Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา มิถุนายน 2555
Moly Care ปั้นแบรนด์ไทย ก้าวสู่ตลาด AEC             
โดย นภาพร ไชยขันแก้ว
 


   
www resources

โฮมเพจ โมลี แคร์

   
search resources

SMEs
Franchises
Automobiles
คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน), บจก.
กฤษฎ์ กาญจนบัตร
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
โมลี, บจก.




แบรนด์ Moly care หนึ่งในแบรนด์เอสเอ็มอีไทย ที่มีความฝันจะก้าวไปสู่ตลาด AEC ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นเวลา 5 ปี โดยใช้โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์เป็นยุทธศาสตร์รุกและรับในเวลาเดียวกัน

ความคืบหน้าในการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ทั้ง 10 ประเทศที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 เริ่มจากธุรกิจการค้า (trading) ได้สร้างความกระตือรือร้นให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทยเริ่มมองหาโอกาสอย่างต่อเนื่อง

แม้ในประเทศไทยจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 2 ล้านราย ทว่ายังมีจำนวนน้อยที่ให้ความสนใจการเปิดเสรีการค้าภายใต้ความร่วมมือ AEC อาจเป็นเพราะยังไม่เข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้และไม่รู้สภาพการแข่งขันว่าจะเผชิญกับสิ่งใด

ในขณะที่เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่เห็นโอกาส แต่เอสเอ็มอีอย่างบริษัท โมลี จำกัด กลับเตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นเวลา 5 ปี และมีเป้าหมายชัดเจนที่จะออกไปขยายและเติบโตในตลาด AEC

บริษัท โมลี จำกัด ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถือหุ้นโดยครอบครัวกาญจนบัตร 100 เปอร์เซ็นต์ ให้บริการภายใต้แบรนด์โมลี แคร์ บริการล้างสี ดูดฝุ่น ขัดเคลือบสี ซักเบาะ พรม ล้างรถยนต์ครบวงจร

บริษัทโมลีเกิดขึ้นจากการต่อยอดธุรกิจ บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจมา 30 ปี ในฐานะตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคลือบสี ล้างรถ ยี่ห้อคาร์แลค ประเทศเยอรมนี รวมถึงให้บริการ บำรุงรักษารถยนต์

บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท คาร์แลค จำกัด ประเทศเยอรมนี ถือหุ้นร้อยละ 10 ส่วนอีกร้อยละ 90 ถือหุ้นโดยครอบครัวคนไทย กลุ่มกาญจนบัตร

จุดเริ่มต้นของธุรกิจเริ่มจากเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อคาร์แลค และเปิดศูนย์บริการล้างรถยนต์คาร์แลค มาเป็นเวลา 21 ปี เป็นธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังการค้าขายรถยนต์ที่ต้องยอมรับว่ามีลูกค้ารู้จักและไม่รู้จัก แต่บริษัทก็มีประสบการณ์ร่วมงานใหญ่ๆ ที่พอจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีลูกค้าให้การยอมรับไม่น้อย อาทิ รับเป็นผู้ดูแลรถยนต์ในงานแสดงสินค้ามอเตอร์โชว์ หรือดูแลรถยนต์ของพระราชอาคันตุกะที่เข้าร่วมเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 60 ปีที่ผ่านมา

ประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจรถยนต์ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาร์แลคที่ได้รับความนิยมในประเทศเยอรมนี ทำให้บริษัทมีแผนขยายธุรกิจโดยต่อยอดจากฐานธุรกิจเดิม

ความคิดในการขยายธุรกิจเริ่มเห็นเด่นชัดและเป็นรูปธรรมมากขึ้นหลังจากทายาทรุ่น 2 เข้ามาสืบทอดกิจการโดยมีกฤษฎ์ กาญจนบัตร กรรมการผู้จัดการเข้ามาดูแลเมื่อปี 2546 หลังจากจบบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) และไปเรียน Business Communication ที่ New south Wales University ประเทศออสเตรเลีย

แนวคิดขยายธุรกิจให้เติบโตโดยการต่อยอดจากฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และศูนย์บริการล้างรถคาร์แลคที่มีอยู่เดิม แต่บริษัทต้องการรูปแบบการให้บริการมีมาตรฐาน จึงทำให้กฤษฎ์เข้าเรียนเพิ่มเติมกับกรมพัฒนาการค้า กระทรวงพาณิชย์ เริ่มตั้งแต่เรียนระดับพื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจไปจนถึงระดับการศึกษาความก้าวหน้าของธุรกิจ ในหลักสูตร Business to Business: B to B

ระยะเวลา 3 ปีที่ได้เรียนรู้พร้อมกับทำงานไปด้วยจึงรู้ว่าบริษัทขาดการบริหารจัดการสาขา เช่น เจ้าของร้านไม่สามารถทิ้งร้านได้ มาตรฐานการให้บริการยังไม่ดีเท่าที่ควร

แต่หลังจากเข้าร่วมหลักสูตรเรียนรู้กับกรมพัฒนาการค้า พบว่าการให้บริการในรูปแบบแฟรนไชส์สามารถตอบโจทย์ได้หลายอย่าง อาทิ ความเชี่ยวชาญของบุคลากรที่แตกต่างกัน หากกรณีพนักงานลาออกก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ระบบแฟรนไชส์จะช่วยสร้างมาตรฐานการทำงานไม่ติดขัด โดยไม่ต้องมีหัวหน้างานดูแลตลอดเวลา เพราะหัวใจสำคัญของระบบแฟรนไชส์ให้ยึดระบบการทำงานมากกว่าการยึดติดบุคคล รวมไปถึงการจัดการบริหารที่มีแบบแผนชัดเจน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us