Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2527








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2527
ลดค่าเงินบาทปี 2524 ควันหลงที่เพิ่งจะสิ้นสุด 25 ธันวาคม 2527             
 

   
related stories

จุดจบของนักหนังสือพิมพ์บางคนเสียคนเมื่อยามชราภาพ

   
search resources

Economics
ไพจิตร เอื้อทวีกุล
Law
ประสาน มีเฟื่องศาสตร์




ใครจะนึกว่าการลดค่าเงินบาทเมื่อปี 2524 นั้นจะมีเรื่องราวยืดเยื้อมาจนกระทั่งถึงสิ้นปี 2527 นี้

เรื่องที่ยืดเยื้อคือเรื่องของ ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นโจทก์ฟ้อง ประสาน มีเฟื่องศาสตร์ อดีตเจ้าของหนังสือพิมพ์ดาวสยาม นักคอลัมนิสต์ชื่อดัง ซึ่งใช้นามปากกาว่า "กระแช่" และ "สีเสียด"

ข้อหาที่ฟ้องคือ คดีหมิ่นประมาทที่ "กระแช่" และ "สีเสียด"หรือ "ประสาน มีเฟื่องศาสตร์" ได้วิพากษ์วิจารณ์การลดค่าเงินบาทครั้งนี้โดยวิพากษ์วิจารณ์ ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล อย่างเสียหายชนิดสาดเสียสาดเท บางตัวอย่างในการวิพากษ์วิจารณ์

"..ยิ่งได้ฟังแก ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล แถลงเรื่องลดค่าเงินบาทที่บาดคอคนทั้งเมือง เคืองก็เคือง แต่แล้วผมก็สมเพช!!! ขึ้นต้น ดร.ไพจิตรบอกเรื่องค่าของเงินบาท มันไม่อยู่บนฐานแห่งความเป็นจริงหรือความถูกต้อง มาตั้ง 8 ปีเข้านี่ไม่มีใครแก้สักที แกต้องเข้ามาแก้ ผมว่าแก้ผ้าน่ะซี"

พูดให้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ฟังได้ แต่กับคนที่รู้เรื่อง เขาว่าพูดม้าๆ !!! เฮ้! ตำราที่เรียนมานั้นเขาแต่งขึ้นตามเหตุการณ์แต่อดีตนะ เพียกโบกมันหมุนทุกวัน และก็เปลี่ยนไปทุกวัน ที่ว่าเงินบาทลอยอยู่บนฟองสบู่อะไรทำนองนั้น เป็นมาตั้ง 8 ปี กำลังเข้าโคม่าในปีนี้ ฮ่วย! เก่งจริง ออกมาบริหารงานด้านการเงินแข่งขันกับเอกชนให้เห็นฝีมือกันหน่อยปะไร?

คำพูดประโยคสำคัญที่ ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล แถลงในวันนั้น คนฟังคิดว่าเป็นทารก หรือเด็กอนุบาลพูด "คนที่เดือดร้อน จากการลดค่าเงินบาท 2 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ นั้นจะมีก็เฉพาะคนที่พอรับเงินเดือนแล้วขี่เรือบินไปใช้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น"

โธ่เอ๋ย! คนระดับดอกเตอร์ คนชั้นรัฐมนตรีไฉนถึงได้มีความคิดที่ตื้นเขินอย่างนี้หา ผมว่าเอาคนขายเต้าฮวยมาเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง ยังจะดีกว่าละมั้ง ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเสียเลยอย่างนี้พวกเราก็เลยต้องซวยสิ้นดี!!!

"คุณถามเพราะเหตุอันใด รัฐบาลจึงลดค่าเงินบาทลงไป? คุณก็ไม่รู้ผมก็ไม่รู้และนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก็ไม่รู้ แม้แต่ตัวรัฐมนตรีว่าการคลังคือลุงสมหมาย ฮุนตระกูล ก็ดูแกงงๆ อยู่ ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเหมือนกัน ฮ่วย! มันเฮงซวยอย่างนี้

รู้แม่งคนเดียว คือคุณด๊อกเตอะไพจิตร เอื้อทวีกุล ซึ่งอ้างเหตุผลว่าค่าเงินบาทของเรามันไม่ได้ยืนอยู่บนจุดของราคาที่เป็นจริง มานานตั้ง 8 ปีเข้านี่แล้ว จึงต้องปรับ อุ๊วะ! เราก็อยู่ได้มาตั้ง 8 ปี ไม่เห็นมีอะไร และก่อนหน้านั้นเหมือนกับว่ากระทรวงนี้มีรัฐมนตรีคลังมาแต่ละคนใช้ไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง ไม่เอาไหน ปล่อยไว้อย่างไรกัน อดีตรัฐมนตรีคลังตลอด 8 ปีที่ผ่านมา แย่ทั้งนั้น อย่างนั้นเรอะ?? เกินไปละสหาย!!!

เราเพิ่งจะได้เทวดา มาเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคลังเมื่อ 2 วันนี้ชื่อ ไพจิตร เอื้อทวีกุล? โอ๊ย! บุญหนักหนา บุญของบ้านของเมือง ถ้าไม่ได้คนคนนี้มาแก้ไขเมืองไทยต้องฉิบหายแน่?? ฮื่อ! เทวดาหมาเมินซีพูดแล้วมีน้ำโห"

"คนอะไร รู้หรือเปล่า เราเริ่มเดือดร้อนกันในทันที แม่งไม่รู้จริง แต่สู่รู้ เก่งมาแต่ไหนกันนะ อ้างโน่นอ้างนี่ ดีที่ไม่กางตำราบ้าๆ มาอ่านกลางสภาฯ ผมขอประกาศไว้ตรงนี้ว่า ไม่ช้านับแต่วันนี้ พี่น้องเตรียมลับมีดลับปังตอไว้ให้คมๆ เหอะ คิดว่าจะต้องจับคนที่ทำให้เศรษฐกิจของชาติต้องฉิบหาย คนที่ทำระยำต่อวงการธุรกิจ ต้องหยุดชะงัก คนที่ทำให้พี่น้องชาวไทยต้องรายได้ลดลงไปก็ไม่พอกินกันอยู่แล้ว ยังต้องถูกซ้ำเติมรุนแรงขึ้น จะโดยตั้งใจ มีเจตนาหรือไม่ ไม่ช้าก็รู้ รู้เมื่อไรก็เมื่อนั้น อย่าได้อยู่ร่วมชาติกันเลย

แต่ "คุณบึง ศาจเจ้า" ก็อย่าเพิ่งคิดเอาพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ที่ปรากฏอยู่ในธนบัตรมาวิจารณ์ พระองค์ท่านมิได้ทรงปรารถนาเช่นนั้น แต่ผมก็ไม่รู้คนชื่อ ดร.ไพจิตรจะคิดอะไรอยู่ในใจของแก ถ้ารู้ล่ะก็ คอแกคงต้องไม่มีหัวตั้งอยู่แน่ๆ ..."

"โทษก็ร้ายแรง เพราะคนทั้งประเทศเดือดร้อน ยิ่งถ้าหาก ดร.ไพจิตรคิดอะไรแอบแฝงอยู่ในจิตใจมุ่งหมายการอันใดจากผลสะท้อนของมันให้ชนกับอุดมการณ์แอบแฝงของตนแล้ว เป็นเรื่องของพี่น้องชาวไทยที่จะเอ็นดูเขาอย่างไร"

"จะบ้าไหมล่ะคุณ เขาด๊อกเตอะไพจิตร เอื้อทวีกุล รมช.คลัง คนต้นคิดลดค่าเงินบาทขึ้นราคาดอลลาร์ พูดม้าๆ ว่า คนเดือดร้อนก็พวกที่ได้เงินเดือนแล้วบินไปใช้เงินบาทเมืองนอก

ตอนหลังยังพูดอีก เราก็อย่าไปซื้อหาสินค้าเอากับประเทศที่เงินตราเขาขึ้นซีพิลึกดีไหมล่ะ?? ก็แม่งขึ้นกันทุกสกุล เงินตราต่างประเทศ พรึ่บพรั่บทันควันกันเลย พวกเราช่วยกันจำชื่อนี้ไว้จนวันตาย ด๊อกเตอะไพจิตร เอื้อทวีกุล (นามสุกลนี้ผมชักมีความสงสัย ดูมันยาวๆ อย่างไรไม่รู้ซิ)

"ยกตัวอย่างยาวเป็นหางว่าว เป็นอุทาหรณ์นิดเดียว เพราะเกี่ยวกับการดำเนินงานเศรษฐกิจของชาติ มันเรื่องใหญ่ ก็อยากจะยกตัวอย่าง ชิน โสภณพนิช ก็ดี อุเทน เตชะไพบูลย์ ก็ดี ได้ดีกรีเศรษฐศาสตร์มาจากไหน หรือบุญชู โรจนเสถียรก็เรียนแค่ปริญญาวิชาบัญชีมาจากมหา'ลัยธรรมศาสตร์เท่านั้นเอง แต่ท่านที่เอ่ยชื่อมานี้ ใครคิดว่า สู้คนชั้น ดร.ไม่ได้ หรือกับคนระดับ ดร.บางคนอย่าง ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล อยู่เพียงตาตุ่มเขาเท่านั้นละมั้ง"

ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล คงจะไม่ใช่นักการเมืองที่สามารถมีน้ำอดน้ำทนได้ต่อเสียงเสียดสีกระแนะกระแหนที่ "สีเสียด" เสียดสีเอาตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 14 สิงหาคม พ.ศ. 2524 ก็เลยต้องขอพึ่งบารมีศาลเอา

ในช่วงแห่งการดำเนินคดีนั้น แรกที่ "สีเสียด" ก็มีท่วงท่าเก่งกาจอาจหาญ แต่พอดูแนวโน้มว่าน่าจะแพ้แน่ๆ ประกอบกับคดีหมิ่นประมาทในช่วงหลังๆ นั้น ผู้พิพากษามักจะพิพากษาให้จำคุกและไม่มีการรอลงอาญาเลยแม้แต่คดีเดียว

การวิ่งเต้นเพื่อประนีประนอมก็เกิดขึ้น!!!

คนที่ "สีเสียด" วิ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือ "บุญชู โรจนเสถียร"
ผู้ซึ่งเคยให้การสนับสนุนหนังสือพิมพ์ดาวสยามในเรื่องเงินทองมาตลอดโดยผ่านทางธนาคารกรุงเทพ

แต่บุญชูกับไพจิตร เอื้อทวีกุล ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากขมิ้นกับปูนดีๆ นี่เอง คนกลางที่บุญชูต้องพึ่งก็คืออำนวย วีรวรรณ ในฐานะที่อำนวยสนิทสนมกับไพจิตรดี อำนวยรับหน้าที่นี้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ เพราะรู้ดีว่าไม่สำเร็จแน่ๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!

เพราะไพจิตรตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ต้องให้ถึงที่สุด

ในที่สุดศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก "ประสาน มีเฟื่องศาสตร์" และ จำนง รุ่งเรืองกุล คนละ 5 เดือน โดยไม่มีการรอลงอาญา

จำเลยอุทธรณ์

และในช่วงนั้น ประสาน มีเฟื่องศาสตร์ก็ตัดสินใจขายหนังสือพิมพ์ดาวสยามให้กับเจ้าของหนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่งไป

ศาลอุทรณ์พิพากษายืน และยังปรับอีกคนละ 1 พันบาท

จำเลยฎีกา!

ศาลฎีกาพยายามอ่านคำพิพากษาแล้วหลายครั้ง แต่จำเลยต้องเจ็บป่วยทุกที ด้วยสารพัดโรค

จนในที่สุดวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ศาลแขวงพระนครเหนือ นัดอ่านคำพิพากษา แต่จำเลยป่วยปวดท้อง คราวนี้ศาลไม่เชื่อ ก็ให้นายประกันส่งตัวจำเลยมาตอนเย็น นายประกันซึ่งเป็นน้องภรรยาประสาน มีเฟื่องศาสตร์ บอกว่าส่งตัวไม่ได้ เพราะจำเลยผ่าตัดที่โรงพยาบาลภูมิพล

ศาลไม่เชื่อก็เลยให้ปรับนายประกันและออกหมายจับจำเลยพร้อมทั้งนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ธันวาคม เวลา 13.30 น. นี้

สามปีกว่าแล้วที่ได้มีการลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น
หลายคนที่ถูกผลกระทบครั้งนั้นก็ลืมกันไปเกือบหมดแล้ว คงจะมีบางคนเท่านั้นที่ยังไม่ลืม และก็รอดูผลของการลดค่าเงินบาท ปี 2524 อยู่ถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา คนคนนั้นคือ ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล

วันที่ 25 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ก็คงเป็นคริสต์มาสในประเทศตะวันตก คริสต์มาสนี้คงเป็นคริสต์มาสที่ตื่นเต้นสำหรับไพจิตรมากๆ ทีเดียว เพราะรอมานานแล้ว

ส่วนประสาน มีเฟื่องศาสตร์ แทนที่จะได้ "White X'mas" อาจจะต้องได้ "Black X'mas" แทนก็ได้"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us