"ผมขอแนะนำตัวผม...ดร.ณรงค์ชัย นะครับ เดี๋ยวเพื่อนๆ นักข่าวจะจำไม่ได้
สำหรับผู้แถลงข่าวร่วมกับผมก็คือ คุณชายสุชาติจันทร์ ประวิตร ซึ่งท่านเป็นเพรสซิเดนท์
ท่านก็เพิ่งไปผ่าตัดหัวใจมา หน้าตาสดใสมาก หัวใจเก่าหายไปแล้ว มีหัวใจใหม่ที่สดใสแข็งแรง
นอกจากนี้ยังมีคุณสันติ หอกิตติกุล (กก.ผจก.บริษัทเงินทุนจีเอฟ) และคุณนฤนาท
รัตนะกนก (กก.ผจก.สายเงินทุน) ทั้งสองไม่ได้ไปผ่าตัดอะไรมา ดังนั้นหน้าตาจึงเหมือนเดิม
ส่วนวันนี้ใครจะถามผมเรื่องการเมืองไม่ได้แล้ว เพราะสมองส่วนนี้ถูกผ่าตัดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว"
เสียงยั่วเย้าตัวเองของ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่แลละม้ายคล้าย "คีนู
รีฟ" ในภาพยนตร์เรื่อง "สปีด" เพราะทรงผมที่ถูกตัดจนเกรียน
เนื่องจากได้ไปผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ที่ถูกค้นพบอย่างน่าตกใจเมื่อปลายปีที่แล้ว
หลังจากที่ ดร.ณรงค์ชัยไปเยี่ยมคุณชายสุชาติจันทร์ที่เพิ่งพักฟื้นจากการผ่าตัดหัวใจ
(บายพาส) ที่โรงพยาบาลกรุงเทพเสร็จแล้ว ดร.ณรงค์ชัยก็มีอาการน่าเป็นห่วงคือ
เดินเซๆ แบบเสียศูนย์
เมื่อทุกคนทราบว่า ดร.ณรงค์ชัยต้องเข้ารับการรักษาโดยผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาลสมิติเวช
ข่าวร้ายนี้ได้สร้างความวิตกกังวลต่อปัญหาสุขภาพที่น่าเป็นห่วงของผู้บริหารระดับซีอีโอและเพรสซิเดนท์ของจีเอฟยิ่งนัก
หลังผ่าตัด ดร.ณรงค์ชัยจะออกงานเลี้ยงน้อยมาก เพราะทนเสียงจ๊อกแจ๊กไม่ได้
แต่ตามนิสัยไม่หยุดนิ่ง แทนที่จะพักฟื้นที่คอนโดมิเนียมแสนสิริให้ครบ 6 เดือนตามแพทย์สั่ง
ดร.ณรงค์ชัยฟื้นตัวเร็วแค่ 28 วัน ก็รีบสะสางงานใหญ่น้อยที่คั่งค้างให้น้อยลงไป
เช่นกรณีงานแถลงข่าว "จีเอฟสู่ยุดที่สาม" ที่เลื่อนไปสองครั้งสองครา
แลัมาจัดในต้นปีนี้เอง
งานใหญ่สองงานในปีหนูทองที่จะสร้างฐานแข็งแกร่งต่อไปที่ ดร.ณรงค์ชัยเล่าให้ฟัง
ก็จะมีการขออนุญาตตั้งธนาคารพาณิชย์ใหม่และบริษัทประกันชีวิตใหม่ โดยจีเอฟเป็นแกนนำตั้งแบงก์แต่สำหรับบริษัทประกันชีวิตต้องใช้บริษัทในกลุ่มจีเอฟยื่นขอแทน
เพราะจีเอฟถือหุ้นในบริษัทประกันภัยแล้ว
"ปี 2539 เราตั้งเป้าหมายจะขยายสินทรัพย์ในอัตรา 30% จากฐานที่สูงถึง
51,000 ล้านบาท ทำให้เราจัดอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ 1 ใน 7 ของบริษัทเงินทุน
แต่ถ้าเทียบกับธนาคารพาณิชย์ เราจะอยู่ระหว่างกลุ่มธนาคารขนาดกลางและเล็ก
เช่น นครธนและสหธนาคาร" ดร.ณรงค์ชัยแถลง แต่ในฐานะสถาบันการเงินที่ไม่มีแบงก์หนุนหลังจีเอฟ
อยู่ในกระบวนการแยกระหว่างส่วนบริษัทเงินทุนและบริษัทหลักทรัพย์ และขอใบอนุญาตตั้งแบงก์พาณิชย์ใหม่
แผนการดำเนินงานในปีนี้ที่จะติดปัญหาอุปสรรคที่จีเอฟยังไม่แยก บงล. ก็คือระเบียบของทางการที่ยังไม่ชัดเจนว่า
จะใช้กฎระเบียบอะไรมากำกับบริษัทเงินทุนหรือหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครดิตบาลานซ์หรือเรื่องมาร์จิ้นก็ดี
ปีที่แล้วธุรกิจเงินทุนที่สร้างรายได้มากกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ในสัดส่วน
70:30 โดยมีมืออาชีพที่ชื่อ นฤนาถ รัตนะกนก เป็นกรรมการผู้จัดการ วัย 40
ที่ชินเวศ สารสาส ชวนมาจาก บงล.ซิตี้คอร์ป โดยเสนอตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและไต่เต้าจนได้คุมกลุ่มธุรกิจเงินทุนจีเอฟ
"ผมอยู่กับจีเอฟในยุคที่สองที่เริ่มจากสินทรัพย์รวมประมาณ 1,500 ล้านบาท
แต่ปัจจุบันสินทรัพย์รวมเป็น 51,000 ล้านบาท ผมคิดว่าที่นี่ทีมงานทั้งหมดดี
และทุกคนจะมีส่วนทำให้บริษัทเติบโตได้ ตามที่ตั้งไว้ที่จะโต 30% ของ 51,000
ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ทางเราทำเต็มที่ในใบอนุญาตทั้ง 8 ใบ" นฤนาถเล่าให้ฟัง
ความจัดเจนของจีเอฟในตลาดสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นพิเศษ ได้ทำให้แผนการรุกด้านนี้เพิ่มขยายไปในทางพัฒนาผู้ประกอบการโครงการด้วย
เช่น จัดอบรมสัมมนาและวิจัยวิจารณ์ให้ความรู้ ดร.ณรงค์ชัยจะคุยเสมอว่า จีเอฟเป็นผู้นำตลาดนี้
ที่มีลูกค้าคุณภาพและมีหนี้สูญน้อยที่สุด มูลค่าลูกหนี้สินเชื่อด้านนี้ตกประมาณ
11,069 ล้านบาท ใกล้เคียงกับลูกหนี้เงินกู้ยืมด้านพาณิชย์อุตสาหกรรมที่มีอยู่
11,452 ล้านบาท
ขณะที่การขยายตัวด้านสินเชื่อพาณิชย์อุตสาหกรรมที่โตปีที่แล้วไล่เลี่ยกันไม่ต่ำกว่า
45% ก็ทำให้การแข่งขันระดมเงินทุนมีจำนวนมาก แต่จุดเสียเปรียบที่จีเอฟไม่มีธนาคารพาณิชย์หนุนหลัง
ทำให้จีเอฟต้องหาทางออกโดยใช้นโยบายออกตราสารทางการเงิน ซึ่ง ดร.ณรงค์ชัยกล่าวว่าเป็นวิธีที่ทำให้เงินทุนไม่ต่ำกว่าการระดมเงินฝาก
ปีนี้จีเอฟจะรุกด้านสินเชื่อภูมิภาค โดยเปิดสำนักงานอำนวยสินเชื่อเพิ่มอีก
5 แห่งในปีนี้ จากเดิม 6 แห่งที่กระจายไปที่ขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ นครราชสีมา
ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี
ขณะที่สายธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งสันติ หอกิตติกุล ดูแลอยู่ ในปีที่แล้วค่อนข้างเงียบเหงา
แต่ปีนี้เริ่มคึกคัก ทำให้สำนักบริการหลักทรัพย์ใหม่ที่ลาดหญ้าและสุขสวัสดิ์
และที่เดิมอีก 11 แห่ง ได้ต้อนรับนักลงทุนรายย่อย ส่วนนักลงทุนสถาบัน ดร.ณรงค์ชัยก็เน้นเพิ่มความสามารถบริการประทับใจมากขึ้น
แต่จุดอ่อนของจีเอฟเกี่ยวกับบริการวาณิชธนกิจที่ต้องหาพันธมิตรผู้ชำนาญจากต่างประเทศมาช่วยเสริม
ซึ่ง ดร.ณรงค์ชัยก็มีมือบริหารอย่างโรเบิร์ต ดับบลิว แทคมิลแลน เป็นกรรมการผู้จัดการกลุ่มนี้
งานใหญ่ปีนี้ของกลุ่มวาณิชธนกิจก็คือ เป็นที่ปรึกษากระบวนการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์และขอใบอนุญาตบริษัทประกันชีวิต
ช่วงงานหนักจะทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ
อย่างไรก็ดี ดร.ณรงค์ชัยได้ทิ้งท้ายถึงงานสำคัญที่จะเข้าไปเสริมความแข็งแรงของบริษัทลูกๆ
ที่จีเอฟเข้าไปถือหุ้นลงทุน เช่น บริษัทอาบิโก้ โฮลดิ้งส์ (มหาชน) บริษัทสยามเจนเนอรัล
แฟคเตอริ่ง (มหาชน) บริษัทสหสิน คิวบีอี ประกันภัย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะให้กลุ่มวาณิชธนกิจเป็นที่ปรึกษานำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ปี 2539 สำหรับ ดร.ณรงค์ชัยจึงเป็นปีที่ต้องเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆ ที่สุขภาพยังต้องการการพักฟื้นให้เพียงพอ
แต่เวลาและสายน้ำไม่เคยรอใคร เมื่อต้องนำจีเอฟสู่ยุคที่สาม เรื่องพักผ่อนดูจะไม่อยู่ในสมองของ
"ดร.ณรงค์ชัย" ผู้ซึ่งเลือก "งาน" มากกว่า "ชีวิตสุขภาพ"
แต่ระวัง คีนู รีฟ "ณรงค์ชัย" ต้องรักษาความเร็วให้พอดีๆ มิฉะนั้นอาการน่าเป็นห่วง