|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จากตารางแสดงจำนวนสาขาในอาเซียนข้างต้น สะท้อนยุทธศาสตร์การเข้าสู่ตลาดอาเซียนของธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่งจาก 2 ประเทศ ได้แก่ เมย์แบงก์ และซีไอเอ็มบี ธนาคารอันดับ 1 และอันดับ 2 ของมาเลเซีย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ธนาคารอันดับ 1 และ 4 ของเมืองไทย
จะเห็นว่า เมย์แบงก์และซีไอเอ็มบีมีการยึดพื้นที่นอกประเทศอาเซียน มากกว่าธนาคาร 2 แห่งของไทย ทั้งนี้ เพราะแนวทางการขยายตัวของธนาคารมาเลเซียเป็นรูปแบบของการควบรวมกิจการ แม้ต้องใช้เงินทุนเยอะมาก แต่ก็แลกมาด้วยปริมาณสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศนั้นๆ ซึ่งทำให้เป้าหมายในการเป็นผู้นำตลาดอาเซียนของทั้งธนาคารมาเลเซีย ทั้ง 2 แห่งชัดเจนขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว
ทั้งนี้ แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้แบงก์ยักษ์ใหญ่ของมาเลเซียต้องก้าวออกมาขยายอาณาจักรภายนอกประเทศ เป็นเพราะตลาดมาเลเซียมีขนาดเล็กเกินไป และการก้าวออกมาสู่ตลาดที่ใหญ่กว่าจะเป็นแรงกดดันให้องค์กรต้องปรับตัวและปรับศักยภาพในการบริหารจัดการ เปรียบได้กับการแข่งฟุตบอล หากต้องการขยับจากลีกไทยไปสู่ลีกระดับภูมิภาค หรือลีกระดับโลก นักบอลต้องมีการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองเพื่อให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล
ขณะเดียวกัน โครงสร้างธุรกิจของสถาบันการเงินของมาเลเซียก็มีความได้เปรียบ เนื่องจากมีองค์กรรัฐวิสาหกิจร่วมเป็นผู้ถือหุ้น นอกจากจะทำให้มีเงินทุนมาสนับสนุนในการขยายธุรกิจ รัฐวิสาหกิจเหล่านี้ยังใช้ธนาคารทั้ง 2 แห่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการผลักดันให้แบรนด์สินค้าและบริการของมาเลเซียครองตลาดอาเซียน
สำหรับธนาคารไทย กลับมียุทธศาสตร์ในการขยายสู่ตลาดอาเซียนที่ต่างกันออกไป ปัจจุบันทั้งธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทยจะติดตามไปให้บริการกับลูกค้าในประเทศที่มีฐานลูกค้าเข้าไปลงทุนอยู่แล้วหรือกำลังจะเข้าไปลงทุนในไม่ช้า ซึ่งเป็นไปในลักษณะที่ค่อนข้างระมัดระวังในการขยายออกไปสู่ต่างประเทศ นี่จึงทำให้จำนวนสาขาในอาเซียนที่อยู่นอกประเทศแม่ มีจำนวนน้อยกว่าธนาคารมาเลเซียอย่างมีนัยสำคัญ
แต่ในอีกมุมมองด้านหนึ่ง ธนาคารพาณิชย์ไทยยังเชื่อว่าตลาดเงินและตลาดทุนภายในประเทศยังไปได้ดี พิจารณาจากรายได้และกำไรภายในประเทศยังเติบโต จึงทำให้ไม่มีแรงกดดันเหมือนดังเช่นมาเลเซีย
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ธนาคารไทยไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร น่าจะมาจากขาดแรงสนับสนุนจากภาครัฐที่ไม่มีนโยบายชัดเจน และรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง จึงทำให้นโยบายของรัฐขาดความต่อเนื่อง
ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนตลาดอาเซียนของธนาคารไทยจึงเป็นในรูปแบบเชิงรับ ในขณะที่มาเลเซียมีนโยบายเชิงรุก กระนั้นก็ตาม คงไม่อาจบอกได้ว่ากลยุทธ์ใดประสบความสำเร็จได้มากกว่ากัน เพราะเส้นทางการเปิดเสรีทางด้านการเงินในตลาดอาเซียนในบริบทของกฎระเบียบยังไม่ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ และอาจต้องใช้เวลานานถึงปี 2563 ดังนั้นโอกาสยังเป็นของทุกคน
|
|
|
|
|