ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ฯอนุมัติเงินกู้ยืมระยะสั้นให้บริษัทย่อยที่เวียดนาม เพื่อใช้ในการเงินทุนหมุนเวียนซื้อวัตถุดิบระหว่างรอการอนุมัติเงินกู้จากแบงก์
โดยปีหน้าจะขยายกำลังการผลิตสินค้าพลาสติกเพิ่มขึ้นอีก 30% รอง รับความต้องการใช้ที่ขยายตัวในเวียดนาม
ก่อนตั้งโรงงานผลิตผลิต ภัณฑ์เมลามีนในปี 2548
นายสนั่น อังอุบลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)
(SI-THAI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติให้เงินกู้ยืมระยะสั้นเป็นเวลาไม่เกิน
6 เดือน แก่บริษัทเวียดไทย อินดัสเตรียล พลาสติก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าพลาสติกในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
เป็นจำนวนเงิน 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อวัตถุดิบใน
การผลิตสินค้าพลาสติกในเวียด-นาม ระหว่างรอการอนุมัติวงเงินสิน เชื่อจากสถาบันการเงินในเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ทางศรีไทยฯเตรียมเพิ่มทุนจดทะเบียนของเวียดไทยอีก 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อ ใช้ในการขยายธุรกิจในไตรมาส 4/2546 หลังจากล่า ช้า เพราะต้องต้องขออนุมัติต่อทางการเวียดนามก่อน
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของศรีไทยฯได้อนุมัติให้บริษัทฯค้ำประกันสินเชื่อแก่เวียด
ไทยฯเป็นจำนวนเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการซื้อสินค้าจากผู้จำหน่าย
เปิดเลตเตอร์เครดิต ผ่านธนาคารพาณิชย์ และค้ำประกันการกู้ยืมเงินระยะสั้นจากธนาคาร
เพื่อใช้ในการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนของเวียดไทยเพื่อให้การดำเนินงานทางธุรกิจไปได้ด้วยดี
แต่การเข้าค้ำประกันสินเชื่อแก่เวียดไทยด้วยจำนวนเงินเพียง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ไม่เพียงพอ ต่อความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนของเวียดไทยฯ เพราะธุรกิจเวียดไทยฯกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
จำเป็นต้องหาแหล่งเงินเพิ่มเติมเป็นการชั่วคราวจน กว่าการเพิ่มทุนในเวียดไทย ตลอดจนการอนุมัติเงิน
กู้จากธนาคารในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจะแล้วเสร็จ
เดิมศรีไทยฯ ถือหุ้นในบริษัท เวียดไทยฯ จำนวน 40% แต่ภายหลังจากได้ซื้อหุ้นเพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมสองรายเป็นที่เรียบร้อย
ทำให้กลายเป็นถือหุ้น ใหญ่ 90% โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มทุนอีกจำนวน 5 แสนดอลลาร์สหรัฐแก่เวียดไทยภายในปีนี้
นายสนั่น กล่าวต่อไปว่า ในปี 2547 บริษัทจะใส่เงินลงทุนในเวียดไทยอีก 7 แสนดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อซื้อเครื่องจักร ทำให้กำลังการผลิตสินค้าพลาสติก เพิ่มขึ้น 30%จากเดิม 2,400
ตันต่อปีเป็น 3,200 ตันต่อปี รวมทั้งกู้เงินจากสถาบันการเงินอีก 40 ล้านบาท มาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนด้วย
จากการขยายกำลังการผลิตพลาสติกในเวียดนาม จะช่วยฟื้นผลขาดทุนมาเป็นกำไรได้ในปีหน้า
ซึ่ง ปัจจุบันมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์พลาสติกในเวียดนาม สูงถึงหมื่นล้านบาท และยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เจรจาขอซื้อหุ้นสามัญจาก ผู้ถือหุ้นเดิมของเวียดไทยฯเพิ่มขึ้นอีก
5%เพื่อจะได้บริหารงานแบบเบ็ดเสร็จ หลังจากเวียดไทยฯประสบปัญหาการขาดทุนมาโดยตลอด
เนื่องจากการ บริหารไม่รัดกุมและการทุจริต
หลังจากนั้น บริษัทฯจะดำเนินการตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีนที่เวียดนามในปี
2548 ใช้เงิน ลงทุนประมาณ 3 ล้านบาทในช่วงเริ่มแรก โดยวาง แผนการตลาดสินค้าเมลามีนของบริษัทฯไว้ที่ระดับกลางและบน
ราคาสูงกว่าเมลามีนที่ผลิตในเวียดนาม
ตลาดเมลามีนในเวียดนามมีมูลค่า 500-600 ล้านบาท โดยมีผู้ผลิตรายใหญ่อยู่ 3 ราย
ที่เน้นผลิต เมลามีนราคาถูกเจาะตลาดล่าง
สำหรับผลการดำเนินงานของเวียดไทยฯในปีนี้ คาดว่ามียอดขายรวม 80 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ
20 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกนี้ ขาดทุนฯ 9.5 ล้านบาท