Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2539
สืบสานทายาทฮุนได             
 


   
search resources

Auto Manufacturers
ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์), บจก.




ถึงแม้จะลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในอาณาจักรอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ที่ตนเป็นผู้ก่อตั้ง ทุกวันนี้ ชุง จูยุง หรือบิ๊กชุง ในวัย 80 ปียังคุมบังเหียนการบริหารอยู่เบื้องหลัง พนักงานบริษัทซึ่งมาร่วมงานในงานฉลองที่สำนักงานใหญ่ในกรุงโซลในวันที่ 3 มกราคม รับรู้การส่งมอบตำแหน่งจากประธานกรรมการคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นน้องชายของบิ๊กชุง คืนให้แก่ ชุง มอง-กู บุตรชายคนโตของพี่ชาย

คนใกล้ชิดพูดกันว่า บิ๊กชุงเก็บความตั้งใจของตัวเองเป็นความลับจนกระทั่ง 1 สัปดาห์ก่อนวันงานเนื่องจาก "ต้องการที่จะเห็นการโอนสิทธิ์และการบริหารตามลำดับขั้น" ที่ควรจะเป็นก่อนที่จะลงจากบัลลังก์อย่างสมบูรณ์ ความตั้งใจของบิ๊กชุง น่าจะเพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งชิงกลุ่มกิจการมูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์ของคนในครอบครัวกันเอง ดังนั้น บิ๊กชุงจึงต้องกระจายอำนาจการบริหารอาณาจักรแบ่งสันปันส่วนให้ทั้งลูกและหลานทั่วถึงกัน

การส่งไม้เปลี่ยนมือครั้งนี้ทำให้ผู้บริหารหลายคนต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย บางคนที่สูงวัยหน่อยก็เตรียมตัวเกษียณ ขณะที่บางคนได้มอบหมายความรับผิดชอบน้อยลง แหล่งข่าวในบริษัทกล่าวว่าผลที่ได้ตามาคือความพร้อมและความเป็นผู้นำเมื่อฮุนไดจำเป็นต้องเร่งเครื่องก้าวขึ้นแข่งขันในระดับโลก

อาจกล่าวได้ว่าบิ๊กชุงเลือกจังหวะเวลาได้เหมาะสม เนื่องจากในเกาหลีใต้ขณะนั้นข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นของ "แชโบล" หรือกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ให้สินบนใต้โต้ะอดีตประธานาธิบดีโรห์ แตวู กำลังโด่งดัง แม้ว่าคนวงในจะกล่าวว่าบิ๊กชุงทำไปเพื่อเหตุผลส่วนตัว แต่การเปิดตัวผู้บริหารฮุนไดหน้าใหม่ต่อรัฐบาล และสาธารณะก็นับได้ว่าเป็นก้าวที่ฉลาดไม่น้อยในทางการเมือง

สำหรับอดีตประธานกรรมการ ชุง เซ-ยุง แม้ว่าจะต้องหลีกทางให้แก่บุตรชายของบิ๊กชุง แก่ก็ยังมีโอกาสได้เห็นบุตรชายของตนเอง ชุง มอง-เกียว ได้รับตำแหน่งประธานกรรมการ ฮุนได มอเตอร์ ธุรกิจรถยนต์ที่ดูท่าว่าจะเป็นเอกเทศจากกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และส่วนหนึ่งเนื่องจากมอง-เกียว อายุแค่ 34 ปี ดังนั้นเซ-ยุง ผู้เป็นบิดา จึงยังต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำวางแนวทางอยู่เบื้องหลัง แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ตาม

ในเรื่องความเป็นอิสระของฮุนได มอเตอร์ ที่ใครๆ จับตาว่าจะหลุดออกจากแชโบลใหญ่นั้น ประธานคนใหม่ชุง มอง-กู วัย 57 ปี ยังคงยืนยันหนักแน่นว่า "บริษัทฮุนไดทั้งหมดจะยังคงอยู่ใต้ร่มเงาการบริหารเดียวกัน"

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทั้งวงในและวงนอกคาดว่าฮุนได มอเตอร์จะต้องเป็นอิสระมากขึ้น หากยังไม่ถึงขั้นแตกธุรกิจออกมาอย่างเต็มตัว นอกเหนือจากธุรกิจรถยนต์กลุ่มฮุนไดยังทำธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ต่อเรือ เครื่องยนต์หนัก และธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าใหญ่เกินกว่าที่คนเดียวจะบริหารได้ ดังนั้นจึงเป็นที่คาดกันว่าประธานคนใหม่น่าจะกระจายอำนาจการบริหารให้แก่ผู้จัดการระดับล่างลงมามากขึ้น

"หากเป็นอย่างนั้นได้จริงก็จะเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสไตล์การบริหารตั้งแต่ที่บิ๊กชุงปกครองอาณาจักรนี้ด้วยกำปั้นเหล็กมาตลอด" นามูห์ รี ผู้อำนวยการ "ดอง แบง ซีเคียวริตี้ส์" ในกรุงโซลกล่าว

แม้ว่าชุง เซ-ยุงจะเป็นประธานกรรมการของกลุ่มถึง 7 ปี พันธมิตรบางรายกล่าวว่า เขาไม่เคยมีอำนาจเต็มในการบริหารเนื่องจากผู้เป็นพี่ชายยังไม่ยอมวางมือ บริหารอยู่หลังฉากอย่างต่อเนื่อง เหตุผลที่อธิบายได้เนื่องจากฮุนไดกังวลว่าจะไม่สามารถก้าวตามแชโบลคู่แข่งรายอื่นๆ เช่น ซัมซุง และแอลจีได้ทัน

"เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางธุรกิจ" ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งกล่าว "ยกเว้นอิเล็กทรอนิกส์แล้ว เราถูกมองว่าทำได้ไม่ดีนักในธุรกิจอื่นๆ ที่เราเข้าไปเราต้องก้าวไปข้างหน้า โละทิ้งธุรกิจเก่าๆ บางประเภทและเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ"

ประธานกลุ่มคนใหม่ก็กำลังจะทำอย่างที่ว่านี้อยู่เช่นกัน "เราต้องเข้าไปทำธุรกิจรุ่นใหม่ หากเราต้องการที่จะแข่งขันและทำกำไรใรศตวรรษหน้า" ชุง มอง-กูกล่าว

ธุรกิจเป้าหมายที่ว่าได้แก่ อากาศยาน โทรคมนาคม การเงิน และเหล็กกล้า ขณะที่นักวิเคราะห์ไม่เชื่อว่าฮุนไดจะสามารถเริ่มต้นจากศูนย์ได้ในธุรกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้น ทางเดียวที่ฮุนไดจะทำได้คือการเข้าเทกโอเวอร์หรือรับซื้อบริษัทที่อยุ่ในวงการนั้นๆ อยู่แล้ว แต่อาจจะอยู่ในสภาวะที่ไม่ดีนักมาบริหารต่อ

ในบรรดาบุตรชายที่เหลืออีก 4 คนของบิ๊กชุง ผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดได้แก่ ซุง มอง-ฮุน ซึ่งบริหารฮุนได อิเล็กทรอนิกส์ อินดัสตรี้ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากของกลุ่มอยู่ มอง-ฮุนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองประธานกรรมการวันเดียวกับที่พี่ชายรับมอบตำแหน่งเช่นกัน

บัดนี้จึงนับได้ว่าบุตรชายของบิ๊กชุงขึ้นครอบครองอาณาจักรของบิดาอย่างสมบูรณ์แบบ ยกเว้นแต่ธุรกิจรถยนต์ ซึ่งทำให้หลายคนคาดว่าพวกเขาจะฝากผลงานแบบเดียวกับที่บิ๊กชุงเคยพลิกฟื้นอาณาจักรฮุนได จนกระทั่งเริ่มเดินหน้าได้ในปี 1947 นอกจากการสยายปีกฮุนไดเข้าไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ทายาทของบิ๊กชุงเหล่านี้ยังตั้งใจที่จะเพิ่มยอดขายของกลุ่มจาก 75,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็น 100,000 ล้านดอลลาร์ในปี 1997 ซึ่งนั่นคงพอที่จะทำให้บิ๊กชุงยิ้มแก้มปริด้วยความภูมิใจได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us