ในที่สุด แผนการฟื้นฟูกิจการบริษัทอุตสาหกรรมปิโตร เคมีกัลไทย (TPI) ก็ได้ข้อสรุป ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ทั้งฝ่ายเอ็ฟเฟ็คทีฟ
แพลนเนอร์ส ผู้ทำแผน และประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ
TPI ในคืนวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา
ตามแผนที่ได้ข้อสรุปออกมานั้น ฝ่ายเจ้าหนี้ จะแปลงหนี้ในส่วนดอกเบี้ยค้างจ่ายทั้งหมด
ตั้งแต่ปี 2541-2543 และเงินค้ำประกันอีกส่วนหนึ่งรวม 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เป็นหุ้นจำนวน 5,850 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.45 บาท ซึ่งจะทำให้ เจ้าหนี้เข้ามามีส่วนถือหุ้นใหญ่ใน
TPI ถึง 75% และมีอำนาจเต็มในการบริหาร
หุ้นจำนวนนี้ เจ้าหนี้จะถือไว้โดยไม่ขายตลอดระยะเวลา 4 ปีของแผนฟื้นฟู
และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีสิทธิ์ซื้อคืน ได้ ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2547
โดยการซื้อหุ้นคืนของผู้ถือหุ้นเดิม จะคิดราคาเท่ากับราคา ที่เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุน
บวกด้วยดอกเบี้ย MLR และกำไรอัตราดอกเบี้ยอีก 50% ตัวอย่างเช่น หากอัตราดอกเบี้ยอยู่
ที่ 8% TPI จะต้องซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 5.45 บาท บวกกับอัตราดอกเบี้ย
12 บาท คือ เป็นราคารวมหุ้นละ 17.47 บาท
"แผนปรับโครงสร้างหนี้ ที่เสนอมาครั้งนี้ ถือว่าเป็นธรรม
และในหลักการใหญ่เราสามารถรับได้" ประชัยกล่าว
การแปลงหนี้เป็นทุนครั้งนี้ ส่งผลให้ภาระหนี้ของ TPI ลดลงจาก 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เหลือเพียง 2.9 พันล้าน ดอลลาร์ โดย TPI จะใช้เงินสดจากการดำเนินงาน และการขายทรัพย์สิน ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลัก
(Non-Core Asset) มาชำระหนี้เป็นหลัก
โดยสินทรัพย์ ซึ่งเป็นเป้าหมายของการขาย คือ หุ้นของ บริษัททีพีไอ โพลีน
ซึ่งทำธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ ที่ TPI ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 49% โดยคาดว่าจะเริ่มขายในปี
2544 และคาดว่าจะได้เงินมาชำระหนี้ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัญหาการทำแผนฟื้นฟู TPI ซึ่งยืดเยื้อมาตลอด เกิดขึ้น เนื่องจากกลุ่มเจ้าหนี้
ต้องการให้ประชัยปฏิบัติตาม TERM SHEET ที่ตกลงกันไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
2542 แต่ประชัย ต้องการจะระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณ 500-700 ล้านดอลลาร์
เพื่อนำเงินมาลงทุน เนื่องจากเห็นว่าภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ในช่วงขาขึ้น
แต่เจ้าหนี้ไม่มั่นใจว่า TPI จะระดมทุนได้
"การแปลงหนี้เป็นทุนครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนเจ้าหนี้ตัดสินใจเพิ่มทุนเข้ามาเองเป็นเงิน
800 ล้านดอลลาร์"
ตามขั้นตอนต่อไป เมื่อประชัยยอมรับแผนที่เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์สเสนอแล้ว
เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์สจะส่งแผนต่อไปให้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อส่งต่อให้กับเจ้าหนี้ทั้งหมด
40 รายพิจารณาก่อน หลังจากนั้น จะมีการนัดประชุม เพื่อลงมติรับหรือไม่รับแผน
และแต่งตั้งผู้บริหารแผน ซึ่งคาด ว่าจะสามารถนัดประชุมได้ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายนนี้