ผู้หญิงคนนี้สวยในระดับที่เมื่อใครได้พบเจอเธอแล้ว จะไม่มีใครไม่ถวิลหาเธออีกเก่งพอที่เจ้าของโครงการระดับ
1,000ล้านบาทมอบความไว้วางใจให้เธอดูแลงานด้านการตลาดแต่เพียงผู้เดียว ทั้งโครงการและแกร่งด้วยประสบการณ์ที่หมุนรอบตัวเธอเป็น
2 เท่าของวัยทั้งด้านชีวิตและงาน
คำกล่าวที่ว่านี้แม้จะไม่สามารถยึดเป็นสูตรสำเร็จในการมองความสำเร็จของผู้หญิงเก่งวันนี้แต่
พรจันทร์ จันทรขจร ผู้หญิงที่เพิ่งผ่านพ้นวัย 37 ปีมาหมาดๆในวันนี้ก็มีรายละเอียดในตัวเธอมากมายที่น่าติดตามศึกษา
พรจันทร์เป็นลูกสาวคนโตและคนเดียวของ พล.ต.ท.จำรัส จันทรขจร อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ
เธอเป็นพี่สาวของน้องๆซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด 4 คน
ความที่เธอเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวนายตำรวจดูจะเป็นเบ้าหลอมความเข็งแกร่งมาแต่กำเนิด
เธอออกจะเป็นคนที่ตัดสินใจเร็ว มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงพูดจาเปิดเผย แตกต่างจากธรรมชาติของผู้หญิงโดยทั่วไป
นิสัยใจคอของเธอนั้นสะท้อนให้เห็นจากกีฬายิงปืนซึ่งเป็นกีฬาที่เธอโปรดปรานเอามากๆ
ว่ากันว่าเธอยิงปืนแม่นราวกับจับวางทีเดียว เคยได้แชมป์หลายสถาบัน แม้จะอยู่นอกสนามยิงปืนเธอก็ยังพกปืนประจำตัวไปไหนต่อไหนตลอดเวลา
นัยว่าเป็นการป้องกันตัวไว้ก่อน เธอบอกว่าเพิ่งจะเลิกพกปืนเมื่อไม่นานมานี้เอง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เป็นอีกสถาบันหนึ่งที่บ่มเพาะความเป็นตัวของตัวเองสูง
ทีเดียว เธอจบศิลปศาสตร์ด้านภาษาอังกฤษ เมื่อเรียนจบเธอก็เป็นคนเลือกอาชีพของเธอเอง
เธอต้องการทำงานเป็นพนักงานขายด้วยเหตุผลว่ามันเป็นงานที่ท้าทายและได้พบปะผู้คนมากมาย
"ตอนสมัครงานก็ได้ทั้งสองอย่างคือ ก๊อบปี้ไรเตอร์กับพนักงานขาย แต่เลือกเอางานขาย
เพราะเห็นว่าก๊อบปี้ไรเตอร์คงไม่มีโอกาสออกไปนอกบริษัทเท่าไหร่ สุดท้ายก็คงเซ็งไม่สนุก"
เธอกล่าวถึงการตัดสินใจในการเริ่มต้นงานเมื่อ 10 ปีก่อน
พรจันทร์เข้าเป็นพนักงานขายบริการรับพิมพ์เช็คของบริษัทยูนิเวอร์แซล เทเลคอม
ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีโรงพิมพ์เช็คในเมืองไทย ต้องขายตั้งแต่เรย์เอาท์ บริการและสั่งพิมพ์ด้วยตัวเองที่สิงคโปร์
และก็ไม่มีใครสอนว่าจะไปพบใครที่ไหนอย่างไร
"เกือบจะหมดกำลังใจเราต้องหาตลาดเอง ออกตลาดเองทุกอย่าง ก็รู้แต่ว่าขายให้แก่ธนาคาร
เลยเข้าพบตั้งแต่ผู้จัดการสาขาทั้งๆ ที่เขาไม่มีอำนาจจะสั่งพิมพ์ แต่ก็ได้รับคำแนะนำไปเรื่อย
ๆ จนถึงผู้บริหารระดับสูง จึงได้รู้ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน" พรจันทร์กล่าว
เธอทำงานกับยูนิเวอร์แซล เทเลคอม ประมาณ 6 ปีจากออร์เดอร์แรกที่ อนุตร์
อัศวนนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทยในขณะนั้นเป็นผู้เซ็นอนุมัติและก็ติดตามเรื่อยมาจนแทบจะเรียกได้ว่าเกือบทุกธนาคารเป็นลูกค้าของเธอ
ความคิดที่เธอจะไปเรียนต่อต่างประเทศในขณะนั้นก็งดไป เพราะเกิดภาระติดพันกับงานมากขึ้นเป็นเงาตามตัวจากพนักงานขายธรรมดา
เธอได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารด้านการตลาดของบริษัท และที่สำคัญคืองานบริการลูกค้านั้นได้ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง
และก็เป็นช่วงจังหวะที่เธอได้เจอมรสุมอย่างหนักสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ
เธอแต่งงานกับผู้ชายที่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันดีแต่ก็อยู่ด้วยกันเพียง
3 ปีต้องแยกจากกัน เพราะความที่เข้ากันไม่ได้ในหลาย ๆ เรื่อง
แม้เธอจะแกร่งสักปานใดก็ตาม เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่จะต้องแคร์ทั้งความรู้สึกนึกคิดของตัวเองและสังคมรอบข้าง
แม้น้ำตาจะไม่ไหลรินออกมาให้ใครเห็นแต่ก็เจ็บปวดร้าวลึกเหลือคณานับ เธอและเขาพยายามทดลองแยกและคืนดีกันกลับไปกลับมาหลายครั้งหลายคราวเพื่อหวังว่าบรรยากาศจะได้ดีขึ้น
แต่ก็สรุปลงตรงที่อยู่ด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป
คนที่รู้จักเธอดีบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่าเธอแกร่งเกินกว่าที่จะเป็นแม่บ้านธรรมดา
ๆ คนหนึ่ง ในขณะที่โลกธุรกิจที่เธอสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันและท้าทาย
ภาระที่เธอรับผิดชอบจากบริษัทและลูกค้านั้นนับวันจะเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ
และเธอก็ไม่อาจทิ้งภาระผูกพันเหล่านั้นไปได้
สำหรับเธอเองปฏิเสธที่จะพูดถึงอดีตที่เป็นชีวิตส่วนตัว เธอไม่ต้องการให้เอาชีวิตส่วนตัวมาเจือปนกับหน้าที่การงาน
เพียงแต่ยอมรับว่ามันเป็นความเจ็บปวดครั้งแรกในชีวิตของเธอ
แต่สำหรับ "ผู้จัดการ" แล้ว ไม่อาจมองข้ามบทเรียนนี้ไปได้ในการเรียนรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งเธออยู่ในระหว่างจุดต่อทางประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมกับผู้หญิงยุคใหม่
เธอเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพของสังคมแบบเก่าที่เรียกร้องต้องการให้ผู้หญิงเป็นเพียงแม่บ้านที่ดี
ในขณะที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มข้นเธอเองและครอบครัวซึ่งท้าทายต่อการพิสูจน์อย่างยิ่ง
มันคงไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่มันเป็นปัญหาร่วมสมัยของผู้หญิงในยุคหนึ่งหลายคนเป็นอย่างเธอ
และหลายคนกำลังอยู่ในระหว่างทางสองแพร่งนี้ แม้แต่ในยุคปัจจุบันนี้ก็ตามเถอะ
จากยูนิเวอร์แซล เทเลคอม เธอออกมาตั้งบริษัทรับพิมพ์เช็คเอง แต่จังหวะของเธอพลาดไปตรงที่ไม่นานต่อมา
บรรดาธนาคารทั้งหลายได้รวมตัวกันลงขันตั้งบริษัทพิมพ์เช็คขึ้นมาเอง ตลาดนี้ก็เลยถูกปิดตันสำหรับเธอ
พรจันทร์หันเข้าเป็นนักขายรับจ้างอีกครั้งหนึ่ง เริ่มตั้งแต่โปรบิซ เอ็นซีอาร์
อเมริกันเอ็กซ์ เพรส อายุงานเฉลี่ยแห่งละ 2 ปีในตำแหน่งผู้บริหารการขาย
เมื่อถูกถามว่าทำไมเธอจึงเปลี่ยนงานค่อนข้างบ่อยเธอมักจะตอบว่าไม่มีอะไรตื่นเต้นเมื่อขายสินค้าตัวหนึ่งไปถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
จึงต้องหาสินค้าตัวใหม่มาลองดูบ้างและอีกประการหนึ่งก็คือเมื่ออยู่นานๆแล้วก็รู้สึกเบื่อๆ
"แต่ไม่ใช่ลักษณะเบื่อๆอยากๆ แต่เป็นเพราะว่าเมื่อเราขายสินค้าตัวนั้นถึงจุดสูง
สุดแล้วก็รู้สึกอยากเปลี่ยนตัวสินค้าบ้าง" เธอกล่าว
สินค้าล่าสุดที่เธอเลือกจับเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาคือการขายสมาชิกสนามกอล์ฟ
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยุคบุกเบิกก่อนที่ตลาดนี้จะบูมอย่างเช่นปัจจุบัน
พรจันทร์เข้ารับงานขายสมาชิกสนามกอล์ฟให้ ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟแอนด์คันทรีคลับเมื่อกลางปี
2530 แม้ว่าในด้านการขายแล้วจะเรียกว่าเธอประสบความสำเร็จพอสมควรที่สามารถขายได้หมดเต็มโครงการ
เพียงแต่ในด้านตัวโครงการนั้นมีปัญหาด้านความล่าช้าและขาดตกด้านเงื่อนไขและสิ่งอำนวยความสะดวกไปบ้าง
"การขายสมาชิกสนามกอล์ฟในสมัยนั้นไม่ง่ายเหมือนปัจจุบัน เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจด้านนี้ของเมืองไทย
ความนิยมเล่นกอล์ฟของคนไทยในยุคนั้นก็ไม่สูงเหมือนทุกวันนี้ การขายตอนนั้นจึงท้าทายเรามาก
ต้องแนะนำโน้มน้าวให้เขาเห็นความสำคัญและตัดสินใจซื้อ แต่ก็สามารถขายได้จนหมด"
พรจันทร์กล่าวถึงสินค้าล่าสุดที่เธอเลือกขายเมื่อหลายปีก่อน
เธอเองในฐานะผู้ขายซึ่งรับผิดชอบโดยตรงต่อผู้ซื้อรู้สึกเศร้าใจพอสมควร และก็ได้พยายามวิ่งเต้นทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด
ด้วยความโชคดีที่เป็นช่วงที่กีฬากอล์ฟกำลังบูม ราคาค่าสมาชิกวิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้ผู้ซื้อไม่ขาดทุนเลยในคราวนั้น
นั่นดูจะเป็นความเจ็บปวดของเธอในด้านธุรกิจ
จากประสบการณ์ในคราวนั้น พรจันทร์ จันทรขจร ได้ถือเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจรับงานครั้งใหม่ของเธอที่
MISSION HILLS GOLF CLUB ของสุรพันธ์ งามจิตสุขศรีผู้ทุ่มทุนร่วม 1,000 ล้านบาทสร้างสนามกอล์ฟและมอบความไว้วางใจให้เธอดูแลด้านการขายสมาชิกแต่เพียงผู้เดียว
พรจันทร์เป็นผู้จัดการฝ่ายสมาชิกในฐานะนักขายมืออาชีพ เป็นลูกจ้างดูแลงานโดยไม่มีส่วนในการถือหุ้นและไม่มีการขายผ่านเอเยนต์อื่นๆ
อีก
เธอทำงานด้านการขายร่วมกับผู้ช่วยของเธออีก 2 คนเท่านั้น และเธอบอกว่าขณะนี้ได้ขายไปแล้วกว่า
40% โดยที่ไม่ได้โหมโฆษณามากนักเพราะต้องการขายแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สอดคล้องกับความคืบหน้าของโครงการ
พรจันทร์กล่าวว่าการขายสมาชิกกอล์ฟทุกวันนี้ขายง่ายกว่าเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาเพราะเป็นยุคที่กีฬากอล์ฟกำลังบูมมาก
แต่สิ่งที่เธอห่วงมากนั้นคือความคืบหน้าของโครงการผู้ซื้อจะต้องได้เห็นความเป็นจริงชัดขึ้นเรื่อยๆ
แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ขายไปด้วยนี้ก็จะมีการปรับราคากันเรื่อยๆประมาณ
3 เดือนครั้ง
เธอยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่ต้องกำหนดกลยุทธ์การตลาดเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้มีการเก็งกำไร
ลูกค้าที่ซื้อไปก็จะได้ทราบว่าต้องการเข้ามาเป็นสมาชิกจริงๆ
MISSION HILLS GOLF CLUP ตั้งอยู่ในพื้นที่ขนาด 18 หลุม 460 ไร่ แวดล้อมด้วยที่ดินจัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับสมาชิก
380 ไร่ สถานที่พักตากอากาศแบบโรงแรมขนาด 50 ห้อง ที่อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี
ห่างจากกรุงเทพเพียง 100 กิโลเมตร ออกแบบโดย แจ็ค นิคลอส แวดล้อมด้วยทิวเขาอันเป็นธรรมชาติแบบลำน้ำแม่กลอง
ตกแต่งพื้นผิวและทะเลสาบให้ท้าทายนักกอล์ฟมือโปร นอกจากนี้ยงัมีสโมสร สวนสาธารณะ
สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ไว้บริการในตัวอย่างพร้อมสรรพ
ขณะนี้งานปรับพื้นที่และตกแต่งพื้นผิวเสร็จไปแล้วเรียบร้อยยังคงแต่องค์ประกอบอื่นๆที่กำลังเร่งดำเนินการกันอย่างเร่งรีบ
เพื่อให้เสร็จทันตามที่กำหนดไว้ภายในสิ้นปี 2534
แม้ในดวงตากลมโตดวงนั้นของเธอยังซ่อนเร้นความเศร้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตที่เพิ่งผ่านไปหมาด
ๆในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการมีสัมพันธ์กับสามีคนอื่นที่มีฐานะทางสังคมเป็นถึงนายแบงก์นามสกุล
"ชาลีจันทร์" เมื่อไม่นานมานี้ แต่ความยิ่งใหญ่ในโครงการที่เธอรับผิดชอบการขายอยู่นั้นกลับท้าทายและทำให้เธอสนุกและตื่นเต้นมากยิ่งกว่า
เธอเองก็พยายามแยกแยะอยู่เสมอว่าอะไรคืองานอะไรคือส่วนตัว และถ้าจะติดตามศึกษาผู้หญิงร่วมสมัยคนหนึ่งเช่นเธอ
ก็น่าจะดูเธอที่บทบาทและผลงานมากกว่าพรหมลิขิตเจ้ากรรมที่คอยแต่จะเล่นเธอฝ่ายเดียว
MISSION HILLS ก็กำลังรอการพิสูจน์ความเก่งและความแกร่งของผู้หญิงที่ชื่อพรจันทร์
จันทรขจร