|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบรนด์ Moly care หนึ่งในแบรนด์เอสเอ็มอีไทย ที่มีความฝันจะก้าวไปสู่ตลาด AEC ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นเวลา 5 ปี โดยใช้โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์เป็นยุทธศาสตร์รุกและรับในเวลาเดียวกัน
ความคืบหน้าในการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ทั้ง 10 ประเทศที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 เริ่มจากธุรกิจการค้า (trading) ได้สร้างความกระตือรือร้นให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทยเริ่มมองหาโอกาสอย่างต่อเนื่อง
แม้ในประเทศไทยจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 2 ล้านราย ทว่ายังมีจำนวนน้อยที่ให้ความสนใจการเปิดเสรีการค้าภายใต้ความร่วมมือ AEC อาจเป็นเพราะยังไม่เข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้และไม่รู้สภาพการแข่งขันว่าจะเผชิญกับสิ่งใด
ในขณะที่เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่เห็นโอกาส แต่เอสเอ็มอีอย่างบริษัท โมลี จำกัด กลับเตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นเวลา 5 ปี และมีเป้าหมายชัดเจนที่จะออกไปขยายและเติบโตในตลาด AEC
บริษัท โมลี จำกัด ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถือหุ้นโดยครอบครัวกาญจนบัตร 100 เปอร์เซ็นต์ ให้บริการภายใต้แบรนด์โมลี แคร์ บริการล้างสี ดูดฝุ่น ขัดเคลือบสี ซักเบาะ พรม ล้างรถยนต์ครบวงจร
บริษัทโมลีเกิดขึ้นจากการต่อยอดธุรกิจ บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจมา 30 ปี ในฐานะตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคลือบสี ล้างรถ ยี่ห้อคาร์แลค ประเทศเยอรมนี รวมถึงให้บริการ บำรุงรักษารถยนต์
บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท คาร์แลค จำกัด ประเทศเยอรมนี ถือหุ้นร้อยละ 10 ส่วนอีกร้อยละ 90 ถือหุ้นโดยครอบครัวคนไทย กลุ่มกาญจนบัตร
จุดเริ่มต้นของธุรกิจเริ่มจากเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อคาร์แลค และเปิดศูนย์บริการล้างรถยนต์คาร์แลค มาเป็นเวลา 21 ปี เป็นธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังการค้าขายรถยนต์ที่ต้องยอมรับว่ามีลูกค้ารู้จักและไม่รู้จัก แต่บริษัทก็มีประสบการณ์ร่วมงานใหญ่ๆ ที่พอจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีลูกค้าให้การยอมรับไม่น้อย อาทิ รับเป็นผู้ดูแลรถยนต์ในงานแสดงสินค้ามอเตอร์โชว์ หรือดูแลรถยนต์ของพระราชอาคันตุกะที่เข้าร่วมเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 60 ปีที่ผ่านมา
ประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจรถยนต์ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาร์แลคที่ได้รับความนิยมในประเทศเยอรมนี ทำให้บริษัทมีแผนขยายธุรกิจโดยต่อยอดจากฐานธุรกิจเดิม
ความคิดในการขยายธุรกิจเริ่มเห็นเด่นชัดและเป็นรูปธรรมมากขึ้นหลังจากทายาทรุ่น 2 เข้ามาสืบทอดกิจการโดยมีกฤษฎ์ กาญจนบัตร กรรมการผู้จัดการเข้ามาดูแลเมื่อปี 2546 หลังจากจบบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) และไปเรียน Business Communication ที่ New south Wales University ประเทศออสเตรเลีย
แนวคิดขยายธุรกิจให้เติบโตโดยการต่อยอดจากฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และศูนย์บริการล้างรถคาร์แลคที่มีอยู่เดิม แต่บริษัทต้องการรูปแบบการให้บริการมีมาตรฐาน จึงทำให้กฤษฎ์เข้าเรียนเพิ่มเติมกับกรมพัฒนาการค้า กระทรวงพาณิชย์ เริ่มตั้งแต่เรียนระดับพื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจไปจนถึงระดับการศึกษาความก้าวหน้าของธุรกิจ ในหลักสูตร Business to Business: B to B
ระยะเวลา 3 ปีที่ได้เรียนรู้พร้อมกับทำงานไปด้วยจึงรู้ว่าบริษัทขาดการบริหารจัดการสาขา เช่น เจ้าของร้านไม่สามารถทิ้งร้านได้ มาตรฐานการให้บริการยังไม่ดีเท่าที่ควร
แต่หลังจากเข้าร่วมหลักสูตรเรียนรู้กับกรมพัฒนาการค้า พบว่าการให้บริการในรูปแบบแฟรนไชส์สามารถตอบโจทย์ได้หลายอย่าง อาทิ ความเชี่ยวชาญของบุคลากรที่แตกต่างกัน หากกรณีพนักงานลาออกก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ระบบแฟรนไชส์จะช่วยสร้างมาตรฐานการทำงานไม่ติดขัด โดยไม่ต้องมีหัวหน้างานดูแลตลอดเวลา เพราะหัวใจสำคัญของระบบแฟรนไชส์ให้ยึดระบบการทำงานมากกว่าการยึดติดบุคคล รวมไปถึงการจัดการบริหารที่มีแบบแผนชัดเจน
|
|
|
|
|