เมื่อมีการลดค่าเงินบาทออกมาต่างฝ่ายต่างก็ชี้หน้าอีกฝ่ายว่า “ไหนบอกว่าปีนี้จะไม่ลดค่าเงินบาท?”
อีกฝ่ายหนึ่งก็เถียงคอเป็นเอ็นว่า “ไม่เคยพูดเช่นนี้”
เพื่อเป็น a matter of record “ผู้จัดการ” ขอบันทึกไว้ว่า:-
วันที่ 6 สิงหาคม 2527 สมหมาย ฮุนตระกูลได้ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า
การลดค่าเงินบาทยังไม่มีความจำเป็นในปีนี้
ในวันที่ 20 สิงหาคม ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
โฆษกรัฐบาลได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า
การยกเลิกมาตรการสินเชื่อ 18% นั้นจะไม่มีกระทบกระเทือนค่าเงินบาท เพราะค่าเงินบาทยังดีอยู่อย่างน้อยก็ภายในปีนี้
ในวันที่ 16 สิงหาคม ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “อยากจะเรียนว่า
รัฐบาลยืนยันว่า ฐานะทางเศรษฐกิจ และฐานะการเงินของรัฐบาลดีขึ้น ทั้งดุลชำระเงิน
เงินทุนสำรองและค่าเงินบาท ต่างอยู่ในสภาพที่ดี เสียงเล่าลือเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท
ยังมองไม่เห็นว่าจะต้องเป็นไปเช่นนั้น”
ในวันที่ 4 สิงหาคม เอกกมล คีรีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็น “สมุห์บัญชีทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน” รับผิดชอบกับค่าของเงินโดยตรงพูดว่า
“ค่าเงินบาทไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น สบายใจได้ ปีนี้ผมมีความสุขที่สุด
ไม่เป็นกังวล มีเวลาได้ไปต่างประเทศ”
ในวันที่ 16 ตุลาคม ศุภชัย พาณิชภักดิ์ แห่งธนาคารแห่งประเทศไทย พูดบรรยายให้สมาคมอุตสาหกรรมฟังว่า
“เสถียรภาพทางการเงินของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี และจะรักษาระดับเช่นนี้ไปได้อีกตลอดปี
2528 โดยที่ระดับอัตราเงินเฟ้อคงจะขยับเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์
แล้วความจำเป็นของฟิลิปปินส์ต้องลดค่าเงินเปโซอยู่ตลอดเวลา จึงยังมีอยู่ในขณะที่ไทยไม่ถูกแรงกดดันจากด้านราคาเลย”
สามทุ่มครึ่งคืนนั้น อดีตวีรบุรุษสะพานมัฆวาน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ก็กลับมาสู่ประเทศไทยด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวสุดขีด
พุธที่ 7 พฤศจิกายน 2527
เหตุการณ์ยังคงสับสนวุ่นวายอยู่ กระทรวงการคลังกับธนาคารชาติก็มัวแต่หามาตรการต่างๆ
นานาที่เพิ่งจะมาคิดกัน ส่วนพ่อค้าที่สูญเสียก็นั่งตีอกชกหัวด่าโคตรเหง้าของผู้บริหารประเทศ
กรมการค้าภายในก็ออกล่าบรรดาร้านค้ากระจิบกระจอกจับอาแปะอาซิ่มที่ขายหลอดไฟแพงขึ้นกว่าเดิม
ในวันนั้น อีกด้านหนึ่งที่เป็นส่วนของสีเขียว คนห้าคนที่ชื่อพลเอกปฐม เสริมสิน
พลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธ์ พลเอกบรรจบ บุนนาค พลเรือเอกนิพนธ์ ศิริธร พลอากาศเอกประพันธ์
ธูปะเตมีย์ พากันลงชื่อบนจดหมายฉบับหนึ่งที่จะส่งให้กับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
เนื้อความในจดหมายแปลไทยเป็นไทยได้ว่าในเมื่อพลเอกเปรมบริหารบ้านเมืองจนเกิดวิกฤตการณ์แบบนี้แล้วก็ควรยกทีมออกเสีย!
ในวันนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็พาเอา ตามใจ ขำภโต บินจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่โคราชโดยด่วนเพื่อโค้ชพลเอกอาทิตย์ในการออกทีวีโดยมีทีมงานอัดเทปของสถานีโทรทัศน์ช่อง5
ขึ้นไปเตรียมการตั้งแต่เช้าแล้ว
วันนั้นไม่มีใครในรั้วสีเขียวได้ออกไปไหนเพราะทุกคนถูกสั่งให้เตรียมพร้อม
กระสอบทรายรั้วลวดหนามที่ถูกเอามาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทยก็ถูกขนออกมากันเป็นระยะๆ
วันนั้นโทรศัพท์เช็กข่าวลือกันทั่วเมืองว่า พลเอกเปรมลาออกแล้วกันให้วุ่นไปหมด
ในวันเดียวกันตอนเช้าบนเที่ยวบินที่สองจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ชายวัยกลางคนที่ทุกคนเคยรู้จักในนามอาคม
มกรานนท์ ก็ขึ้นไปเชียงใหม่พร้อมกับช่างเทคนิคของโทรทัศน์ช่อง 9 จุดหมายคือบ้านริมแม่ปิงที่ชายผมขาวชื่อ
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อยู่ วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือน 12 เสียงเพลงลอยกระทงกระหึ่มไปทั่วบ้านทั่วเมือง
สีสันของกระทงซึ่งวางขายตามที่ต่างๆ เริ่มออกมาให้เห็นกันทั่วกรุง เสียงประทัดดังกันเป็นระยะๆ
ให้รู้กันว่า คืนนี้เป็นคืนลอยกระทง จดหมายที่นายพล 5 คนลงชื่อที่จะต้องถึงมือพลเอกเปรมก็ถูกถ่ายเอกสารแอบเอามาแจกให้บรรดาสื่อมวลชนล่วงหน้า
เท่านั้นเองแหละ กระแสปฏิวัติก็กระหึ่มส่งกลิ่นขึ้นมาแข่งกับกลิ่นธูปเทียนที่ผู้คนจะจุดอธิษฐานในคืนวันลอยกระทงวันนั้น
พลโทชวลิต ยงใจยุทธ ก็ต้องทำหน้าที่เป็นม้าด่วนนำความคิดเห็นขึ้นมาเล่าให้
พลเอกปรมฟังที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ว่า คืนวันเพ็ญนี้ใครคิดอะไรกันอยู่
แล้วคืนวันเพ็ญที่จันทร์ส่องแสงเต็มดวง สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 7
ก็ฉายสัญญาณออกทั่วประเทศกับคำแถลงของพลเอกอาทิตย์ ที่ทำให้สถานการณ์ดูสับสนมากขึ้น
เพื่อให้สถานการณ์ดูสับสนเพิ่มเติม สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 3 ก็ออกข่าวสัมภาษณ์
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อีกช่องหนึ่งเช่นกัน!
เหมือนกับว่าซาดิสต์จะครองไทยในขณะที่สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ช่องหนึ่งกำลังประนามว่า
การลดค่าเงินบาทคือเวรคือกรรมที่ต้องทำให้ชาติพินาศพังทลาย!
แต่สัญญาณอีกช่องหนึ่งก็บอกว่าการลดค่าเงินบาท จะทำให้ชาติดีขึ้น
ในขณะที่พลเอกอาทิตย์บอกว่าลดค่าเงินบาททำให้กองทัพขาดเงินจะไม่มียุทโธปกรณ์ไว้ใช้
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ก็บอกให้ชาวบ้านเลิกกินปลาแซลมอนหันมากินร้าปลาแดกแทน ทั้งๆ
ที่ประชาชนคนไทยจะลดหรือไม่ลดค่าเงินบาทมันก็ไม่เคยดีขึ้นกว่าเดิมเลย
และแล้วพลเอกอาทิตย์ก็จบลงด้วยการขอให้ปรับปรุงรัฐบาลใหม่ พร้อมทั้งให้ปรับอัตราค่าเงินบาทกลับไปเหมือนเดิมและ
“ถ้าหากประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่แก้ไขเกิดความเดือดร้อนและเกิดความลำบากลำบนขึ้น
ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องพิจารณาหาหนทางที่ดีที่สุด ที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติต่อไป”
คืนวันนั้นใครจะไปลอยกระทงที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าแสงจันทร์ที่นวลผ่องอยู่บนฟากฟ้านั้นมันซ่อนเร้นด้วยความตึงเครียดที่พร้อมจะแตกหักออกไปได้ทุกเมื่อ
สำหรับคนที่อยู่ในวงการธุรกิจการเงินการทอง สัจวาจาของพลเอกอาทิตย์ในคืนนั้น
ทำให้ไม่มีใครนอนหลับได้ และต้องนั่งวางยุทธวิธีการเงินกันใหม่เพียงเพราะ
ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นคนพูดออกมา
พฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน 2527
วันนั้นสมหมาย ฮุนตระกูล ธนาคารชาติ วีรพงษ์ รามางกูร แทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากหาทางทำให้พลเอกเปรมเชื่อว่าการปรับราคาค่าเงินบาท
ให้กลับไปราคาเก่านั้น มีสิทธิ์ทำให้ประเทศชาติถึงกับพินาศวิสันตะโรได้
พรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มเดินหมากทันทีด้วยความจำเป็น เพราะป๋าอยู่ เราอยู่
ป๋าไป เราก็ไปด้วย เป็นที่รู้กันว่าพรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านพลเอกอาทิตย์
กำลังเอกมานานแล้ว เพราะประชาธิปัตย์คิดว่า แนวความคิดพลเอกอาทิตย์เป็นแนวความคิดที่เข้าด้วยกันไม่ได้
เรียกได้ว่า ไม่มีวันเผาผีกัน!
ถ้าพลเอกอาทิตย์ขึ้นมามีอำนาจปักษ์ใต้บ้านเราก็คงกลับไปอยู่ปักษ์ใต้อีกนานแสนนานแน่ๆ!
การหยุดความก้าวหน้าทางการเมืองของพลเอกอาทิตย์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องทำทุกวิถีทาง
ตั้งแต่การดึงเอาพลเอกหาญมาเป็นแนวร่วม จนถึงการใช้มาตรการทางสภาเข้าขัดขวาง
ตลอดจนการให้สัมภาษณ์แบบขวางลำของไตรรงค์ สุวรรณคีรี วีระ มุสิกพงศ์ หรือแม้กระทั่งการเสนอญัตติห้ามต่ออายุราชการเข้าสภาของสุทัศน์
เงินหมื่น รวมไปถึงข่าวลือต่างๆ นานา ที่ไม่ดีเกี่ยวกับพลเอกอาทิตย์
วันนั้นทั้งวันเป็นสงครามทางอากาศแท้ๆ
ในขณะที่สถานีวิทยุทหารทั้งหมดออกคำแถลงของพลเอกอาทิตย์ที่ออกทีวี เมื่อคืนวันพฤหัส
สถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ก็ออกคำสัมภาษณ์ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
รายการกองทัพบกพบประชาชนก็มีบทความสลับเพลงสุนทราภรณ์ที่ให้ความหมายคล้องกับบางตอนของบทความในสำนวนและทำนองทั้งอ้อยอิ่ง
เร้าใจ เศร้าโศก อาดูร และเคียดแค้น
วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเปลี่ยนดุล หลายฝ่ายที่ลังเลใจเริ่มกระโดดเข้าหาไออุ่นจากแสงอาทิตย์
เพราะประวัติศาสตร์สอนอยู่เสมอว่า เมื่อผู้บัญชาการทหารบกพูดก็ต้องฟัง แม้แต่
อบ วสุรัตน์ หลังจากกินข้าวเที่ยงกับพลเอกมานะ รัตนโกเศศ ทหารคู่ใจของพลเอกอาทิตย์ที่เข้ามาเยี่ยม
อบ วสุรัตน์อย่างกะทันหันก็ให้สัมภาษณ์โจมตีการลดค่าเงินบาทอย่างชนิดที่ตัดบัวไม่เหลือเยื่อใยกับรัฐบาลเปรมโดยแสดงความชื่มชมพลเอกอาทิตย์ว่า
“ผมดูทีวีแล้วเห็นว่าท่านพูดจากใจจริง และเผอิญที่ท่านพูดก็ตรงกับความรู้สึกผมก็เลยสนับสนุนความคิดนี้”
พอจะพูดได้ว่า อบ วสุรัตน์ กำลังจะแทงม้าตัวใหม่ที่ชื่ออาทิตย์ กำลังเอกและแทงแบบวินอย่างเดียว
ไม่เผื่อเพลสหรือโชว์เลย
บรรยากาศวันนั้นมันก็น่าจะแทงอาทิตย์แบบเข้าวิน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะลงล็อกหมดแม้กระทั่งการสไตรค์ของรถไฟที่คุกรุ่นมานานและตั้งเป้าว่าจะสไตรค์กันภายในวันที่
12 ถูกเลื่อนให้มาสไตรค์ในวันพรุ่งนี้ทันที
พลเอกเปรมก็ไม่ได้ทำให้เหตุการณ์ดีขึ้น เพราะไม่ยอมให้คำตอบใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องการปรับ
ครม. วงการเงินการทองก็ยิ่งปั่นป่วนกว่าเก่า ความเคลื่อนไหวด้านเงินตราต่างประเทศ
แทบจะหยุดนิ่งสนิทเลย
ศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2527
วันนี้นับเป็นวันที่แปดนับจากวันที่ประกาศลดค่าเงินบาท เป็นวันที่ 3 นับจากพลเอกอาทิตย์ออกโทรทัศน์
และเป็นวันแรกของการสไตรค์ของรถไฟที่เริ่มจะมีแนวโน้มว่าอาจจะลุกลามไปตามบทเพลงที่ถูกกำกับเอาไว้ให้เล่นตามทำนอง
และในที่สุดบทเพลงของรถไฟก็ถูกกำกับจากการเรียกร้อง
เพียงขอให้รัฐบาลทำตามคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการแรงงาน กลับกลายเป็นการเรียกร้องให้มีการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีและแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เหมือนกับความวุ่นวายทั้งหลายที่ต้องเริ่มจากกรรมกรแล้วจะต้องลุกลามและจบลงด้วยการเข้ายึดอำนาจ
หมากตานี้วางไว้นานแล้ว ว่ากันว่าวางเอาไว้ถึง 3 หมากด้วยกัน แต่เผอิญผู้นำสหภาพแรงงานคนอื่นๆ
ของรถไฟไม่เห็นด้วยว่าการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีและการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้พวกเขาได้รับค่าแรงที่เขาต้องการอย่างไร?
บทบาทของอาหมัด ขามเทศทอง ประธานกลุ่มสหภาพแรงงานในการรถไฟ จึงถูกลดจากผู้นำกลุ่มทันทีให้เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ
ผู้นำ
เสาร์/อาทิตย์ 10-11 พฤศจิกายน 2527
วันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับคนบางคน สัปดาห์นี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนจะทรมาน
เหมือนคนที่ท้องอืด!
พลเอกเปรมจะเอาอย่างไรไม่มีใครรู้ ?
พลเอกอาทิตย์ เก็บตัวเงียบ หาตัวไม่เจอ!
รถไฟสไตรค์อยู่จะลุกลามแค่ไหน?
เงินบาทจะกลับไปสู่ที่เดิมหรือเปล่า?
กรุงเทพฯ เหมือนคนที่รอคอยคำตอบด้วยความหงุดหงิดใจ แล้วคืนวันอาทิตย์ก็มีโทรศัพท์จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มายังบุคคลสองคนต่างสถานที่!
จันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน
ในที่สุดพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ บนความชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมก็บอกให้ทุกคนโล่งใจว่าจะไม่ปรับคณะรัฐมนตรี
พร้อมกันนั้นก็ส่งสัญญาณให้การรถไฟตกลงกับสหภาพเพื่อให้สลายตัวเสีย
อังคารที่ 13 พฤศจิกายน
เหตุการณ์เข้าสู่ปกติ รายการกองทัพบกพบประชาชนเลิกพูดเรื่องค่าเงินบาท
พลเอกอาทิตย์ออกมาพูดว่า เข้าใจเหตุการณ์ดีทุกอย่างแล้ว และพร้อมจะทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป
สมหมาย ฮุนตระกูลไปญี่ปุ่นกะทันหันเพื่อรักษาตัวกับโรคที่ไม่ได้เป็น ธนาคารทั้งหลายดำเนินงานไปตามปกติ
อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นลงไปตามกฎเกณฑ์ของตลาด ม้าตัวที่อบ วสุรัตน์แทง ไม่ได้เข้าวิน
หรือเพลสหรือแม้แต่โชว์!
และถ้าจะมีการปรับ ครม. หลัง 5 ธันวาคมละก้อ คงจะไม่มีอบ วสุรัตน์อยู่ใน
ครม. แน่ เหมือนกับสว่าง เลาหทัย เถลิง เหล่าจินดา และหลายๆ พ่อค้านักการเมืองเช่นกัน
จันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2527
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงขับรถพระที่นั่งมาส่งพลเอกเปรมที่บ้านสี่เสา
หลังจากที่พลเอกเปรมไปเข้าเฝ้าเกือบ 10 วัน
ลดค่าเงินบาทเริ่มด้วยการแช่งชักหักกระดูกสมหมาย ฮุนตระกูล แต่จบด้วย
คำพูดจากฟ้าที่ว่า “เป็นทหารใหญ่ต้องพูดจาไม่กระโชกกระชาก”
ในที่สุดความสงบก็กลับมาอีก
แต่เบื้องหลังความสงบนี้ทุกคนก็รู้ว่ามันมีปัญหาที่รออยู่
ในปี 2528 ทั้งปี ถ้าการลดค่าเงินบาทครั้งนี้ไม่ได้แก้ปัญหาที่รัฐบาลชุดนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามที่สมหมาย ฮุนตระกูล วีรพงษ์ รามางกูร ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
และบรรดานักวิชาการธนาคารชาติ ได้ต่างพากันยืนยันไว้
เมื่อถึงวันนั้นแล้ว เราเพียงแต่หวังว่า บรรดาคนที่เราเอ่ยชื่อมานั้น คงจะกล้าพอที่จะยืดอกออกมารับผิดชอบกับประเทศชาติได้!