|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
การประกาศตัวอย่างอหังการของ บล.ไทยพาณิชย์ เพื่อขอขึ้นเป็นอันดับ 3 ใน 3 ปีนับจากนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เพราะปัจจุบันยังรั้งตำแหน่งอยู่ถึงอันดับที่ 15
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพร้อมทีมผู้บริหารอีก 3 คน ร่วมงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อบอกเล่าถึงยุทธศาสตร์ใน 3 ปีจากนี้ไป
บริษัทกำหนดเป้าหมายไว้ว่าใน 3 ปี ข้างหน้าจะต้องมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.6 ส่วนกำไรสุทธิจะต้องเป็น 605 ล้านบาท จากปี 2554 มีกำไร 237 ล้านบาท
แผนธุรกิจที่ก่อขึ้นอย่างชัดเจนอาจเป็นเพราะบริษัทมีการปรับโครงสร้างค่อนข้างมากในช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา เริ่มต้นจากจัดตั้งตลาดตราสารอนุพันธ์และก่อตั้งหน่วยงานกลุ่มวิจัยเศรษฐกิจเพื่อรับผิดชอบงานด้านการวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics)
นอกจากนั้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ยังปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มธนาคาร โดยมอบหมายให้สายธุรกิจตลาดทุนกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของ 2 ธนาคาร เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจ Investment Banking แทนบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด จึงทำให้บริษัทหันมาเน้นให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ การนำเสนอขายหลักทรัพย์ ตลอดจนการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
ในส่วนบุคลากรมีการนำผู้บริหารใหม่เข้ามา เช่น ม.ล.ทองมกุฎ มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูแลบริหารการจัดการทั้งหมดของบริษัท ม.ล.ทองมกุฎมีประสบการณ์การทำงานมา 20 ปี เคยทำงานในบริษัทหลักทรัพย์ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด, บล.วัน จำกัด และ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย)
เกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานวิจัย เคยเป็นหัวหน้าวิจัยด้านหลักทรัพย์ของจีนซึ่งทำการซื้อบนกระดานตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (H-Share) และบริหารพอร์ตการลงทุน ที่สำนักงานในเซี่ยงไฮ้ของบริษัท Ellerston Capital และเป็นนักวิเคราะห์อาวุโส บล. ซี แอล เอส เอ
นอกจากนี้ยังมีกวิล แสงวิเชียร รองกรรมการผู้จัดการ เข้ามาดูแลสายงานตราสารอนุพันธ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ บล. ไทยพาณิชย์ เขามีหน้าที่รับผิดชอบออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์
ก่อนมาร่วมงานกับบริษัท กวิลดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารเงิน (Treasury) บล.ฟินันซ่า และบล.ภัทร
ผู้บริหารคนสุดท้าย บุญทิพย์ กฤตชัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์ มีประสบการณ์มา 25 ปี ถือว่าเป็นลูกหม้อของบริษัทที่ทำงานมายาวนานที่สุด 10 ปี เมื่อเทียบกับผู้บริหารอีก 3 คนที่มาร่วมงานประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น
โครงสร้างผู้บริหารทำหน้าที่ดูแลในปัจจุบัน บริษัทมองว่าครอบคลุม นับจากนี้คือการเดินตามแผนธุรกิจที่กำหนดไว้
กลยุทธ์การบริหารงานในครั้งนี้มุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์หุ้นและจัดพอร์ตตราสารทุนและอนุพันธ์ให้นักลงทุนเข้าใจง่ายและเข้าถึงนักลงทุนหน้าใหม่ผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารที่มี 1,100 สาขาทั่วประเทศ
กลุ่มเป้าหมายแรกคือ กลุ่มลูกค้าธนบดีธนกิจ ที่มีการซื้อขายตั้งแต่ 5 ล้านบาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทร้อยละ 75 ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น
นอกจากนี้ต้องกระตุ้นลูกค้าที่มีอยู่ในบัญชีให้หันมาใช้บริการมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าถึง 2 หมื่นบัญชี แต่มีลูกค้าที่มีการซื้อ-ขายต่อเนื่องเพียง 40% เท่านั้น
ดังนั้น เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน และลูกค้าเดิมให้ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่ม บริษัทจะร่วมทำงานกับทีมธนบดีธนกิจของธนาคารไทยพาณิชย์วางแผนสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่
ในส่วนตราสารอนุพันธ์ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาตราสารอนุพันธ์ในตลาด OTC เช่น หุ้นกู้อนุพันธ์ (Equity Linked Note) และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant)
มุ่งเน้นเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ตลาดทุนมากขึ้น ทำให้บริษัทลงทุนด้านงานวิจัยเพื่อวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและกลยุทธ์การลงทุน วิเคราะห์ปัจจัยเทคนิค โดยมีแผนขยายงานวิจัยให้ครอบคลุม 130 หลักทรัพย์ 20 กลุ่มธุรกิจภายในปี 2557 จาก ปัจจุบันวิเคราะห์หุ้นอยู่ 92 หลักทรัพย์ 17 กลุ่ม
การวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นรายตัวจะไม่เน้นเฉพาะรายใหญ่เหมือนที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว แต่จะขยายไปยังกลุ่มหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะงานวิจั จะเน้นเฉพาะหุ้นในกลุ่มปันผล (Dividend Stock) และหุ้นในกลุ่มปัจจัยพื้นฐานดี (Value Stock)
“ในปีนี้ฝ่ายวิจัย เป็นฝ่ายที่บริษัทลงทุนค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีทีมงานอยู่ประมาณ 20 คน แบ่งเป็นนักวิเคราะห์ 7 คน นักกลยุทธ์ 3 คนที่เหลือเป็นผู้ช่วย”
การปรับปรุงแผนการตลาดเป็นส่วนหนึ่งที่บริษัทคาดหวังไว้ว่าจะทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรสุทธิรวมปีนี้ให้ได้ 400 ล้านบาท และขยายฐานลูกค้า เพราะค่าบริการที่ลดลงส่งผลกระทบต่อรายได้เช่นเดียวกัน
ภาพรวมค่าธรรมเนียมทั้งอุตสาหกรรมพบว่า แนวโน้มค่าบริการลดลงเกิดจากการแข่งขันที่สูงขึ้น หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดเสรีการค้าหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แนวโน้มราคาค่าธรรมเนียมตั้งแต่ปี 2552 ร้อยละ 0.23 ปี 2553 เป็นร้อยละ 0.18 ปี 2554 เหลือร้อยละ 0.17
การแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นแต่กลับพบว่าลูกค้าที่ใช้บริการในภาพรวมของอุตสาหกรรมมีเพียง 670,000 บัญชี และมี 170,000 บัญชีที่ใช้ซ้ำหลายบัญชี ประการสำคัญมีการเคลื่อนไหวเพียงปีละครั้งเท่านั้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้ บล. ไทยพาณิชย์พยายามที่จะกระตุ้นลูกค้าในส่วนของธนาคารให้หันมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าจากธนาคารน่าจะเปิดบัญชีใหม่ 2 พันราย
นอกจากการเสริมบุคลากรด้านบริหาร และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว บริษัทยังได้ลงทุนพัฒนาปรับปรุงระบบเทคโนโลยีเพิ่มเติม ทั้งระบบการจัดการบริหารลูกค้า CRM และระบบคอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้ลูกค้าซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
เป้าหมายของ บล.ไทยพาณิชย์ที่ใฝ่ฝันจะก้าวไปเป็นอันดับ 3 เมื่อเทียบกับอันดับหนึ่งอย่าง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีทีมงานทั้งหมด 800 คน ส่วนแบ่งการตลาด 12% ขณะที่ บล.ไทยพาณิชย์ มีทีมงาน 150 คน ส่วนแบ่งการตลาด 2.6%
แสดงให้เห็นว่า บล.ไทยพาณิชย์ยังต้องทำงานหนักเพื่อไต่ขึ้นสู่อันดับ 3
|
|
|
|
|