตามโรงตามศาลเท่านั้น หากแต่หมายถึงการเป็นตัวแทนในการดำเนินการต่าง ๆ ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของบ้านเมือง

เพราะจะให้พ่อค้าคนจีนที่เข้ามาในประเทศแบบเสื่อผืนหมอนใบรู้เรื่องเกี่ยวกับระเบียบกฎหมายพวกนี้ย่อมยาก แม้แต่ภาษไทยก็ยังพูดถูกบ้างไม่ถูกบ้างอย่างที่มีการล้อเลียนกันเล่นในปัจจุบัน ทนายความที่พูดภาษาจีนเป็นจึงได้กลายเป็นที่พึ่งของบรรดาพ่อค้าเหล่านั้น

บางครั้งทนายความก็ยังทำหน้าที่เป็นคนเลี้ยงดูปูเสื่อฝ่ายเจ้านายบ้านเมืองเผื่อไว้เป็นกันชนหรือให้ความคุ้มครองไม่ให้ถูกรังแกอีกด้วยต่างหาก

เรื่องที่จะไปว่าคดีกันในศาลจึงค่อนข้างมีน้อย ส่วนใหญ่จะปรากฎให้เห็นในภาพของกรรมการบริษัทการค้าต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งก็เป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นตัวฝ่ายคนจีน หรือบางครั้ง ก็เป็นตัวแทนเจ้านายฝ่ายบ้านเมืองที่ไม่อยากจะออกหน้า เรียกว่าจะต้องรักษาประโยชน์ให้ทั้งสองฝ่ายระหว่างพ่อค้าคนจีนกับเจ้านายฝ่ายบ้านเมือง โดยเฉพาะทหารให้ความไว้วางใจอย่างมากจึงจะประสบความสำเร็จได้

สุนทร โภคาชัยพัฒน์ สงวน ลิ่วมโนมนต์ หรืออย่างไพโรจน์ หวังวงศ์วิโรจน์ ถือว่าเป็นรุ่นที่สองของทนายความที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในภาพลักษณ์นี้ ไม่นับเดช บุญหลง รวมเข้ามาด้วย เพราะภาพของเดชทางด้านทนายความนั้นเหลือน้อยเกินไป

เพียงแต่สุนทรอาจจะเน้นหนักไปทางด้านอุตสาหกรรมอย่างโรงงานน้ำตาล โรงเหล้าหรือโรงงานทอผ้า กล่าวกันว่าสุนทรเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญในการผลักดันนโยบายอ้อยน้ำตาล 70/30 และสัญญาเหล้าระหว่างรัฐบาลกับเอกชน

ส่วนไพโรจน์นั้นหนักไปทางด้านธุรกิจเงินทุน เครดิตฟองซิเอร์ และประกันภัย ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเป็นหัวหอกสำคัญในการต่อสู้กับทางแบงก์ชาติที่ออกมาตรการต่าง ๆ มาคุมทรัสต์ในช่วงวิกฤติการ 2526 ทั้งสองจบจากธรรมศาสตร์ในรุ่นไล่ ๆ กัน

แต่สงวนจบกฎหมายจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในรุ่นแรก ๆ ตั้งแต่ยังไม่แยกคณะนิติศาสตร์ออกมาจากคณะรัฐศาสตร์ ซึ่งดร. อุกฤษ มงคลนาวิน หนึ่งในผู้ก่อตั้งคณะนี้ขึ้นมาเคยกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่าแผนการเรียนกฎหมายจุฬาจะเน้นกฎหมายธุรกิจมากกว่าด้านอื่น ๆ สิ่ง ที่สงวนถนัดจึงเป็นเรื่องทางด้านการค้าทั้งในและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการจดทะเบียนบริษัทห้างร้านต่าง ๆ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า จะเห็นว่ามีชื่อของเขาเป็นที่ปรึกษาในบริษัท ห้างร้าน และสมาคมทางการค้าต่าง ๆ มากมาย

นับว่าเป็นการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งจากทนายความพ่อค้าจีนในรุ่นแรก ๆ

ปู่ของสงวนเป็นคนในตระกูล "ลิ่ว" ที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเข้ามาตั้งรกรากใหม่ที่กาญจนบุรี จนมาถึงยุคของ "ชัย" พ่อของสงวนจึงได้อพยพครอบครัวเข้ามาค้าขายในกรุงเทพปักหลักลงที่สามแยกเจริญกรุง

ชัย ลิ่วมโนมนต์ แม้จะเป็นคนจีนที่ทำมาค้าขาย แต่ก็มองเห็นความสำคัญของการศึกษาบุตรหลานเป็นสิ่งสำคัญกว่าการค้า เขากล่าวกับลูก ๆ ว่าสมบัติที่เขาจะสร้างไว้ให้ลูกทุกคนนั้นคือความรู้ คนในครอบครัวนี้ทุกคนจึงได้ร่ำเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นสูงมากกว่าการเรียนทำมาค้าขายอยู่กับเตี่ยที่บ้าน

ลูกชายคนโตของเขาชื่อ คงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์ ปัจจุบันก็เติบโตขึ้นมาในวงราชการจน มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการล่าสุดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี

สงวน ลิ่วมโนมนต์ น้องชายของคงศักดิ์ก็เป็นคนที่เอาดีด้านการเรียนมาตั้งแต่เล็ก ๆ เขาเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่ากลางวันเรียนสามัญศึกษาที่โรงเรียนวัดไตรมิตร ตอนเช้าและเย็น จะเป็นเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเอาที่ YMCA และกลางคืนจะวิ่งไปเรียนภาษาจีนที่โรงเรียน- สหคุณ ถนนสุรวงศ์

ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่กับการเรียนภาษาอังกฤษและภาษาจีนมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนโตเข้ามหาวิทยาลัยที่จุฬาก็ยังเรียนอยู่ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เขาชอบและก็สนุกกับมันมาก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจมาก่อนว่ามันจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งต่ออาชีพของเขาในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน

พอจบนิติศาสตร์บัณฑิตจากจุฬาก็ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยทูเลนสหรัฐอเมิกาให้ไปเรียนต่อระดับปริญญาโททางด้านกฎหมาย โดยใช้เวลาเรียนเพียง 8 เดือน และจบออกมาด้วยวัยเพียง 25 ปี ทางมหาวิทยาลัยทูเลนจึงให้ทุนไปศึกษาต่อด้านกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายสหรัฐอเมริกาเปรียบเทียบที่สถาบัน (INTERNATIONAL COURT OF JUSTICE HAGUE PEASC PALACE NETHERLAND) เมืองดัลลัส เท็กซัส

สงวนบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่ามหาวิทยาลัยทูเลนเสนอทุนให้เขาเรียนต่อระดับปริญญาเอก แต่เขาไม่รับเพราะไม่อยากกลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือ จึงต้องรีบกลับมาเมืองไทยและเป็นทนายความตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ก็กว่า 20 ปี

"ความที่ผมเป็นคนที่พูดภาษจีนได้ดี และก็ได้รับความเชื่อถือมาตั้งแต่รุ่นพ่อเรื่องความซื่อสัตย์ก็เลยได้รับความไว้วางใจอย่างมากจากพ่อค้าคนจีน ทำให้อาชีพทนายความของผมค่อนข้างประสบความสำเร็จดี" สงวนกล่าวถึงจุดสำคัญในอาชีพของเขา

นอกจากความเชื่อถือเบื้องต้นที่กล่าวแล้ว สงวนยังเป็นนักกิจกรรมสังคมตัวยงคนหนึ่ง ซึ่งคนในวงการมีความเห็นว่ามันก็คือกลยุทธ์การตลาดในอาชีพของเขา โดยเฉพาะในหมู่คนจีนแล้วเรื่องกิจกรรมสังคมถือเป็นหน้าตาที่สำคัญอย่างยิ่ง

สงวนเป็นคนก่อตั้งสโมสรไลออนส์กรุงเทพ (ไชน่าทาวน์) เมื่อสมัยเขากลับมาจากต่างประเทศใหม่ ๆ ซึ่งต่อมากิจกรรมของสโมสรแห่งนี้ได้ขยายบทบาทกว้างขวางออกไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับตัวสงวนเองที่สุดท้ายเขาก็ขึ้นมาเป็นประธานสภาผู้ว่าการภาคไลออนส์ ภาค 310 ประเทศไทย

เขายังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการก่อตั้งและดำเนินกิจกรรมของสมาคมมิตรภาพไทย-จีน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นองค์กรที่เป็นจุดเชื่อมสำคัญอย่างยิ่งระหว่างพ่อค้าจีน ในไทยกับรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เกิดกิจกรรมทางการค้าการลงทุนระหว่างกลุ่มนี้อย่างมากในปัจจุบัน

พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เคยเป็นนายกสมาคมนี้ติดต่อกันมาถึง 15 ปี พร้อม ๆ กันนั้น สงวน ลิ่วมโนมนต์ ก็รั้งตำแหน่งเลขาธิการสมาคมมาโดยตลอดเช่นกัน

และอีกหลายสมาคมหลายองค์กรที่สงวนเข้าไปมีบทบาทอยู่ล้วนแล้วแต่มีส่วนส่งเสริมความเชื่อถือในตัวของเขามากขึ้นในสังคมคนจีน จากสิ่งที่สะสมมาเป็นเวลานับสิบปี ทำให้กลายเป็นจุดผ่านที่สำคัญระหว่างพ่อค้ากับข้าราชการและนักการเมือง

"ผมตั้งใจว่าจะทำงานให้กับสังคมให้ดีที่สุด ประโยชน์เกิดขึ้นแก่สังคมโดยตรงก็มีบ้างที่เกิดขึ้นกับตัวเรา แต่เป็นในรูปความไว้วางใจ ความเชื่อถือศรัทธา อันนี้มันตามมาเอง การที่ ผมมีตำแหน่งทั้งการเมืองหรือองค์การทางการค้ามากมายอย่างทุกวันนี้ก็เพราะคนอื่นเห็นว่าเราเป็นคนทำงานจริง และก็เป็นคนที่ไว้ใจได้ก็มีการแนะนำกันเองว่าจะให้ผมทำนั่นให้ทำนี่ให้ ไม่ว่าฝ่ายรัฐหรือเอกชน" สงวนกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ปัจจุบันสงวนเพิ่งจะมีอายุเพียง 45 ปีเศษเท่านั้น แต่ปรากฎว่ามีตำแหน่งทางสังคมในสมาคมต่าง ๆ มากมายจนจำไม่ได้ ส่วนตำแหน่งทางราชการก็ล้วนแต่อยู่ใกล้ศูนย์อำนาจทั้งสิ้น เช่นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะทนายที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท. จำรัส มังคลารัตน์

ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญเศรษฐกิจ รัฐสภา รองประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษากฎหมายกีดกันการค้าสหรัฐ คณะกรรมาธิการวิสามัญร่างกฎหมายมหาวิทยาลัย สุรนารี ผู้ชำนาญการทรัพย์สินทางปัญญา สหรัฐอเมริกา กระทรวงยุติธรรม กรรมการแห่งชาติว่าด้วยมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ

จะเห็นว่าในจุดที่เขาสังกัดแต่ละแห่งนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมอาชีพของเขาให้สูงขึ้นทั้งสิ้น แม้จะมีบางคนกล่าวว่าบางอย่างไม่เกี่ยวกับวิชาชีพทนายความโดยตรงของเขาก็ตาม

อย่างไรก็ตามสังคมพ่อค้าคนจีนกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อลูก ๆ ของเถ้าแก่ทั้งหลายเดินทางกลับมาจากการเรียนหนังสือที่เมืองนอก แม้ความเชื่อถือต่อบุคคลที่ติดมาตั้งแต่รุ่นพ่อจะ ยังอยู่สูง แต่พฤติกรรมการใช้นักกฎหมายก็คงต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

ดังนั้น ทนายความรุ่นหลังที่กำลังเดินตามแบบฉบับของสงวนอย่างทุกวันนี้อาจจะไม่ร่ำรวยอย่างสงวนก็ได้ เพราะว่าแม้แต่ตัวสงวนเองก็กำลังคิดจะเปลี่ยนแปลงบทบาทของตัวเองในเร็ว ๆ นี้

สงวนกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่าภายในสองปีนี้ เขาจะเปิดสำนักงานแห่งใหม่ขึ้นที่ถนนรัชดา บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ซึ่งจะเน้นให้เป็นศูนย์ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ การค้า การลงทุน สำหรับชาวต่างประเทศ ซึ่งแทนที่จะจำกัดขอบเขตของตัวเองอยู่กับคนจีนไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ ก็จะก้าวสู่ยุโรป อเมริกามากขึ้น โดยร่วมกับสำนักงานกฎหมายต่างประเทศเพื่อให้เป็น INTERNATIONAL LAW OFFICE เฉกเช่นการพัฒนาของการค้าที่ไม่ได้มีขอบเขตเฉพาะ สำเพ็งหรือเยาวราชเท่านั้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us