นับจากธุรกิจกอล์ฟเติบโตอย่างสุดขีดมาเมื่อช่วงสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อนแล้ว ผู้ประกอบการธุรกิจสนามกอล์ฟก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นวันนั้นอีกครั้ง
โดยเฉพาะการที่ตลาดสมาชิกสนามกอล์ฟจะขึ้นลงตามภาวะตลาดหุ้น อย่างที่พิเชียร
อำนาจวรประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอกกอล์ฟ บอกไว้เสมอ เห็นภาวะตลาดหุ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
ก็คงหวังผลกำไรได้ยากจากคนที่หวังจะขายสมาชิกสนามกอล์ฟให้ได้ราคาดี เว้นแต่พวกรักกอล์ฟเป็นชีวิตจิตใจเท่านั้นที่จะถือเป็นช่วงโอกาสทอง
ที่จะซื้อสมาชิกสนามกอล์ฟได้ในราคาถูกใจ มีโอกาสใดบ้างที่จะทำให้ธุรกิจสนามกอล์ฟกลับมาสดใสอีกครั้ง
"สภาวะธุรกิจกอล์ฟ ซบเซาต่อเนื่องมานานถึง 5 ปี ต่ำสุดเมื่อไตรมาส
3 ของ พ.ศ.2538 เริ่มดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อไตรมาส 4 และน่าจะเป็นการสิ้นสุดของยุคตกต่ำของธุรกิจกอล์ฟ
ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนั้นคงจะดีขึ้นตลอด" กิตติ โคมทองสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ
บริษัทศูนย์ซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟ จำกัด กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
พร้อมกับพูดถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้ซื้อสมาชิกกอล์ฟในปัจจุบันว่า
ผู้ซื้อสมาชิกสนามกอล์ฟ ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อใช้ประโยชน์ในการเล่นจริงๆ
ไม่ใช่ซื้อเพื่อเก็งกำไรเหมือนในยุคที่สนามกอล์ฟบูมเมื่อ 5-6 ปีก่อน โอกาสที่ราคาค่าสมาชิกจะปรับตัวขึ้น
จึงมีไม่มาก และแรงซื้อตรงส่วนนี้ ก็อาจจะทำให้ราคาสมาชิกสนามกอล์ฟเพิ่มขึ้นได้บ้างประมาณ
5-10%
สิ่งหนึ่งที่จะสังเกตได้ของการซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟในช่วง 5 ปีที่ตกต่ำ
จะเป็นการซื้อขายระหว่างสมาชิกสนามกอล์ฟเก่า กับกลุ่มสมาชิกใหม่ที่หันมาสนใจการเล่นกอล์ฟ
หรือกลุ่มครอบครัว ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนายความสะดวกอื่นๆ ในโครงการ
เช่น คลับเฮาส์ หรือศูนย์กีฬาต่างๆ ที่มีอยู่ในสนามกอล์ฟ ซึ่งผู้ซื้อจะเห็นว่าคุ้มค่าและราคาไม่แพงสำหรับค่าสมาชิกตลอดชีพ
หรือค่าสมาชิกรายปีเพียงไม่กี่หมื่นบาท
ข้อสังเกตของการซื้อขายสมาชิกกอล์ฟในช่วงตกต่ำอีกประการ ก็คือ ผู้ประกอบการธุรกิจสนามกอล์ฟจะไม่มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย
และจะไม่มีการขายสมาชิกกอล์ฟใหม่ เพราะราคาที่หมุนเวียนเปลี่ยนมือในท้องตลาด
เป็นราคาที่ต่ำลงขนาดจะคิดเพียงค่าต้นทุนในการสร้างสนามต่อสมาชิกทั้งหมดที่มี
ก็ยังนับได้ว่าขาดทุน เพราะเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาแรกขายสมาชิกในช่วงเปิดโครงการมากนัก
"ภายใน 5 ปีต่อไปนี้ ก็เชื่อได้แน่ว่าจะไม่มีการสร้างสนามกอล์ฟแห่งใหม่เกิดขึ้น
เว้นแต่ถ้าจะสร้างก็ต้องเป็นสนามกอล์ฟชนิดที่ยกระดับให้สูงไปเลย เหมือนสโมสรราชพฤกษ์
ที่เป็นสนามกอล์ฟของคนระดับสูงจริงๆ จึงจะยังขายสมาชิกสนามกอล์ฟได้เป็นล้านบาท
หรืออย่างกรณีที่กลุ่มปัญญากับเนเชอรัลพาร์ค ที่จับมือกันวางแผนจะสร้างสนามกอล์ฟปิดในโครงการวินสัน
เพื่อให้เป็นสนามกอล์ฟที่เป็นส่วนตัวจริงๆ กับกลุ่มสมาชิก ซึ่งต้องลงทุนสูง
แต่ก็นับว่าได้เปรียบของกลุ่มนี้เพราะมีที่ดินเดิมเป็นทุนอยู่แล้ว"
กิตติกล่าวคาดการณ์
นอกจากค่าสมาชิกกอล์ฟที่ทรงตัวอยู่แล้วนั้น ค่ากรีนฟีของสนามกอล์ฟแต่ละแห่ง
โดยเฉพาะสนามกอล์ฟในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็ยังคงอยู่ในราคาเดิมระหว่าง
1,000-2,000 บาทเช่นกัน
"ค่ากรีนฟีที่ยังคงเป็นราคาเดียวกับเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีสนามกอล์ฟแห่งไหนกล้าขึ้นราคา
เพราะกลัวไม่มีคนมาเล่น แต่ก็เชื่อว่าจะต้องมีการปรับราคาขึ้นในเร็วๆ นี้
เพราะแต่ละสนามเริ่มทนต่อค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสนามที่เพิ่มขึ้นไม่ไหวและที่สำคัญค่ากรีนฟี
ยังเป็นตัวแปรหลักที่จะทำให้ค่าสมาชิกสนามกอล์ฟปรับตัวขึ้นตามอีกด้วย"
กิตติกล่าว
อย่างไรก็ดี เป็นที่เชื่อกันของผู้เกี่ยวข้องในวงการกอล์ฟเป็นเสียงเดียวกันว่า
ปริมาณการซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดปี หลังจากที่เริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้นให้เห็นในช่วงต้นปี
พ.ศ.2539 นี้แล้ว
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ปริมาณการซื้อสมาชิกสนามกอล์ฟเพิ่มขึ้น แต่สนามที่มีอยู่ก็มีเท่าเดิม
ไม่มีการสร้างสนามใหม่ให้ซื้อ รวมถึงโอกาสการสร้างสนามกอล์ฟในเขตกรุงเทพฯ
ก็เป็นไปได้ยาก ทำให้นักเล่นกอล์ฟหน้าใหม่ต้องหาซื้อสมาชิกกอล์ฟจากสนามที่มีอยู่เดิม
กิตติกล่าวว่า ปริมาณการซื้อสนามกอล์ฟจะเพิ่มมากโดยเฉพาะในอีก 2 ปีข้างหน้า
จากเหตุผลเดียวกันที่คนต้องการสนามเล่นกอล์ฟเพิ่มขึ้น เพราะนักกอล์ฟหน้าใหม่ในวันนี้
80% ยังใช้วิธีจ่ายค่ากรีนฟีเมื่อฝีมือถึงระดับหนึ่งแล้ว นักกอล์ฟเหล่านี้จะค่อยๆ
เปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อสมาชิกสนามกอล์ฟเพิ่มขึ้น
ส่วนลักษณะการซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟ จะมีหลายรูปแบบ ในปัจจุบันโดยมากผู้ซื้อและผู้ขายจะตกลงกันเอง
อย่างที่สอง ผู้ขายมักจะฝากขายกับเจ้าหน้าที่ในสนามกอล์ฟ เมื่อมีผู้สนใจและสามารถขายได้
เจ้าหน้าที่รับฝากก็จะได้สินน้ำใจตอบแทน และอย่างที่สาม คือการฝากขายกับบริษัทบริการซื้อขาย
ทั้งนี้การขายแบบนี้ยังไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทยเท่าไร ซึ่งผิดกับการซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟในต่างประเทศ
"ในต่างประเทศถ้ามีสนามเปิดใหม่ ก็ให้บริษัทตัวแทนเป็นผู้จัดขาย ดังนั้นเมื่อสมาชิกเก่าต้องการขายต่อก็จะฝากกับนายหน้า"
สิ่งเหล่านี้คงจะยืนยันได้ว่า ไม่เพียงแต่ธุรกิจสนามกอล์ฟที่ไม่มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเลยในช่วง
5 ปี ในส่วนของบริษัทบริการซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
เพราะแม้กีฬากอล์ฟจะเป็นที่นิยมในประเทศไทยมาหลายปี แต่จำนวนบริษัทบริการซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟกลับมีน้อยเต็มที
ชนิดนับจำนวนบริษัทกลับไปกลับมาใน 1 นาที ได้หลายรอบ
บริษัทที่เป็นที่รู้จักในด้านนี้โดยทั่วไปคงจะมีเพียง 2 บริษัท คือบริษัทศูนย์ซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟ
จำกัด และบริษัทบางกอกกอล์ฟ จำกัด
สาเหตุที่บริษัทลักษณะนี้เกิดขึ้นยาก กิตติกล่าวว่า เพราะการดำเนินงานที่ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อถือของลูกค้า
ต้องมีฐานลูกค้าที่สร้างสมมา และต้องคลุกคลีอยู่ในวงการมามาก เพื่อใช้เป็นประสบการณ์ในการทำงาน
ตัวอย่างเช่น การขายสมาชิกสนามกอล์ฟของแต่ละสนามจะมีรายละเอียดมากมายแตกต่างกัน
บางแห่งแถมสมาชิกคลับเฮาส์แต่บางแห่งไม่แถม จุดเด่นของสนามแตละแห่งฯลฯ
รู้กันอย่างนี้แล้ว ใครที่สนใจจะเปิดบริษัทบริการซื้อขายสมาชิกสนามกอล์ฟ
ทางที่ดีก็ควรจะอาศัยช่วงเวลาที่ซบเซา ฝึกปรือฝีมือไว้ให้พร้อมเมื่อธุรกิจนี้ตื่นขึ้นมาอีกหน