|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กรกฎาคม 2555
|
|
ณ วันนี้ชุมชนซีไซด์แห่งฟลอริดาผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่า 3 ทศวรรษแล้ว โดยมีจุดก่อกำเนิดจาก เจ.เอส.ซโมเลี่ยน เจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้าพิซิทซ์แห่งเมืองเบอร์มิงแฮม มลรัฐแอละบามา ซึ่งเป็นกิจการที่เขาร่วมกันสร้างมากับหลุยส์ พิซิทซ์ ผู้เป็นพ่อตา ในปี 1946 เจ.เอส.ได้ซื้อที่ดินติดทะเลบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของฟลอริดา ซึ่งอยู่ในส่วนด้ามกระทะจำนวน 80 เอเคอร์ หรือประมาณ 202 ไร่ และที่ดินที่ยื่นออกไปในทะเลอีกจำนวน 40 เอเคอร์ หรือประมาณ 100 ไร่ โดยคิดจะสร้างบ้านพักตากอากาศให้พนักงาน หากแต่หุ้นส่วนธุรกิจของเขาซึ่งเป็นพี่ชายภรรยาของเขากลับไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้นและไม่ลงทุนร่วมด้วย เขาจึงจำใจพับแผนของเขาไว้ขณะที่ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ ต่อมาในปี 1979 โรเบิร์ต ซโมเลี่ยน เดวิส หลานชายของเขาเป็นผู้รับสืบทอดที่ดินผืนนั้น
โรเบิร์ตจบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สานฝันต่อด้วยการสร้างเมืองตากอากาศริมทะเลที่มีกลิ่นอายย้อนยุคไปสู่สมัยปู่ย่าตายายของเขา โรเบิร์ตพร้อม Daryl ภรรยาคู่ใจของเขาได้เล่าความฝันให้แก่อังเดรส์ ดัวนีย์ และอลิซาเบธ เพลเทอร์-ไซเบิร์ก สองสถาปนิกสามีภรรยา เจ้าของบริษัท ดัวนีย์ เพลทเทอร์-ไซเบิร์ก จากนั้นทั้งหมดร่วมกันทำการสำรวจและศึกษาความเป็นไป ได้ก่อนที่จะออกมาเป็นแผนชุมชนซีไซด์บนพื้นที่ริมชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกขนาด 80 เอเคอร์ ที่มีถนนสาย 30A ตัดผ่าน มีที่พักหลากหลายขนาดรวม 489 ยูนิต รวมบ้านพักสำหรับแขกอีก 100 หลัง เป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายสไตล์ เช่น สไตล์วิกตอเรียน สไตล์นีโอคลาสสิเคิล สไตล์โมเดิร์น และโพสโมเดิร์น ล้วนเป็นฝีมือของสถาปนิกชื่อดังหลายท่านที่มีส่วนร่วมในการออกแบบ เจ้าของส่วนใหญ่ซื้อไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ ยามที่ไม่มาพักก็จะปล่อยบ้านให้นักท่องเที่ยวเช่าโดยผ่านตัวแทนให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ มีเจ้าของเพียง 10% เท่านั้นที่อยู่อาศัยอย่างถาวร จากตัวเลขทางสถิติในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาพักที่บ้านพักตากอากาศ ณ ซีไซด์แห่งนี้มากถึงปีละประมาณ 12,000-14,000 คน
ความคิดดั้งเดิมของโรเบิร์ตต้องการออกแบบให้ซีไซด์เป็นกระท่อมริมหาดที่ไม่มีแอร์คอนดิชั่น มีเพียงพัดลมเป่าให้ความเย็นระบายความร้อน บ้านแต่ละหลังจึงออกแบบให้มีระเบียงกว้างใหญ่ เพื่อออกมานั่งรับลมคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนบ้านขณะรอให้ตัวบ้านเย็น เป็นการละทิ้งสังคมแบบตัวใครตัวมัน มาสู่สังคมสมัยก่อนที่ใส่ใจกันและกัน เขาไม่ต้องการให้บ้านในซีไซด์มีโทรทัศน์ เพื่อให้ตัดขาดจากโลกประจำวันที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เขาอยากให้คนมาพักผ่อนอย่างแท้จริง เขาอยากให้คนตากผ้าบนราวแทนการใช้เครื่องอบผ้า ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า เขาอยากให้ซีไซด์เป็นชุมชนของศิลปินและครูบาอาจารย์ แทนที่จะเป็นทนายความหรือนักธุรกิจที่มีรายได้สูง เมื่อคำนึงถึงความเป็นจริงทางธุรกิจ โรเบิร์ตต้องปรับเปลี่ยนความคิดสุดขั้วของเขาหลายอย่าง เพื่อให้โครงการสามารถจำหน่ายแก่ชาวอเมริกันได้
โครงการซีไซด์เริ่มก่อสร้างในปี 1981 ด้วยแนวคิดในการดำเนินวิถีชีวิตแบบเมืองแนวใหม่ หรือนิว เออบะ นิสซึ่ม ซึ่งเป็นกระบวนการจัดวางแผนผังเมืองแนวใหม่ที่ยั่งยืน โดยเน้นออกแบบให้ทุกสถานที่อยู่ใกล้แค่ก้าวย่าง เพื่อลดปริมาณการใช้รถยนต์บนท้องถนน ทำให้ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้มาก เสมือนย้อนเวลาไปสู่วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสมัยก่อน โดยเฉพาะช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่แต่ละชุมชนมีขนาดเล็ก มีร้านค้า และสถานที่สำคัญต่างๆ อยู่ในระยะทางที่สามารถเดินเท้าเปล่าหรือปั่นจักรยานไปประกอบกิจธุระได้โดยสะดวก หรือถ้าจำเป็นต้องไปไกลกว่านั้น ก็ใช้เพียงรถยนต์คันเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งนิว เออบะนิสซึ่มจะเน้นออกแบบถนนหนทาง อาคารบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์ รวมไปถึงภูมิทัศน์ต่างๆ ให้เป็นไปในเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากที่สุด
นอกจากพื้นที่ป่าเนินทรายริมชายฝั่ง ซึ่งเป็นส่วนที่โครงการอนุรักษ์ไว้อย่างถาวรแล้ว ชุมชนซีไซด์ยังถูกออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียว หรือส่วนที่เป็นสวนสาธารณะใหญ่ถึง 3 แห่งด้วยกัน เพื่อผู้พักอาศัยสามารถใช้ประกอบกิจกรรมร่วมกันได้ โดยพื้นที่สาธารณะเหล่านี้เชื่อมต่อส่วนกลางของเมืองที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ให้เลือกมากมายกว่า 70 ร้าน ล้วนแต่ดำเนินการและเป็นเจ้าของโดยส่วนบุคคล เป็นกิจการขนาดเล็ก มิได้เป็นห้างร้านที่เป็นสาขาจากบริษัทใหญ่ๆ ที่เปิดไปทั่วทุกเมือง ร้านค้าที่นี่จะมีสินค้าที่แปลกไปจากที่อื่น สินค้าบางอย่างสามารถหาซื้อได้ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
นอกจากนั้นยังมีโรงเรียนซีไซด์ เนเบอร์ฮูด เป็นโรงเรียนประจำชุมชนในระดับเกรด 6 ถึงเกรด 8 ขนาดเล็กมีนักเรียนประมาณเกือบ 200 คนเท่านั้น เริ่มเปิดสอนเป็นครั้งแรกในปี 1996 ในอาคารชั่วคราว มีนักเรียนเพียง 50 คน จากนั้นเริ่มได้งบประมาณสนับสนุนจากรัฐ จนสามารถสร้างอาคารเรียน 2 ชั้น จำนวน 3 หลังได้ในที่สุด อาคารเรียนนี้ออกแบบโดยริชาร์ด กิบส์ นอกจากจะใช้เป็นสถานที่ทำการสอนการเรียนแล้ว ยังใช้เป็นสถานที่ตั้งขององค์กรไม่แสวงหากำไรอีกหลายองค์กร ได้แก่ สถาบันซีไซด์ โรงภาพยนตร์ และสถานีวิทยุ 30A อีกด้วย
สถาบันซีไซด์เป็นสถาบันไม่แสวงหากำไรที่โรเบิร์ตก่อตั้งขึ้นในปี 1982 เพื่อเป็นสถานที่ในการถ่ายทอดวิถีชีวิตแบบเมืองแนวใหม่ หรือนิว เออบะ นิสซึ่ม กระบวนการจัดวางแผนผังเมืองแนวใหม่ที่ยั่งยืน ซึ่งทางสถาบันมีการจัดกิจกรรมจัดประชุมสัมมนาให้แก่เหล่านักศึกษาจากสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบและวางแผน สาขาสิ่งแวดล้อม และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการเชื่อมต่อกับสถาปนิกนักออกแบบและวางผังเมืองรุ่นต่อไป ให้พวกเขามีโอกาสได้เรียนรู้ในเชิงลึกเชิงปรัชญาจากซีไซด์ชุมชนริมทะเลแห่งแรกที่เป็นต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมแนวนิว เออบะนิซึ่ม ในอเมริกา
ตลอดช่วงเวลา 31 ปีที่ผ่านมา โครงการซีไซด์กลายเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมแนวนิว เออบะนิสซึ่ม ที่มีการตอบรับจากสถาปนิกทั่วอเมริกาและทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นหัวข้อทางการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 20 และ 21 ด้วย
นอกจากนั้นในปี 1998 ชุมชนซีไซด์โด่งดังไปทั่วโลก หลังจากที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องเดอะ ทรูแมน โชว์ที่แสดงนำโดยจิม แครรี่ย์ ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2012 สถาบันสถาปนิกแห่งอเมริกา ได้ฉลองครบรอบ 100 ปีของสถาบันฯ สาขาในฟลอริดา โดยชุมชนซีไซด์ได้รับเลือกเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ 1 ใน 100 แห่งในฟลอริดา ในโครงการ “สถาปัตยกรรมแห่งฟลอริดา: 100 ปี 100 แห่ง”
|
|
|
|
|