Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2533
ราชากล้องถ่ายรูปไทย             
 


   
search resources

Camera and Photos
อนุชา ลุยวิกกัย
เอกศิลป์อุตสาหกรรม




ธุรกิจทำมาหากินการถ่ายภาพมีมานานนับศตวรรษแล้ว ห้างเจี่ยคี่เส็งในยุคสมัยโน้นเป็นที่รู้จักกันในฐานะเป็นร้านถ่ายภาพผีมือดี ลูกจ้างหลายคนของห้างเจี่ยคี่เส็งมีทั้งเป็นคน ล้างฟิลม์และช่างถ่ายภาพเมื่อลาออกมาก็ตั้งร้านทำมาหากินด้านถ่ายภาพกันเสียส่วนใหญ่

กล่าวอีกนัยหนึ่งห้างเจี่ยคี่เส็งในสมัยนั้นเป็นดุจสถาบันผลิตนักถ่ายภาพที่สำคัญที่สุดของประเทศ

กล่าวกันว่าบรรพบุรุษของเถ้าแก่บริษัทเอกศิลป์อุตสาหกรรมราชากล้องถ่ายรูปไทย ยุคปัจจุบันก็เคยเป็นช่างภาพห้างนี้มาก่อน ก่อนที่แยกตัวออกมาเปิดร้านถ่ายภาพเอง "คุณพ่อเปิดร้านถ่ายภาพที่ฝั่งธนบุรี โดยมีพี่ชายคนโต (สู ลุยวิกกัย) ของผมเป็นผู้ช่วยก็ทำกันมาเรื่อย ๆ แบบกิจการขนาดเล็ก ๆ" อนุชา ลุยวิกกัย ผู้จัดการตลาดและการส่งออกของ บริษัท เอกศิลป์อุตสาหกรรมพูดถึงอดีตการก่อตัวของเอกศิลป์เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน

อนุชาอายุ 40 ปี มีความรู้พื้นฐานทางวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาบัณฑิต ทางเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจจากธรรมศาสตร์และนิด้า เขาเริ่มงานช่วยครอบครัวตั้งแต่เรียนปริญญาโทที่นิด้า โดยทำงานสารพัดอย่างตั้งแต่เด็กส่งของจนถึงเซลล์แมนบุกเบิกขายสินค้าให้ต่างประเทศ

อนุชากล่าวว่าจุดเริ่มต้นการเข้าสู่อุตสาหกรรมของเอกศิลป์เกิดเมื่อเกือบ 16 ปีก่อน เมื่อมีการผลิตอัลบั้มและกรอบรูปพร้อม ๆ กับการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์การถ่ายภาพ ในสตูดิโอจากต่างประเทศเช่นเลนส์ชไนเดอร์และไฟแฟสแฮนด์เซลของเยอรมนี

การสะสมประสบการณ์การผลิตอัลบั้มและกรอบรูปเป็นฐานที่ส่งให้เกิดการผลิต สินค้าพวก PHOTOGRAPHIC ACCESSORIES เช่นฝาครอบเลนส์ กระเป๋าใส่กล้อง สาย หูหิ้วกล้อง สายสะพายกล้อง และอื่น ๆ อีกมากมายอย่างจริงจังในเชิงพาณิชย์ภายใต้ยี่ห้อ ELECTRA ที่บริษัทเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เมื่อ 6 ปีก่อน

การตัดสินใจเข้าสู่การผลิตนี้เป็นจุดที่สำคัญยิ่งของเอกศิลป์เพราะ หนึ่ง - เป็นเจ้าแรกและเป็นเจ้าเดียวในประเทศที่มีการผลิตและจำหน่ายสินค้าพวกนี้มากที่สุดถึงกว่า 40 รายการ "ร้านค้าถ่ายภาพ และล้างฟิล์มทั่วประเทศนอกเหนือพวกฟิล์มและอุปกรณ์การล้าง อัดฟิล์มแล้วจำหน่ายสินค้าของเอกศิลป์มากที่สุดแต่ผู้เดียว จุดนี้ผมคิดว่าเป็นจุดแข็งในทางการตลาดของเราที่คู่แข่งรายใหม่ยากที่จะเข้ามาได้" อนุชา ลุยวิกกัยผู้จัดการตลาดเล่าถึงผลบวกประการหนึ่งจากการตัดสินใจขยายฐานการผลิตอุปกรณ์และกล้องถ่ายรูปต่อไปในอนาคต

"เมื่อเราผลิต ACCESSORIES ได้ทำให้เรามีฐานพลาสติกที่สามารถนำเราไปสู่การผลิตสายอุปกรณ์เช่นแฟสซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญของการผลิตกล้อง" อนุชากล่าวถึงพัฒนาการการผลิตแฟสที่ปัจจุบันเป็นทั้งผู้ผลิตและรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็มจากต่างประเทศที่มีกว้างขวางกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยกว่าครึ่งอยู่ในยุโรปตะวันตก

การผลิตกล้องถ่ายภาพเป็นความฝันที่อนุชาตั้งทัศนภาพไว้นานแล้วว่าเอกศิลป์ต้องไปให้ถึงจุดนั้น

กล้องถ่ายภาพประเภทคอมแพ็คท์โดยเฉลี่ยจะมีชิ้นส่วนขึ้นต่ำประมาณ 130 ชิ้นมีระดับวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีขั้นต่ำที่ภาษานักเลงกล้องเรียกกันว่ารุ่นแมนนวล(MANNUAL) หรือ NON-AUTO FOCUS ไปจนถึง AUTOFOCUS

การผลิตกล้องได้ต้องมีความพร้อมในปัจจัยโรงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตอย่างน้อย 6 อย่างด้วยกันคือ มีฐานสายการผลิต ACCESSORIES อิเล็กทรอนิกส์ แฟส อาร์ แอนด์ดีทูลลิ่งช้อป พลาสติกและโลหะ เอกศิลป์เพิ่งจะสามารถผลิตกล้องถ่ายภาพคอมแพ็คได้เป็นผลสำเร็จรายแรก และรายเดียวของไทยเมื่อเดือนตุลาคมนี้เอง "เราเตรียมความพร้อมเพื่อการผลิตนี้มา 2 ปีเต็ม" อนุชากล่าวถึงการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่กินเวลายาวนานกว่าจะสำเร็จ

กล้องถ่ายภาพที่ผลิตได้นี้เป็นกล้องคอมแพ็ครุ่น 400 และ 500 เทคโนโลยีขั้นต่ำแบบ NONAUTOFOCUS ด้วยความเชื่อที่ว่าควรจะเริ่มจากเบสิคก่อนเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ก่อน ที่จะก้าวเข้าสู่การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงต่อไป "เราใช้ยี่ห้อ ELECTRA ที่เตรียมส่งออกขายในช่วงปลายปีนี้เน้นที่ตลาดสหรัฐฯ" อนุชาพูดถึงแผนการขายปลายปีนี้ซึ่งเขาเตรียมนำออกแสดงครั้งแรกในงานโฟโตจีน่าที่เยอรมนี เดือนตุลาคมนี้

งานแสดงโฟโตจีน่าที่เยอรมนีจัดขึ้น 2 ปีครั้งเป็นงานแสดงผลิตภัณฑ์ด้านการถ่ายภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีนักธุรกิจที่ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพทั่วโลกมาพบปะติดต่อกันเพื่อดูความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการผลิตด้านกล้อง ตลาดกล้องคอมเพ็คท์เป็นตลาดที่ใหญ่โตมหาศาลปีที่แล้วในตลาดโลกมีการซื้อขายจากกล้องที่ผลิตจากไต้หวันสูงถึงประมาณ 34 ล้านชิ้นจากญี่ปุ่นประมาณ 14 ล้านชิ้นรวมการผลิตและยอดขายจากแหล่งผลิต 2 ประเทศนี้สูงถึงเกือบ 50 ล้านชิ้น

"เราหวังตลาดสหรัฐฯ มากเพราะมีศักยภาพสูงในการซื้อกล้องประเภท NON-AUTO FOCUS ซึ่งราคาถูกและคนอเมริกันชอบใช้ ขณะที่ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตกล้องแบบคอมแพ็คท์หันไปผลิตกล้องแบบอื่นที่มีเทคโนโลยีและสร้างกำไรได้สูงกว่า" อนุชากล่าวถึงความเป็นไปได้ของการนำกล้องคอมแพ็คท์ที่ผลิตได้เจาะตลาดสหรัฐฯ

ตลาดกล้องคอมแพ็คท์มีการแข่งขันสูงมากโดยมีบริษัทพรีเมียร์ คาเมราแห่งไต้หวันเป็นยักษ์ใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาดโลกสูงสุด และบริษัทแคนนอนแห่งญี่ปุ่นตามมา

ความสามารถในการบริหารต้นทุนการผลิต และการรู้จักเลือกใช้สิทธิทางภาษีศุลกากรในการบุกตลาดสหรัฐ และยุโรปดูจะเป็นหัวใจของการแข่งขันมากกว่าสิ่งอื่น มองจากจุดนี้ดูจะปลอดโปร่งในการบุกเจาะตลาดโลกของเอกศิลป์เอามาก ๆ เหตุผลเพราะประการแรกการผลิตกล้องในขั้นตอนการประกอบต้องใช้แรงงานมาก ดังนั้นการผลิตที่ใช้คนงานที่มีค่าจ้างต่ำย่อมได้เปรียบสิ่งนี้คือเหตุผลประการสำคัญที่ว่าทำไมบริษัท นิกคอนของญี่ปุ่นโยกย้ายฐานการผลิตส่วนหนึ่งไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ประการที่สอง การเข้าตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกประเภทคอมแพ็คท์มีการให้สิทธิทางจีเอสพีแก่ไทย ขณะที่ไต้หวันไม่ได้สิทธิ จีเอสพี กล้องที่ผลิตจากไต้หวันจึงต้องเสียภาษีนำเข้าประมาณ 7% "ในทางตรรกะหลักความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของไทยสู้ไต้หวันได้" อนุชากล่าวอย่างเชื่อมั่น

การเดินไปในเส้นทางการผลิตกล้องคอมแพ็คท์เป็นทิศทางที่ท้าทายต่ออนาคตการเติบโตของเอกศิลป์อย่างยิ่ง เพราะในอุตสาหกรรมกล้องถ่ายภาพประมาณ 90% เป็นตลาดของกล้องคอมแพ็คท์ทั้ง NON-AUTOFOCUS และ AUTO FOCUS ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่โตมหาศาล "อีก 2 ปีข้างหน้าเมื่อยุโรปรวมเป็นตลาดเดียวสำเร็จ เราวางเป้าหมายจะวางขายกล้องคอมแพ็คท์รุ่น AUTOFOCUS ให้ได้" อนุชาพูดถึงแผนการผลิตของเอกศิลป์ในอีก 2 ปีข้างหน้า

และเมื่อถึงตรงนั้นหมายความถึงการเป็นราชาอุตสาหกรรมกล้องถ่ายภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการถ่ายภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและอาเซียน ที่คู่แข่งทั้งในประเทศและเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่นคงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงจะตามทัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us