Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2542
ชีวิตของเทเลคอมมิวเตอร์ สนุก แต่ก็ปวดหัว             
 


   
search resources

Networking and Internet




โรเบิร์ต บาร์คเกอร์ (Robert Barker) ย้อนอดีตชีวิตของคนทำงานสมัยใหม่ที่เริ่มต้นเมื่อราวสี่ห้าปีก่อนว่า "ผมแค่ลาออกจากงานประจำ แล้วไปทำงานอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่การตั้งบริษัทใหม่ และแทนที่จะต้องขับรถวันละ 182 กิโลเมตรไปมาระหว่างบ้านกับสำนักงานซึ่งบางครั้งก็เจอแต่เพื่อนร่วมงานที่เล่นสนุกไปวันๆ หรือบางทีก็เข้าขั้นน่ารำคาญ ผมได้ทำงานของผมทั้งวันตามลำพัง ผมเป็นเทเลคอมมิวเตอร์ ทำงานอยู่ที่ฟลอริดา แต่เขียนงานส่งนิตยสารในนิวยอร์ก ซิตี้"

าถามว่าผมเหงาไหม ผมขอตอบว่าใช่ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจัดการกับ กับความเหงาอย่างไร แต่บางทีผมก็ตอบคนที่ถามคำถามนี้ว่า มันง่ายมากถ้าหากคุณรักงานของคุณ

ผมคงเป็นคนประหลาดอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนสักเท่าไร งานของผมอาจจะดูไม่เหมือนอาชีพอื่นในโลกของความเป็นจริง แต่จำนวนของคนอเมริ-กันที่เป็นเทเลคอมมิวเตอร์เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าตัวในช่วงทศวรรษนี้ ตอนนี้มีเกือบ 16 ล้านคนแล้ว บางคนทำงานคล้ายๆ กับผม บางคนก็ทำงานที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจซึ่งต้องอาศัยข้อมูลความรู้เป็นฐาน

แต่ตัวเลขที่ว่ายังไม่น่าแปลกใจเท่ากับที่ผมเห็นโฆษณารับสมัครวิศวกรโครงสร้าง ที่ต้องการทำงานแบบเทเลคอมมิวติงเมื่อเร็วๆ นี้ และมีเพื่อนบ้านของผมคนหนึ่งไปเล่นสกีที่โคโลราโดเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมา เขาไปกับเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ทำงานเขียนซอฟต์แวร์ พวกเขาไต่เขาร็อกกี้กันตอนกลางวัน ตกกลางคืนก็เคาะคีย์บอร์ดป้อนรหัสต่างๆ

อินเตอร์เน็ตคือสื่อที่ทำให้เกิดเรื่องแปลกๆ เหล่านี้ ยิ่งมีธุรกิจออนไลน์เพิ่มขึ้นเท่าไร อาชีพของเทเลคอมมิวเตอร์จะยิ่งมีมากขึ้น แน่ละ ความเสี่ยงต้องมีบ้าง แต่ก็มีโอกาสให้กับคนที่กล้าบุกเบิก มีความรู้ความสามารถ และพึ่งพาตนเองได้

เทเลคอมมิวเตอร์ส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน แต่ผมไม่ชอบความคิดนี้เท่าไร และคิดว่าจะทำให้ลูกสองคนของผมวุ่นวายไปด้วย ผมจึงใช้วิธีเช่าสำนักงานเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ๆ บ้าน ซึ่งอยู่แถวชายหาดเมลเบิร์น ค่าเช่าสำนักงานคิดดูแล้วยังถูกกว่าค่าทางด่วนที่ผมเคยจ่ายเมื่อก่อนนี้อีก

ผมมีเพื่อนใกล้ๆ ที่ทำงานอยู่สองสามคน คนหนึ่งเป็นนักบัญชีสูบบุหรี่จัดชื่อ ดิ๊ก อีกคนชื่อบิล ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ บิลเอาขนมมาให้ผมอยู่บ่อยๆ แต่เขาเสียชีวิตไปเมื่อปีกลายนี้เอง

ใครที่ต้องการติดต่อกับผม ผมมีโทรศัพท์สามเครื่องสำหรับรับสาย เป็นแฟกซ์ และรับข้อมูล นอกจากนั้นก็มีเคเบิลทีวี มีเพื่อนอีกคนเป็นพนักงานส่งเอกสารของเฟเดอรัล เอ็กซ์เพรส (Federal Express) ผมเดินทางไปนิวยอร์กบ้างเป็นครั้งคราว

คนที่เป็นเทเลคอมมิวเตอร์อย่างผมต้องให้ความสำคัญกับการติดต่อเป็นอันดับแรก มีเพื่อนผมคนหนึ่งที่เป็นผู้บริหารของฟิเดลลิตี้ อินเวสเมนท์ (Fidelity Investments) เธอทำงานอยู่กับบ้าน และเคยบอกผมว่าเธอไม่เคยพลาดโทรศัพท์แม้แต่ครั้งเดียว เธอติดโทรศัพท์ในห้องน้ำของเธอด้วย แดเนียล กอร์เรล เพื่อนอีกคนที่เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดรถยนต์ และทำงานแบบเทเลคอมมิวเตอร์มาตั้งแต่ปี 1990 ให้กับบริษัทสเตรทเตจิก วิชัน (Strategic Vision) ในซานดิเอโก ก็เคยคุยกับผมว่า "เทเลคอมมิวเตอร์ไม่ได้ทำงานสบายๆ ส่วนใหญ่พวกนี้ต้องทำงานหนักขึ้นและทำงานนานกว่าคนอื่น"

ซูซาน ชาริน (Susan Sharin) ที่ปรึกษาด้านการลงทุน เพื่อนของผมอีกคนก็บอกว่าทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงผิดปกติเพียงเบาๆ เธอจะรู้สึกตกใจมาก อาชีพอย่างเราๆ โทรศัพท์และคอมพิว-เตอร์เป็นเรื่องสำคัญมาก

ซูซานเคยทำงานประจำที่ต้องเดิน ทางวันละ 42 ไมล์ แต่ทุกวันนี้เธอทำงานอยู่กับบ้านที่มีพื้นที่กว้างถึง 14 เอ-

เคอร์ใกล้กับอีสต์ฟอร์ด คอนเนกติกัต ซูซานมีเวลาฝึกโยคะในห้องเดียวกับที่เธอคิดเรื่องธุรกิจมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์

เทเลคอมมิวเตอร์อีกคนที่ผมรู้จักคือ จิล ฟอลลิค (Jill Fallick) เธอให้สามีตรวจซ่อมคอมพิวเตอร์ให้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงผิดปกติ จิลเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของมอร์นิงสตาร์ อิงค์ (Morningstar Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการลงทุนในชิคาโก เธอทำงานนี้ตั้งแต่ปี 1994 จนถึงเดือนสิงหาคม 1996 สามีของจิลต้องย้ายไปทำงานที่ซิลิคอน วัลเลย์ มอร์นิงสตาร์จ้างเธอทำงานต่อในลักษณะของเทเลคอมมิวเตอร์ เธอตอบตกลงทันที และได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเช่าที่เอเทอร์ตัน เธอใช้ห้องห้องหนึ่งเป็นสำนักงานส่วนตัว ภายในห้องมีโต๊ะเก่าขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ชั้นเก็บเอกสารและหนังสืออ้างอิง ตุ๊กตาหมี คอม พิวเตอร์เพนเทียม II หนึ่งเครื่อง พร้อมมอนิเตอร์ขนาด 17 นิ้ว เลเซอร์พรินเตอร์เล็กซ์มาร์ค โทรสารของฮิวเลตต์-แพคการ์ดและเครื่องถ่ายเอกสารอีกเครื่องที่มอร์นิงสตาร์ออกเงินซื้อให้ นอกนั้นเป็นรูปถ่ายของเธอกับสามี และลูกสาววัยสองขวบชื่อเมเรดิธ โทรศัพท์อีกสามเครื่อง และเคเบิล โมเด็ม

จิลมีนาฬิกาสองเรือนในห้อง เรือนหนึ่งตั้งเวลาแคลิฟอร์เนีย อีกเรือนเป็นเวลาชิคาโก ในแต่ละวัน เมื่อนาฬิกาชิคาโกถึงเวลา 9.00 น. จิลจะพาเมเรดิธไปส่งที่สถานเลี้ยงเด็กและเริ่มงานของเธอ ช่วงแรก จิลกังวลใจกับงานลักษณะใหม่ของเธอพอสมควร และเธอต้องฝึกฝนตนเองให้ไว้วางใจเพื่อนพ้องที่ทำงานที่ชิคาโก "เมื่อคุณเริ่มเป็นเทเลคอมมิวเตอร์ สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องทำก็คือต้องทำประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับตัวเอง เพราะคุณไม่ใช่คนสำคัญในสำนักงานนั้นอีกแล้ว" งานชิ้นแรกที่จิลได้รับมอบหมายก็คือ ทำแผนรักษาลูกค้าโดยปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยใช้ฐานข้อมูลลูกค้าให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด

เมื่อถึงเวลาประเมินแผนการ จิลบอกเธอตื่นเต้นเป็นที่สุด แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้งานชิ้นใหม่ โดยเป็นผู้ฝึกอบรมให้กับผู้จัดการโครงการในเรื่องการบริหารงบประมาณ การวิจัยการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจิลบอกเธอรู้ว่าการรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเพื่อนร่วมงานในชิคาโกช่วยให้เธอทำงานได้ต่อไป และที่สำคัญก็คือต้องทำให้มากกว่าการทำงานเป็นทีม

ลอรา ลัลลอส (Laura Lallos) เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของจิลซึ่งเลือกทำงานแบบเทเลคอมมิวเตอร์โดยอยู่ที่โอเรกอนนานหนึ่งปีครึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินใจย้ายกลับไปที่ชิคาโกเมื่อปีที่แล้ว ลอราบอกเธอพบเห็นข้อดีและข้อเสียของการเป็นเทเลคอมมิวเตอร์แล้ว "ตอนที่เป็นเทเลคอมมิวเตอร์ คุณจะมีความสามารถทำงานได้มากกว่าที่เคยคิดว่าจะทำได้เมื่อครั้งที่ทำงานประจำ แต่ว่าคุณจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของบริษัท" ลอราคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป บริษัทอาจหันไปทำธุรกิจอื่นๆ และทิ้งเธอไป ลอราจึงตัดสินใจกลับไปทำงานประจำที่ชิคาโกอีกครั้ง และได้งานในแผนกเว็บไซต์ในบริษัทมอร์นิงสตาร์เธอมีความสุขกับงานใหม่ และมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากแม้จะรู้ตัวว่า "มีความอดทนน้อยลงเมื่อต้องเข้าประชุมที่น่าเบื่อ" ก็ตาม

เพื่อนคนหนึ่งของผมก็เล่าให้ฟังว่า มีนักเขียนคนหนึ่ง ได้รับการติดต่อให้เขียนงานให้กับสำนักพิมพ์ด้านคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งในนิวอิงแลนด์ แต่วันหนึ่งทางสำนักพิมพ์ก็หานักเขียนอีกคนหนึ่งที่คิดค่าจ้างถูกกว่าได้ นักเขียนคนนั้นก็เลยตกงานไป

นี่คือความกังวลของพวกเทเลคอมมิวเตอร์ ซึ่งรู้ดีว่าความสัมพันธ์ผ่านสายโทรศัพท์ไม่อาจเชื่อมโยงเราเข้ากับเพื่อนฝูงที่ทำงานได้ยาวนาน แต่ผมคิดว่าเดี๋ยวนี้งานของเทเลคอมมิวเตอร์กำลังเปิดกว้างกว่าเมื่อห้าปีก่อนอีกมาก ผมไม่คิดว่าเทเลคอมมิวเตอร์คนไหนจะได้รับแต่งตั้งเป็น CEO ของบริษัทที่อยู่บนตึกอาคารสูงๆ แต่โอกาสของพวกเราอยู่ที่อินเตอร์เน็ตต่างหาก เพราะมีงานอีกมากมายทำได้โดยอาศัยโมเด็ม และเทเลคอมมิวเตอร์ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่ไซเบอร์คอมมิวเตอร์ ซึ่งจะมีโอกาสได้เปรียบในเชิงแข่งขัน

จิล ฟอลลิคเห็นด้วยกับความคิดนี้ เธอบอกโครงการใหม่ของเธอไม่มีทางทำได้สำเร็จหากไม่มีอินเตอร์เน็ต เธอ เองก็อาศัยสื่ออินเตอร์เน็ตนี้ในการหาข้อมูลทำวิจัย ห้องทำงานของเธอยังติด ป้ายว่า "โลกทั้งโลกตอนนี้มีแต่อินเตอร์ เน็ต อินเตอร์เน็ต และอินเตอร์เน็ต"

แดน กอร์เรล บอกผมว่าเขาได้รู้จักซูซาน ชารินก็เพราะอินเตอร์เน็ต ส่วนชารินก็บอกว่า "คนที่ฉันรู้จักในชีวิต การเป็นไซเบอร์คอมมิวเตอร์ล้วนแต่เป็น คนน่าสนใจกว่าคนที่เธอรู้จักที่บริษัทโบรกเกอร์เสียอีก"

แต่ความสัมพันธ์ในระบบไซเบอร์ จะทดแทนการพบปะแบบเห็นตัวตนกันหรือเปล่า ยังเป็นคำถาม แดนบอกว่าคงแทนกันไม่ได้ เพราะการพบหน้ากันจะสร้างความรู้สึกเข้าอกเข้าใจกัน มันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของมนุษย์ ต้องใช้เวลา และมนุษย์ก็ต้องใช้ประสาท สัมผัสในการมอง เป็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกัน และเอาใจใส่ดูแลกัน

"แต่สำหรับผม ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเห็นด้วยกับแดนทั้งหมดหรือไม่ เหตุผลหนึ่งก็เพราะกรณีที่เกิดขึ้นกับซูซานเมื่อสองสามปีก่อน ซูซานรู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งที่โอเรกอนโดยผ่านสื่ออินเตอร์ เน็ต ทั้งสองติดต่อกันอยู่หลายเดือน และพบว่าต่างก็มีความคิดเห็นตรงกันในเรื่องการบริหารเงินของคนอื่น ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงตั้งบริษัทร่วมกัน Efficient Frontier Advisor's โดยที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน หลังจากนั้น กิจการก็ทำรายได้เพิ่มขึ้นถึงกว่าสองเท่าที่ซูซานเคยบริหารมา ซูซานเคยเชิญเพื่อนร่วมธุรกิจของเธอมาพักที่บ้านของคุณแม่วัย 85 ของเธอที่นิวยอร์กคืนหนึ่ง ซึ่งเธอก็เล่าติดตลกว่า เขาไม่เห็นเหมือน พวกฆาตกรเลยสักนิดž

เรื่องของซูซานจะตลกหรือเปล่าสำหรับคุณ? แต่ตอนที่ผมฟังเรื่องนี้ ทำให้ผมมองในแง่ดี เหมือนกับเมื่อครั้งที่ผมได้ยินคำว่า "เทเลคอมมิวเตอร์" นั่นเอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us