Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2527








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2527
ใครโกหกใครกันแน่?             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
ศุภชัย พานิชภักดิ์
Economics
อาทิตย์ กำลังเอก
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี




เมื่อมีการลดค่าเงินบาทออกมาต่างฝ่ายต่างก็ชี้หน้าอีกฝ่ายว่า “ไหนบอกว่าปีนี้จะไม่ลดค่าเงินบาท?” อีกฝ่ายหนึ่งก็เถียงคอเป็นเอ็นว่า “ไม่เคยพูดเช่นนี้”

เพื่อเป็น a matter of record “ผู้จัดการ” ขอบันทึกไว้ว่า:-

วันที่ 6 สิงหาคม 2527 สมหมาย ฮุนตระกูลได้ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การลดค่าเงินบาทยังไม่มีความจำเป็นในปีนี้

ในวันที่ 20 สิงหาคม ไตรรงค์ สุวรรณคีรี

โฆษกรัฐบาลได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า การยกเลิกมาตรการสินเชื่อ 18% นั้นจะไม่มีกระทบกระเทือนค่าเงินบาท เพราะค่าเงินบาทยังดีอยู่อย่างน้อยก็ภายในปีนี้

ในวันที่ 16 สิงหาคม ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “อยากจะเรียนว่า รัฐบาลยืนยันว่า ฐานะทางเศรษฐกิจ และฐานะการเงินของรัฐบาลดีขึ้น ทั้งดุลชำระเงิน เงินทุนสำรองและค่าเงินบาท ต่างอยู่ในสภาพที่ดี เสียงเล่าลือเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท ยังมองไม่เห็นว่าจะต้องเป็นไปเช่นนั้น”

ในวันที่ 4 สิงหาคม เอกกมล คีรีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็น “สมุห์บัญชีทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน” รับผิดชอบกับค่าของเงินโดยตรงพูดว่า “ค่าเงินบาทไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น สบายใจได้ ปีนี้ผมมีความสุขที่สุด ไม่เป็นกังวล มีเวลาได้ไปต่างประเทศ”

ในวันที่ 16 ตุลาคม ศุภชัย พาณิชภักดิ์ แห่งธนาคารแห่งประเทศไทย พูดบรรยายให้สมาคมอุตสาหกรรมฟังว่า “เสถียรภาพทางการเงินของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี และจะรักษาระดับเช่นนี้ไปได้อีกตลอดปี 2528 โดยที่ระดับอัตราเงินเฟ้อคงจะขยับเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์ แล้วความจำเป็นของฟิลิปปินส์ต้องลดค่าเงินเปโซอยู่ตลอดเวลา จึงยังมีอยู่ในขณะที่ไทยไม่ถูกแรงกดดันจากด้านราคาเลย”

สามทุ่มครึ่งคืนนั้น อดีตวีรบุรุษสะพานมัฆวาน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ก็กลับมาสู่ประเทศไทยด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวสุดขีด

พุธที่ 7 พฤศจิกายน 2527

เหตุการณ์ยังคงสับสนวุ่นวายอยู่ กระทรวงการคลังกับธนาคารชาติก็มัวแต่หามาตรการต่างๆ นานาที่เพิ่งจะมาคิดกัน ส่วนพ่อค้าที่สูญเสียก็นั่งตีอกชกหัวด่าโคตรเหง้าของผู้บริหารประเทศ กรมการค้าภายในก็ออกล่าบรรดาร้านค้ากระจิบกระจอกจับอาแปะอาซิ่มที่ขายหลอดไฟแพงขึ้นกว่าเดิม

ในวันนั้น อีกด้านหนึ่งที่เป็นส่วนของสีเขียว คนห้าคนที่ชื่อพลเอกปฐม เสริมสิน พลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธ์ พลเอกบรรจบ บุนนาค พลเรือเอกนิพนธ์ ศิริธร พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ พากันลงชื่อบนจดหมายฉบับหนึ่งที่จะส่งให้กับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์

เนื้อความในจดหมายแปลไทยเป็นไทยได้ว่าในเมื่อพลเอกเปรมบริหารบ้านเมืองจนเกิดวิกฤตการณ์แบบนี้แล้วก็ควรยกทีมออกเสีย!

ในวันนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็พาเอา ตามใจ ขำภโต บินจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่โคราชโดยด่วนเพื่อโค้ชพลเอกอาทิตย์ในการออกทีวีโดยมีทีมงานอัดเทปของสถานีโทรทัศน์ช่อง5 ขึ้นไปเตรียมการตั้งแต่เช้าแล้ว

วันนั้นไม่มีใครในรั้วสีเขียวได้ออกไปไหนเพราะทุกคนถูกสั่งให้เตรียมพร้อม กระสอบทรายรั้วลวดหนามที่ถูกเอามาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทยก็ถูกขนออกมากันเป็นระยะๆ

วันนั้นโทรศัพท์เช็กข่าวลือกันทั่วเมืองว่า พลเอกเปรมลาออกแล้วกันให้วุ่นไปหมด

ในวันเดียวกันตอนเช้าบนเที่ยวบินที่สองจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ชายวัยกลางคนที่ทุกคนเคยรู้จักในนามอาคม มกรานนท์ ก็ขึ้นไปเชียงใหม่พร้อมกับช่างเทคนิคของโทรทัศน์ช่อง 9 จุดหมายคือบ้านริมแม่ปิงที่ชายผมขาวชื่อ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อยู่ วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือน 12 เสียงเพลงลอยกระทงกระหึ่มไปทั่วบ้านทั่วเมือง สีสันของกระทงซึ่งวางขายตามที่ต่างๆ เริ่มออกมาให้เห็นกันทั่วกรุง เสียงประทัดดังกันเป็นระยะๆ ให้รู้กันว่า คืนนี้เป็นคืนลอยกระทง จดหมายที่นายพล 5 คนลงชื่อที่จะต้องถึงมือพลเอกเปรมก็ถูกถ่ายเอกสารแอบเอามาแจกให้บรรดาสื่อมวลชนล่วงหน้า เท่านั้นเองแหละ กระแสปฏิวัติก็กระหึ่มส่งกลิ่นขึ้นมาแข่งกับกลิ่นธูปเทียนที่ผู้คนจะจุดอธิษฐานในคืนวันลอยกระทงวันนั้น พลโทชวลิต ยงใจยุทธ ก็ต้องทำหน้าที่เป็นม้าด่วนนำความคิดเห็นขึ้นมาเล่าให้ พลเอกปรมฟังที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ว่า คืนวันเพ็ญนี้ใครคิดอะไรกันอยู่

แล้วคืนวันเพ็ญที่จันทร์ส่องแสงเต็มดวง สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 7 ก็ฉายสัญญาณออกทั่วประเทศกับคำแถลงของพลเอกอาทิตย์ ที่ทำให้สถานการณ์ดูสับสนมากขึ้น

เพื่อให้สถานการณ์ดูสับสนเพิ่มเติม สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 3 ก็ออกข่าวสัมภาษณ์ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อีกช่องหนึ่งเช่นกัน!

เหมือนกับว่าซาดิสต์จะครองไทยในขณะที่สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ช่องหนึ่งกำลังประนามว่า การลดค่าเงินบาทคือเวรคือกรรมที่ต้องทำให้ชาติพินาศพังทลาย!

แต่สัญญาณอีกช่องหนึ่งก็บอกว่าการลดค่าเงินบาท จะทำให้ชาติดีขึ้น

ในขณะที่พลเอกอาทิตย์บอกว่าลดค่าเงินบาททำให้กองทัพขาดเงินจะไม่มียุทโธปกรณ์ไว้ใช้ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ก็บอกให้ชาวบ้านเลิกกินปลาแซลมอนหันมากินร้าปลาแดกแทน ทั้งๆ ที่ประชาชนคนไทยจะลดหรือไม่ลดค่าเงินบาทมันก็ไม่เคยดีขึ้นกว่าเดิมเลย

และแล้วพลเอกอาทิตย์ก็จบลงด้วยการขอให้ปรับปรุงรัฐบาลใหม่ พร้อมทั้งให้ปรับอัตราค่าเงินบาทกลับไปเหมือนเดิมและ “ถ้าหากประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่แก้ไขเกิดความเดือดร้อนและเกิดความลำบากลำบนขึ้น ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องพิจารณาหาหนทางที่ดีที่สุด ที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติต่อไป”

คืนวันนั้นใครจะไปลอยกระทงที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าแสงจันทร์ที่นวลผ่องอยู่บนฟากฟ้านั้นมันซ่อนเร้นด้วยความตึงเครียดที่พร้อมจะแตกหักออกไปได้ทุกเมื่อ สำหรับคนที่อยู่ในวงการธุรกิจการเงินการทอง สัจวาจาของพลเอกอาทิตย์ในคืนนั้น ทำให้ไม่มีใครนอนหลับได้ และต้องนั่งวางยุทธวิธีการเงินกันใหม่เพียงเพราะ ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นคนพูดออกมา

พฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน 2527

วันนั้นสมหมาย ฮุนตระกูล ธนาคารชาติ วีรพงษ์ รามางกูร แทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากหาทางทำให้พลเอกเปรมเชื่อว่าการปรับราคาค่าเงินบาท ให้กลับไปราคาเก่านั้น มีสิทธิ์ทำให้ประเทศชาติถึงกับพินาศวิสันตะโรได้

พรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มเดินหมากทันทีด้วยความจำเป็น เพราะป๋าอยู่ เราอยู่ ป๋าไป เราก็ไปด้วย เป็นที่รู้กันว่าพรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านพลเอกอาทิตย์ กำลังเอกมานานแล้ว เพราะประชาธิปัตย์คิดว่า แนวความคิดพลเอกอาทิตย์เป็นแนวความคิดที่เข้าด้วยกันไม่ได้ เรียกได้ว่า ไม่มีวันเผาผีกัน!

ถ้าพลเอกอาทิตย์ขึ้นมามีอำนาจปักษ์ใต้บ้านเราก็คงกลับไปอยู่ปักษ์ใต้อีกนานแสนนานแน่ๆ!

การหยุดความก้าวหน้าทางการเมืองของพลเอกอาทิตย์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องทำทุกวิถีทาง ตั้งแต่การดึงเอาพลเอกหาญมาเป็นแนวร่วม จนถึงการใช้มาตรการทางสภาเข้าขัดขวาง ตลอดจนการให้สัมภาษณ์แบบขวางลำของไตรรงค์ สุวรรณคีรี วีระ มุสิกพงศ์ หรือแม้กระทั่งการเสนอญัตติห้ามต่ออายุราชการเข้าสภาของสุทัศน์ เงินหมื่น รวมไปถึงข่าวลือต่างๆ นานา ที่ไม่ดีเกี่ยวกับพลเอกอาทิตย์

วันนั้นทั้งวันเป็นสงครามทางอากาศแท้ๆ

ในขณะที่สถานีวิทยุทหารทั้งหมดออกคำแถลงของพลเอกอาทิตย์ที่ออกทีวี เมื่อคืนวันพฤหัส สถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ก็ออกคำสัมภาษณ์ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช รายการกองทัพบกพบประชาชนก็มีบทความสลับเพลงสุนทราภรณ์ที่ให้ความหมายคล้องกับบางตอนของบทความในสำนวนและทำนองทั้งอ้อยอิ่ง เร้าใจ เศร้าโศก อาดูร และเคียดแค้น

วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเปลี่ยนดุล หลายฝ่ายที่ลังเลใจเริ่มกระโดดเข้าหาไออุ่นจากแสงอาทิตย์ เพราะประวัติศาสตร์สอนอยู่เสมอว่า เมื่อผู้บัญชาการทหารบกพูดก็ต้องฟัง แม้แต่ อบ วสุรัตน์ หลังจากกินข้าวเที่ยงกับพลเอกมานะ รัตนโกเศศ ทหารคู่ใจของพลเอกอาทิตย์ที่เข้ามาเยี่ยม อบ วสุรัตน์อย่างกะทันหันก็ให้สัมภาษณ์โจมตีการลดค่าเงินบาทอย่างชนิดที่ตัดบัวไม่เหลือเยื่อใยกับรัฐบาลเปรมโดยแสดงความชื่มชมพลเอกอาทิตย์ว่า “ผมดูทีวีแล้วเห็นว่าท่านพูดจากใจจริง และเผอิญที่ท่านพูดก็ตรงกับความรู้สึกผมก็เลยสนับสนุนความคิดนี้”

พอจะพูดได้ว่า อบ วสุรัตน์ กำลังจะแทงม้าตัวใหม่ที่ชื่ออาทิตย์ กำลังเอกและแทงแบบวินอย่างเดียว ไม่เผื่อเพลสหรือโชว์เลย

บรรยากาศวันนั้นมันก็น่าจะแทงอาทิตย์แบบเข้าวิน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะลงล็อกหมดแม้กระทั่งการสไตรค์ของรถไฟที่คุกรุ่นมานานและตั้งเป้าว่าจะสไตรค์กันภายในวันที่ 12 ถูกเลื่อนให้มาสไตรค์ในวันพรุ่งนี้ทันที

พลเอกเปรมก็ไม่ได้ทำให้เหตุการณ์ดีขึ้น เพราะไม่ยอมให้คำตอบใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องการปรับ ครม. วงการเงินการทองก็ยิ่งปั่นป่วนกว่าเก่า ความเคลื่อนไหวด้านเงินตราต่างประเทศ แทบจะหยุดนิ่งสนิทเลย

ศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2527

วันนี้นับเป็นวันที่แปดนับจากวันที่ประกาศลดค่าเงินบาท เป็นวันที่ 3 นับจากพลเอกอาทิตย์ออกโทรทัศน์ และเป็นวันแรกของการสไตรค์ของรถไฟที่เริ่มจะมีแนวโน้มว่าอาจจะลุกลามไปตามบทเพลงที่ถูกกำกับเอาไว้ให้เล่นตามทำนอง และในที่สุดบทเพลงของรถไฟก็ถูกกำกับจากการเรียกร้อง
เพียงขอให้รัฐบาลทำตามคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการแรงงาน กลับกลายเป็นการเรียกร้องให้มีการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีและแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เหมือนกับความวุ่นวายทั้งหลายที่ต้องเริ่มจากกรรมกรแล้วจะต้องลุกลามและจบลงด้วยการเข้ายึดอำนาจ หมากตานี้วางไว้นานแล้ว ว่ากันว่าวางเอาไว้ถึง 3 หมากด้วยกัน แต่เผอิญผู้นำสหภาพแรงงานคนอื่นๆ ของรถไฟไม่เห็นด้วยว่าการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีและการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้พวกเขาได้รับค่าแรงที่เขาต้องการอย่างไร?

บทบาทของอาหมัด ขามเทศทอง ประธานกลุ่มสหภาพแรงงานในการรถไฟ จึงถูกลดจากผู้นำกลุ่มทันทีให้เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ผู้นำ

เสาร์/อาทิตย์ 10-11 พฤศจิกายน 2527

วันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับคนบางคน สัปดาห์นี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนจะทรมาน เหมือนคนที่ท้องอืด!

พลเอกเปรมจะเอาอย่างไรไม่มีใครรู้ ?

พลเอกอาทิตย์ เก็บตัวเงียบ หาตัวไม่เจอ!

รถไฟสไตรค์อยู่จะลุกลามแค่ไหน?

เงินบาทจะกลับไปสู่ที่เดิมหรือเปล่า?

กรุงเทพฯ เหมือนคนที่รอคอยคำตอบด้วยความหงุดหงิดใจ แล้วคืนวันอาทิตย์ก็มีโทรศัพท์จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มายังบุคคลสองคนต่างสถานที่!

จันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน

ในที่สุดพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ บนความชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมก็บอกให้ทุกคนโล่งใจว่าจะไม่ปรับคณะรัฐมนตรี พร้อมกันนั้นก็ส่งสัญญาณให้การรถไฟตกลงกับสหภาพเพื่อให้สลายตัวเสีย

อังคารที่ 13 พฤศจิกายน

เหตุการณ์เข้าสู่ปกติ รายการกองทัพบกพบประชาชนเลิกพูดเรื่องค่าเงินบาท พลเอกอาทิตย์ออกมาพูดว่า เข้าใจเหตุการณ์ดีทุกอย่างแล้ว และพร้อมจะทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป สมหมาย ฮุนตระกูลไปญี่ปุ่นกะทันหันเพื่อรักษาตัวกับโรคที่ไม่ได้เป็น ธนาคารทั้งหลายดำเนินงานไปตามปกติ

อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นลงไปตามกฎเกณฑ์ของตลาด ม้าตัวที่อบ วสุรัตน์แทง ไม่ได้เข้าวิน หรือเพลสหรือแม้แต่โชว์!

และถ้าจะมีการปรับ ครม. หลัง 5 ธันวาคมละก้อ คงจะไม่มีอบ วสุรัตน์อยู่ใน ครม. แน่ เหมือนกับสว่าง เลาหทัย เถลิง เหล่าจินดา และหลายๆ พ่อค้านักการเมืองเช่นกัน

จันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2527

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงขับรถพระที่นั่งมาส่งพลเอกเปรมที่บ้านสี่เสา หลังจากที่พลเอกเปรมไปเข้าเฝ้าเกือบ 10 วัน

ลดค่าเงินบาทเริ่มด้วยการแช่งชักหักกระดูกสมหมาย ฮุนตระกูล แต่จบด้วย คำพูดจากฟ้าที่ว่า “เป็นทหารใหญ่ต้องพูดจาไม่กระโชกกระชาก”

ในที่สุดความสงบก็กลับมาอีก

แต่เบื้องหลังความสงบนี้ทุกคนก็รู้ว่ามันมีปัญหาที่รออยู่

ในปี 2528 ทั้งปี ถ้าการลดค่าเงินบาทครั้งนี้ไม่ได้แก้ปัญหาที่รัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามที่สมหมาย ฮุนตระกูล วีรพงษ์ รามางกูร ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และบรรดานักวิชาการธนาคารชาติ ได้ต่างพากันยืนยันไว้

เมื่อถึงวันนั้นแล้ว เราเพียงแต่หวังว่า บรรดาคนที่เราเอ่ยชื่อมานั้น คงจะกล้าพอที่จะยืดอกออกมารับผิดชอบกับประเทศชาติได้!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us