|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กรกฎาคม 2555
|
|
แม้ว่าวัยของไกรสร จันศิริ จะ 77 ปีแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังสนุกกับการทำงานร่วมกับธีรพงศ์ ผู้บริหารรุ่น 2 ทำให้ทุกวันนี้ เขายังทำงานอยู่
ไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการ บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ หรือทียูเอฟ แม้วัยจะล่วงเลย 77 ปี แต่ความจำและสุขภาพของเขายังแข็งแรง ทำให้เขายังร่วมทำงานกับธีรพงศ์ จันศิริ วัย 47 ปี ทายาทคนโต และมีความสุขกับการได้เห็นความสำเร็จขององค์กรที่สามารถไปยืนอยู่ในตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิ จนทำให้เขาได้รับรางวัลบุคคลแห่งปี 2554 จากมูลนิธิสัมมาชีพ
ชีวิตของไกรสรผู้ก่อตั้งทียูเอฟผ่านความยากลำบาก มีทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตา เริ่มจากเป็นเด็กชงน้ำชา หุงข้าว ส่งหนังสือพิมพ์ และพนักงานขายผ้าในสำเพ็ง แต่ด้วยความขยันขันแข็งทำให้เขาสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวเริ่มมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก่อตั้งบริษัท มีโรงงานรับจ้างผลิตอาหารทะเลแช่แข็ง
ธุรกิจเริ่มต้นจากพนักงาน 150 คน ปัจจุบันมี 30,000 คน รายได้จาก 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมากกว่า 3,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ และมีบริษัทในเครือร่วม 24 แห่งทั่วโลก
ตลอดชีวิตการทำงานของไกรสรมีหลักปรัชญาการทำงาน ที่ทำให้ประสบผลสำเร็จ 6 ข้อด้วยกัน คือ 1. สร้างธุรกิจด้วยความขยัน ประหยัด 2. รักษาความน่าเชื่อถือ (เครดิต) และความน่าเชื่อถือไม่ได้หมายถึง “เงิน” เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึง “เวลา” 3. ทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย โดยไม่เอาเปรียบ เพราะเชื่อว่ามิตรภาพต้องมาเป็นที่ 1 4. ใฝ่หา ความรู้ไม่หยุดยั้ง ความรู้กว้างใหญ่มหาศาล 5. สำนึกบุญคุณ รู้จักตอบแทนบุญคุณ เหมือนได้น้ำเพียงหยดเดียว แต่ให้ตอบแทนเหมือนน้ำพุ 6. คืนประโยชน์ให้สังคม ด้านการศึกษา กีฬา และผู้ป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ
“ปรัชญาทั้ง 6 ข้อจะทำให้ชีวิตมีความสุข จิตใจผ่องใสจะมี sense ที่ดี นำพาชีวิตให้มีความสุข”
ปรัชญาที่ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอดทำให้ไกรสรเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งส่งผลให้ธุรกิจอยู่รอดปลอดภัยมาตราบทุกวันนี้
บทบาทของไกรสรหากอยู่ที่บ้านเป็นพ่อของลูก และปู่ของ หลานๆ แต่ในสถานที่ทำงานเขาบอกว่าพ่อกับลูกคือเพื่อนร่วมงาน โดยเขามีหน้าที่ร่วมประชุมกับผู้บริหารระดับสูง ให้คำปรึกษาชี้แนะ แต่ไม่ใช่การสอนและไม่ได้บอกให้ทำตาม แต่หากเป็นการประชุมระดับผู้บริหารฝ่ายการตลาด จะต้องมีรายงานให้ไกรสร รับรู้ทุกครั้ง
แต่หากในฐานะพ่อที่ต้องสอนลูกและหลานๆ เขามักจะสอนเสมอว่า “ทุกเรื่องต้องมีใจสำนึกถึงความเสี่ยง” โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงจะต้องไม่ใช้คำว่า “เปอร์เซ็นต์” แม้ว่าจะเสี่ยงเพียง .001 เปอร์เซ็นต์ก็สามารถทำให้ธุรกิจเสี่ยงได้ 100 เปอร์เซ็นต์
คำสอนของไกรสรเกี่ยวกับบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมองค์กรของ บมจ.ทียูเอฟจะต้องบริหารงานอย่างระมัดระวัง และไม่นำพาธุรกิจออกไปนอกลู่นอกทาง
นอกจากนั้นไกรสรยังได้ฝึกให้ลูกหลานเป็นเถ้าแก่ โดยไม่ให้ไปทำงานกับคนอื่น แต่สอนให้พยายามสร้างกิจการของตัวเอง
แม้วิธีการสอนของไกรสรที่จะปั้นให้ลูกหลานพัฒนาไปสู่ความเป็นเถ้าแก่ แต่เขาก็ฝึกฝนให้เห็นวิธีการทำงานขององค์กรทั้งหมด เหมือนดังเช่นธีรพงศ์ถูกให้เริ่มต้นทำงานแรงงานตั้งแต่ แกะกุ้ง แกะปลา กิน-นอนในโรงงาน นั่งรถเมล์ไปทำงาน เพราะไกรสรมองว่าหากจะให้ลูกเป็นใหญ่ จะเป็นเมื่อไหร่ก็ได้
ปรัชญาในการทำงานและวิธีการสอนลูกหลานของไกรสร เปรียบเสมือนเป็นเสาหลักยึดเหนี่ยวให้พนักงานและผู้บริหารสามารถเข้าใจถึงวิถีการคิดจนสะท้อนไปสู่ระบบบริหารจัดการที่มีจังหวะ “ถอย” “รุก” และ “รับ” ในสถานการณ์ที่ต่างวาระ
วัย 77 ปี ของไกรสรจึงทำให้เขายังทำงานอย่างสนุกสนาน และเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ไม่จบสิ้น
|
|
|
|
|