Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2533
โอมี่ หงษ์หยก ไทคูนหนุ่มแห่งภูเก็ต             
 


   
search resources

ภูมิศักดิ์ หงษ์หยก




"หงษ์หยก" เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุดตระกูลหนึ่งของภูเก็ต โดยต้นตระกูลคือหลวงอนุภาษภูเก็ตการผู้เป็นตำนานนายเหมืองใหญ่ แห่งเมืองภูเก็ตด้วยการริเริ่มทำเหมืองสูบเป็นรายแรกในไทยและเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทจินหงวนในปี 2482 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อนุภาษและบุตรในปี 2485

หลวงอนุภาษภูเก็ตการ เป็นเจ้าของที่ดินสวนมะพร้าวและสวนยางที่ตำบลไม้ขาว นับพัน ๆ ไร่ โรงงานทำน้ำมันมะพร้าว โรงงานทำสบู่ เรือเดินทะเลชื่อทุ่งคาและยังเป็นเจ้าของเหมืองแร่อีก 6 แห่ง คือ เหมืองที่จังหวัดพังงา 3 แห่งชื่อเหมืองเรือขุดหินลาด เหมืองบางนุ เหมืองท่าซอ และเหมืองที่ภูเก็ต 2 แห่งคือเหมืองเจ้าฟ้าและเหมืองตีนเล และเหมืองนาสารที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ยิ่งมาในปี พ.ศ. 2491 เป็นต้นมา ราคาแร่ดีบุกสูงขึ้นหลวงอนุภาษฯได้บูรณะเหมืองเก่าที่ปิดระหว่างสงครามโลกคือเหมืองเบ้อั้ว ต.กระทู้และเปิดเหมืองใหม่ชี่อเหมืองระเง็ง และขอประทานบัตรเพิ่มอีก 3 แปลงและได้ซื้อที่เหมืองแร่ที่จังหวัดระนองอีก 2 แปลงและมีโรงแต่งแร่ และเมื่อราคาแร่ดีบุกสูงขึ้นในปี 2522 จึงทำให้เกิดการขยายพื้นที่เหมืองแร่เพิ่มขึ้นเช่นเหมืองตีนเป็ดและเหมืองที่ไม้หลา นอกจากนี้ยังเคยมีคนคิดจะทำเหมืองที่ยะลาแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเหมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

กิจการของตระกูลหงษ์หยกยังมีโรงน้ำแข็งซึ่งเกิดขึ้นเพราะกำลังไฟฟ้าที่บริษัทผลิตขึ้นใช้ทำเหมืองเหลือ และเมื่อหมดความจำเป็นเพราะบริษัทซื้อไฟฟ้าฯได้แล้วประกอบกับการค้าน้ำแข็งขาดทุนเพราะลูกหนี้ค้างชำระสูง จึงได้ขายกิจการและที่ดินเกือบ 4 ไร่ให้กับโรงน้ำแข็งทุ่งทองไปเป็นเงิน 3,700,000 บาทในปี 2520

นอกจากนี้ตระกูลหงษ์หยกยังมีโรงกลึง โรงไฟฟ้าท่าเรือคลองจีน ต่อมาตระกูลหงษ์หยกในรุ่นที่สามได้ขยายไปสู่กิจการค้าปลีกปั๊มน้ำมันเชลล์ 2 แห่งและบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าและมาสด้า ตลอดจนสนามกอล์ฟแห่งแรกของภูเก็ต

หลวงอนุภาษภูเก็ตการเดิมชื่อ "จินหงวน หงษ์หยก" เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน เกิดที่ตำบล กะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา มีบุตรชายหญิงทั้งสิ้น 10 คนคือฮักเหลี่ยง ฮักฮู่ หลุยเจ้ง ฮักจู้ ฮักเอก ฮักหยิน ยู่เป๊ก และยู่อี๋ แต่ผู้ที่มีบทบาทในการบริหารกิจการของตระกูลก็มีฮักเหลี่ยง หรือวิรัชบุตรชายคนโตซึ่งถึงแก่กรรมแล้วและฮักจู้หรือคณิตซึ่งเป็นลูกชายคนที่สามของหลวงอนุภาษภูเก็ตการ ต่อมาฮักจู้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมนูญ และในปี 2501 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณิต พร้อมๆกับพี่ชายคือธนูหรือฮักฮู่ที่เปลี่ยนเป็นชื่อวีระพงษ์ "เขาถือเรื่องโชคลางจึงเปลี่ยนชื่อ" คนเก่าแก่ในภูเก็ตเล่าให้ฟัง

ปัจจุบัน การบริหารทั้งหมดในเครือบริษัทอนุภาษและบุตร ตกมาถึงทายาทรุ่นหลานซึ่งมี ภูมิศักดิ์ หงษ์หยกหรือเรียกกันว่า "โอมี่" เป็นกรรมการผู้จัดการบริหารกิจการในบริษัทอนุภาษและบุตรอยู่สืบต่อจาก ณรงค์ หงษ์หยก ผู้เป็นอา

"โอมี่เป็นชื่อของผมที่พระจีนจากศาลเจ้าพุทธจ๊อที่ข้างตลาดสดตั้งชื่อให้ โดยมาจากคำว่าโอมิโตพุทธซึ่งเป็นภาษาฮกเกี้ยน ถ้าเป็นภาษาจีนกำลังภายในก็เรียก โอมิโตโฟ พอเป็นภาษาไทยก็เรียกสั้นๆว่าโอมี่" โอมี่เล่าให้ฟัง

โอมี่เป็นลูกชายคนเดียวในหมู่พี่น้อง 6 คนเป็นบุตรที่เกิดจากคณิตและเพ็ญศรี จบการศึกษามัธยมต้นจากรร.ดาวรุ่งวิทยา และจบปริญญาตรีเกียรตินิยมจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

โอมี่เคยรับราชการทหารที่สำนักงานปลัดบัญชี กองบัญชาการทหารสูงสุดและเมื่อ ลาออกจากราชการก็ได้เข้าบุกเบิกกิจการบริษัทตัวแทนขายรถยนต์มาสด้าและฮอนด้าและกิจการปั๊มน้ำมันและสนามกอล์ฟ "ภูเก็ตคันทรีคลับ"

ในระยะตั้งแต่ปี 2525 เป็นต้นมากิจการบริษัทอนุภาษและบุตรซึ่งเป็นบริษัทเก่าแก่ที่ตั้งมานานต้องขาดทุน เพราะกิจการเหมืองแร่ประสบปัญหาสวนมะพร้าวก็ให้ผลไม่คุ้มกับการลงทุน กิจการหลายอย่างถูกขายไปเช่นโรงน้ำแข็งและโรงกลึง เพราะหมดความจำเป็น

เหมืองแร่ที่เคยเป็นรายได้หลัก 80-90%ของกิจการทั้งหมด ก็เสื่อมถอยจนกลายเป็นกิจการที่ขาดทุนอยู่เดือนละล้านบาท การประคับประคองได้ถึงจุดสุดท้ายด้วยการปิดเหมืองเจ้าฟ้าเนื้อที่ 1,500 ไร่ซึ่งเป็นเหมืองสุดท้ายที่เปิดทำเหมืองอยู่หลังจากที่ต้องหยุดกิจการเหมืองทุ่งทองและเหมืองห้วยยอดไปเมื่อต้นปี 2530 ที่ผ่านมา เหมืองเจ้าฟ้าเป็นชื่อที่กรมพระนครสวรรค์วรพินิตได้ประทานชื่อให้เมื่อปี 2463

"อนาคตของเหมืองแร่ในภูเก็ตคงจะจบในเร็วๆนี้ แต่ก่อนเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ภูเก็ตเคยมีเหมืองบนบก 48 แห่งแต่เดี๋ยวนี้เหลือแค่ 3 แห่งและผมจะปิดเหมืองเจ้าฟ้าซึ่งดำเนินการมา 70 ปีในวันสองวันนี้ เพราะทำแล้วไม่คุ้ม เราได้แร่ดีบุกเดือนละประมาณ 40-100 หาบๆละ 60 กิโลกรัม และราคาดีบุกก็ตกต่ำมาตลอด 4 ปีและมีสต็อกเหลือในตลาดอีกมาก" โอมี่เล่าให้ฟัง

วิกฤติการณ์ของแร่ดีบุกเกิดขึ้นในราวปลายปี 2528-2529 กิจการเหมืองส่วนใหญ่ในภูเก็ตขาดทุนจนต้องปิดเหมืองลงเพราะราคาดีบุกตกต่ำ สต็อกดีบุกในตลาดโลกมีมาก และตลาดดีบุกที่กัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียต้องปิดตัว

เมื่อภาวะเศรษฐกิจโดยส่วนรวมของภูเก็ตเป็นเช่นนี้ ผลกระทบนี้ก็ทำให้ฐานะของตระกูลเริ่มทรุดด้วยปัญหาหนี้สินและปัญหาการบริหารระบบครอบครัวภายในของตระกูลหงษ์หยกเอง

สถานการณ์การทรุดลงของเหมืองแร่ ซึ่งเป็นรายได้หลักเป็นแรงบีบบังคับให้เศรษฐีเก่าภูเก็ตต้องปรัยตัวใหม่ แม้ตระกูลหงษ์หยกจะปรับตัวได้ช้ากว่ากลุ่มอื่นด้วยปัญหาภายนอกภายในที่รุมเร้าก็ตาม

ตระกูลหงษ์หยกได้แตกตัวไปสู่กิจการปั๊มน้ำมันโดยโอมี่ได้ติดต่อกับบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทยซึ่งเคยส่งน้ำมันป้อนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของบริษัทฯ เพื่อทำสัญญาดำเนินกิจการปั๊มน้ำมันสองแห่งที่สามแยกถนนสุรินทร์และถนนพังงาในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ครึ่งทั้งนี้เป็นการร่วมลงทุนกันฝ่ายละหนึ่งล้านบาทเศษ

ด้วยแนวความคิดการพัฒนาผืนแผ่นดินเหมืองแร่และสวนมะพร้าวสวนยางให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจได้โอมี่ได้พัฒนาพื้นที่เหมืองแร่จำนวน 1,500 ไร่ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกชาวบ้านโจมตีว่าการทำเหมืองทำใให้พื้นดินเสียหาย แต่วันนี้โอมี่ได้พลิกฟื้นเหมือง แต่ที่ทรุดโทรมเหล่านี้ให้กลายมาเป็นสนามกอล์ฟมาตรฐานขนาด 18 หลุมที่เขียวราวกำมะหยี่ภายใต้ชื่อว่า "ภูเก็ต คันทรีคลับ" เมื่อปี 2530

การทำสนามกอล์ฟของโอมี่ก็เพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูเก็ตซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ปีการท่องเที่ยวไทยในปี 2530 สนามกอล์ฟนี้อยู่ระหว่างทางจากตัวเมืองไปยังหาดป่าตองอันเป็นแหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยว ทำให้ได้เปรียบทั้งด้านสถานที่และเงินลงทุนที่ต่ำกว่าที่อื่นเพราะไม่ต้องซื้อที่ดินใหม่ แต่ใช้ที่ดินที่ผ่านการทำเหมืองมาแล้วครับ

ความฉลาดในการเจาะช่องทางพัฒนาที่ดินเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของเมืองภูเก็ต ได้นำความสำเร็จและชื่อเสียงมาสู่โอมี่อย่างมาก

"โครงการส่วนมากของบริษัทเราจะหวังผลระยะยาว คือไม่ลงทุนหวือหวาและจะเน้นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เพราะเราคิดถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่เราทำกันมา 50-60 ปีมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะลงทุนหรือก้าวไปด้านไหนก็ตาม เราจึงค่อนข้างช้ากว่ากลุ่มอื่น เพราะเราคิดมากถึงผลกระทบระยะยาวและความรับผิดชอบต่อสังคม" โอมี่เล่าให้ฟัง

โครงการในอนาคตโอมี่เปิดเผยว่ามีอยู่ 4-5 โครงการ คือโครงการโรงแรมขนาดใหญ่ 320-400 ห้องที่มีมูลค่าการลงทุน 1,600 ล้านบาท ที่ชายทะเลหาดไม้ขาวซึ่งเดิมเป็นสวนมะพร้าว "เราได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว" โอมี่เล่าให้ฟัง "ขณะนี้เรากำลังออกแบบอยู่ เหตุผลที่ยังช้าอยู่ เพราะจะเข้าหุ้นกับต่างประเทศ ซึ่งที่น่าเป็นไปได้ก็คือไฮแอท"

ส่วนอีกโครงการหนึ่งก็คือศูนย์การค้าในเมืองซึ่งโอมี่จะพัฒนาที่ดินเก่าของตระกูลให้มีลักษณะเป็น GARDEN CITY สถานที่ตั้งอยู่ถนนพังงาใกล้บริเวณ บขส.

"สำหรับโครงการบ้านจัดสรรตอนนี้เราชะลออยู่เพราะปัญหาวัสดุก่อสร้างขาดแคลน และมีผู้จัดสรรรายอื่นอีกมากเราจึงรอจังหวะอยู่" โอมี่เล่าให้ฟัง

วันนี้โอมี่เป็นสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองสมัย ๆ ละ 5 ปี แล้วนับตั้งแต่เขาได้กระโดดลงมาในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2523 เขาเป็นหัวหน้าทีม "กลุ่มคนหนุ่ม" ที่ครองเก้าอี้ทั้งหมด 18 ที่นั่งในสภาเทศบาลและในวันที่ 23 กันยายน นี้ก็ คงรู้ว่าโอมี่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสท. สมัยที่สามหรือไม่?

"ตระกูลนี้เล่นการเมืองท้องถิ่นก็คงเพราะเสียงอ้อนวอนของชาวบ้านไม่ได้ และถือได้ว่าตระกูลที่ช่วยเหลือท้องถิ่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงตั้งแต่รุ่นคุณลุงของเขาคือวิรัชเป็นต้น" ประสิทธิ์ ชิณกาญจน์ ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์เมืองภูเก็ต เล่าให้ฟัง

และในปี 2522 ตระกูลหงษ์หยกได้บริจาคที่ดินบริษัทเบอั้วจำนวนประมาณ 70 ไร่ เพื่อจัดตั้งวิทยาลัยชุมชนขึ้น จนเป็นที่ยอมรับกันถึงความเป็นเศรษฐีใจบุญของคนในตระกูลนี้

บนบ้านเนื้อที่ 17 ไร่ ที่สนามหญ้าสีเขียวรายล้อมคฤหาสน์โบราณทรงชิโน-โปรตุกีส ที่สร้างขึ้นในปี 2473 โอมี่กลับเป็นคนหนุ่มฉกรรจ์ที่มีความเรียบง่ายด้วยการแต่งกายเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวและกางเกงสีน้ำเงิน สามแว่นกันแดดสีชา

คนหนุ่มวัย 40 ที่เติบโตมากับเหมืองแร่ของตระกูลเก่าแก่ ได้เห็นทั้งความรุ่งโรจน์และเสื่อมสลายของเหมืองแร่ที่คืบคลานสู่ภูเก็ตมาชั่วสามอายุคน และในวันนี้โอมี่คือนักธุรกิจภูเก็ตรุ่นใหม่ที่พัฒนาแผ่นดินแม่ให้เปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเวลาข้างหน้า

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us