การรุกเข้ามายึดหัวหาดในองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ของกลุ่มเอทีแอนด์ที
หรือ American Telephone and Telegraph Corp. คงจะพอพูดได้ว่าเป็นยุทธการเปิดแนวรบทุกด้านโดยไม่พรั่นว่า
ใครหน้าไหนจะยืนประจันอยู่ตรงแนวรบแต่ละด้านนั้นๆ
เอทีแอนด์ที ส่งบริษัทในเครือคือ เอทีแอนด์ที อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์
(AT&T International Inc.) เข้าประมูลขอรับเป็นผู้จัดทำสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์
ซึ่งตลอด 17 ปีที่ผ่านมาบริษัทเยนเนราลเทเลโฟน ไดเรคทอรี่เป็นผู้ดำเนินการร่วมกับโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช
แนวรบด้านนี้นอกจากเอทีแอนด์ทีจะต้องปะทะกับเยนเนราลเทเลโฟนไดเรคทอรี่-เจ้าเก่าผู้คร่ำหวอดแล้วก็ยังจะต้องวัดดวงกับ
กลุ่มสยามเทเลโฟนไดเรคทอรี่ ซึ่งมีกลุ่มเจ้าของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ
หนุนอยู่ข้างหลัง
ว่ากันว่าถ้าเอทีแอนด์ทีผ่านแนวรบด้านนี้ไปได้ก็คงต้องลุ้นกันตัวโก่ง แม้
ว่าผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยของกลุ่มเอทีแอนด์ทีจะได้แก่ กลุ่มศรีกรุงของสว่าง
เลาหทัย ซึ่งตามคำบอกเล่าบอกว่ามีคอนเน็กชั่นตรงถึงตัวพลเอกอาทิตย์กำลังเอก
ประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์ก็เถอะน่า...
เพียงเท่านั้นคงจะยังไม่หนำใจ...แนวรบอีกด้านหนึ่งที่กลุ่มเอทีแอนด์ที
พยายามจะคืบคลานเข้าไปก็คือการประกาศลงทุน 480 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตและประกอบอุปกรณ์โทรศัพท์เพื่อใช้ในประเทศและส่งออก
โดยวาดภาพว่าโรงงานนี้จะสามารถสร้างงานได้ถึง 595 คน กำลังผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์นานาชนิดตกปีละ
250,000 ชุด และเอทีแอนด์ทีก็ได้เสนอโครงการไปขอรับการส่งเสริมจากสำนักงาน
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเรียบร้อยแล้ว
แต่ผลก็คงจะออกมาไม่ค่อยสมใจนัก เนื่องจากแนวโน้มล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนคงต้องบอกปัดการให้สิทธิบัตรโครงการ
ของเอทีแอนด์ทีเช่นเดียวกับอีก 5 โครงการของกลุ่มไอทีที, อีริคสัน, เอ็นอีซี,
เอเอส.อีเล็คทริคส์ ของนอร์เวย์และกลุ่มซาเทลโก อิเลคโทรนิคส์ ซึ่งล้วนเป็นโครงการคล้ายคลึงกับโครงการของกลุ่มเอทีแอนด์ที
ด้วยเหตุผลว่าได้ให้การส่งเสริมโรงงานของกลุ่มไอทีทีไปแล้ว และความต้องการใช้อุปกรณ์โทรศัพท์ในประเทศและลู่ทางการส่งออกก็ยังไม่สูงมากถึงขั้นต้องตั้งโรงงานผลิตเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงบอกว่า โครงการนี้กลุ่มเอทีแอนด์ที เตรียมสู้ต่อในยกสอง
หาได้รามือเพียงนั้นไม่
พร้อมๆ กับการเปิดแนวรบใน 2 ด้านดังกล่าว เอทีแอนด์ทีก็ค่อนข้างหมายมั่นปั้นมือมาก
ที่จะได้เข้าร่วมประมูลติดตั้งคู่สายโทรศัพท์อีก 9 แสนเลขหมาย งบประมาณเฉียด
4 หมื่นล้านบาทขององค์การโทรศัพท์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการระหว่างปี 2527 ถึงปี
2531
โครงการขยายการติดตั้งคู่สายโทรศัพท์เพิ่มจากปัจจุบัน 3 แสนเลขหมายเป็น
9 แสนเลขหมายนี้องค์การโทรศัพท์วางแผนว่าจะใช้เงินกู้ในประเทศ 18,380 ล้านบาท
และใช้เงินกู้จากต่างประเทศ 19,080 ล้านบาท รวมแล้วก็ 37,460 ล้านบาท
สำหรับแนวรบด้านนี้เอทีแอนด์ทีได้ส่งบริษัทในเครือคือ บริษัทเบลล์ แคนาดา
เข้าประกบและก็คงเป็นอีกแนวรบหนึ่งที่เอทีแอนด์ทีจะต้องทุ่มสุดตัว เพราะเท่าที่เห็นก็จะต้องเจอกับกลุ่มอีริคสันแห่งสวีเดนกับกลุ่มเอ็นอีซีแห่งญี่ปุ่น
โดยที่ทั้ง 2 กลุ่มทำมาหากินกับองค์การโทรศัพท์มาแล้วรายละไม่ต่ำกว่า 30
ปี เรียกว่ารู้ตื้นลึกหนาบางในวงการนี้ทะลุปรุโปร่ง แถมยังตกลงเป็นนัยๆ แบ่งตลาดกันเสร็จว่า
ในเขตนครหลวงเป็นของเอ็นอีซี ส่วนในต่างจังหวัดเป็นของอีริคสัน
เอทีแอนด์ทีเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ทด้าน Telecommunication มีตัวบริษัทแม่อยู่ในสหรัฐฯ
เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอทีแอนด์ทีถูกระบุว่าเป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์สูงที่สุดในโลก
ร้อนถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องงัดกฎหมายป้องกันการผูกขาดเข้าบังคับให้เอทีแอนด์ทีแตกตัวเองออกเป็นบริษัทย่อยๆ
อย่างน้อย 7 บริษัทเพื่อกระจายสินทรัพย์ออกไป
แต่การก้าวเข้ามาในประเทศไทยของเอทีแอนด์ทีก็คงภาพของผู้ยิ่งใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง?