มีเรื่องให้หวั่นใจอีกแล้วสำหรับคนใช้งานอินเทอร์เน็ตเมื่อหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าวเกี่ยวกับการคุกคามการใช้อินเทอร์เน็ตขององค์การสหประชาชาติเมื่อปลายเดือนก่อน
โดย Wall Street Journal รายงานว่า มีการเคลื่อนไหวในกรุงเจนีวา ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างข้อตกลงใหม่ๆ ที่จะทำให้องค์การ สหประชาชาติมีอำนาจควบคุมความเป็นไปของอินเทอร์เน็ตได้ โดยมี ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียและจีนที่พยายามผลักดันอย่างหนักหน่วงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ภายในสิ้นปีนี้ให้ได้ โดยนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วว่า เป้าหมายของเขารวมถึงเหล่าพันธมิตรที่สนับสนุน คือการสร้าง “การควบคุมระดับสากลเหนืออินเทอร์เน็ต” ผ่านองค์กร ความร่วมมือทางด้านโทรคมนาคมนานาชาติ หรือ ITU (International Telecommunication Union) ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้ข้อตกลงระหว่าง ประเทศโดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ
ถ้าการผลักดันครั้งนี้สำเร็จได้ ข้อตกลงนี้อาจจะเป็นการยุติการเติบโตของอินเทอร์เน็ตที่ขยายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา นับจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณปี 1988 ซึ่งในปีนั้น ตัวแทนจาก 114 ประเทศทั่วโลกได้รวมตัวกันที่ ประเทศออสเตรเลียเพื่อพูดคุยและได้ข้อตกลงที่ถือเป็นการเปิดเวทีเพื่อเปิดเสรีโทรคมนาคมระหว่างประเทศขึ้น นำมาซึ่งการกำหนด เงื่อนไขและกฎระเบียบทางด้านเศรษฐกิจและเทคนิคสำหรับการติดต่อผ่านอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังถือเป็นการเปิดเสรีและลดกฎระเบียบที่ประสบความสำเร็จและรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
นับจากการเริ่มต้นโลกของอินเทอร์เน็ตในปี 1988 นั้น เหล่าวิศวกร, นักวิชาการ และกลุ่มผู้ใช้งานอื่นๆ ได้รวมตัวกันสร้างองค์กร เอกชนที่จะรักษาไว้ซึ่งโมเดลการจัดการองค์กรแบบหลายหุ้นส่วนหรือ multi-stakeholder ซึ่งถือเป็นแนวทางการบริหารงานแบบเอกชน ที่อาศัยการผลักดันผ่านการลงคะแนนเสียงและดูเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งได้กลายเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสำเร็จของโลกอินเทอร์เน็ตจนถึงปัจจุบัน
ในปี 1995 ไม่นานหลังการแปรรูปองค์กรสู่เอกชน มีคนใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกเพียง 16 ล้านคนเท่านั้น แต่ในปี 2011 มีคนออนไลน์มากกว่าสองพันล้านคนแล้ว โดยมีคนใช้อินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้นวันละห้าแสนคนทุกวัน การเติบโต แบบถล่มทลายนี้ถือเป็นผลโดยตรงมาจากรัฐบาลของแต่ละประเทศเลือกที่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะการใช้งานผ่านมือถือได้เพิ่มความรวดเร็วของการใช้ชีวิตของคนเรามากขึ้น มากกว่าเทคโนโลยี ใดๆ ก่อนหน้านี้ในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือในประเทศกำลังพัฒนาที่การเปิดเสรีการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตได้ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศเหล่านั้นสูงขึ้นด้วย
ชาวนาในพื้นที่ห่างไกลจากตลาดสามารถหาคนซื้อผลิตผล ของพวกเขาได้เองผ่านการใช้มือถือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากภายนอกโดยไม่ต้องมาแบกรับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอาสินค้าของพวกเขามาขายในตลาดที่ห่างไกล เช่นเดียวกับคนไข้ที่สามารถเช็กข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพื่อหาซื้อยาสำหรับลูกๆ ของพวกเขาที่ป่วยหนักในภาวะฉุกเฉิน และอินเทอร์เน็ตได้ช่วยสนับสนุนเสรีภาพทางการเมือง ทำให้เราสามารถแบ่งปันข้อมูลและสามารถทำลายกำแพงของการปกครองแบบเผด็จการที่ปิดหูปิดตาเรามาตลอดลงไปได้
อินเทอร์เน็ตยังเป็นแหล่งสร้างงานที่สำคัญ โดยปัจจุบันการสมัครและหางานทางอินเทอร์เน็ตกลายเป็นช่องทางปกติของลูกจ้างไปแล้ว เช่นเดียวกับที่นายจ้างก็เข้ามาหาพนักงานใหม่ๆ ของพวกเขาผ่านช่องทางนี้เช่นกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าไม่มีการเปิดเสรีการใช้อินเทอร์เน็ตโดยปราศจากการควบคุมของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ในทุกวันนี้ รัสเซียและจีนรวมถึงพันธมิตรของพวกเขาซึ่งอยู่ในกลุ่มสมาชิก 193 ประเทศของ ITU กลับต้อง การที่จะนำข้อตกลงในปี 1988 กลับมาพิจารณาถกเถียงกันใหม่โดยต้องการจะขยายการครอบคลุมไปสู่พื้นที่ที่ไม่เคยถูกแตะต้องและควบคุมมาก่อนหน้านี้ โดยมีประเด็นที่พวกเขานำเสนอเพื่อต้องการให้มีผลบังคับใช้ในการประชุมเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศทางด้านอินเทอร์เน็ตในปลายปีนี้ที่เมืองดูไบ ดังนี้
- กำหนดให้เรื่องความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเป็นเรื่องที่ต้องควบคุมในระดับสากล
- อนุญาตให้บริษัทโทรศัพท์ต่างชาติสามารถเก็บเงินค่าใช้บริการสำหรับการใช้งานแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศได้ โดยอาจ จะเป็นการเก็บตามจำนวนการคลิก (per-click) ของเว็บปลายทางหรือในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
- จัดทำข้อกำหนดทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยกำหนดมาก่อน เช่น การกำหนดราคา, ระยะเวลา และเงื่อนไข สำหรับข้อตกลงการแลกเปลี่ยนแทรฟฟิกที่ไม่เคยกำหนดมาก่อน ที่เรียกว่า peering
- กำหนดกฎเกณฑ์งานของ ITU สำหรับงานด้านที่สำคัญๆ ที่ไม่เคยกำหนดมาก่อน เช่น Internet Corporation for Assigned Names and Numbers (ICANN) ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่หวังกำไรที่ดูแลการใช้งาน .com และ .org
- จัดกลุ่มงานหลายๆ อย่างที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหลายๆ หน่วยงานทับซ้อนกัน ไม่ว่าจะเป็น Internet Engineering Task Force, Internet Society รวมถึงกลุ่มที่มีเจ้าภาพหลายๆ เจ้าซึ่งเป็นตัวกำหนดมาตรฐานทางวิศวกรรมและเทคนิคหลายๆ อย่างที่ทำให้อินเทอร์เน็ตสามารถทำงานได้
- กำหนดรูปแบบการดำเนินการและอัตราราคาของการใช้โรมมิ่งระหว่างประเทศ
ปัจจุบันประเทศกำลังพัฒนาหลายๆ ประเทศซึ่งรวมถึงอินเดีย และบราซิลได้เริ่มคำนึงถึงเรื่องราวเหล่านี้ แม้ว่าเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตจะสามารถพัฒนาและยกระดับผู้คนมากมายหลายล้านคนทั่วโลก แต่รัฐบาลหลายๆ ประเทศก็รู้สึกถึงการโดนทิ้งไว้ข้างหลัง และต้อง การจะควบคุมความเป็นไปในโลกอินเทอร์เน็ตให้มากขึ้นๆ
อย่างไรก็ดี ยุทธศาสตร์ที่ดูน่าจะเหมาะสมควรจะเป็นการทำให้การใช้อินเทอร์เน็ตมีความเสรีและขยายอย่างกว้างขวางภายใน ทุกๆ ประเทศเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจรจาพูดคุยของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแทน ซึ่งรวมถึงหน่วยงานรัฐบาลและ ITU เพื่อนำไปสู่การ ขยายฐานของผู้ถือหุ้นตามโมเดลการจัดการองค์กรแบบหลายหุ้นส่วน โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เกิดการตกลงร่วมกันสำหรับแต่ละประเด็น ที่เกิดขึ้น นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่ชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ที่เกิดจากอินเทอร์เน็ตที่มีต่อประเทศกำลังพัฒนาผ่านโมเดลการจัด การองค์กรแบบหลายหุ้นส่วน
การล้มเลิกโมเดลนี้และกำหนดกฎระเบียบ ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกอินเทอร์เน็ตเหมือนที่บางประเทศกำลังเลือกจะทำนั้น อินเทอร์เน็ตถูกแบ่งแยกจะส่งผลต่อการเปิดเสรีการค้าทั่วโลก รวมถึงอำนาจอธิปไตยในประเทศนั้นๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีผลต่อการเติบโตของอินเทอร์เน็ตอย่างมีนัยสำคัญในประเทศกำลังพัฒนา และรวมถึงทั่วโลกด้วย โดยเหล่านักเทคโนโลยีจะถูกคุกคามต่อเสรีภาพในการสร้างนวัตกรรมหรือการลงทุน ทำให้พวกเขาจะต้องรอคำอนุญาตจากรัฐบาลเท่านั้นถ้าต้องการจะทำอะไรสักอย่างบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะส่งผลต่อการกัดเซาะการเติบโตของเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการข้ามสายพันธุ์ของเทคโนโลยี อย่างเช่นการถือกำเนิดของ cloud computing ที่ถือเป็น นวัตกรรมของโลกอินเทอร์เน็ตที่อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
กฎระเบียบที่กำหนดจากบนลงล่าง, กฎระเบียบที่กำหนดออกจากศูนย์กลาง และกฎระเบียบที่เป็นสากลล้วนตรงข้ามกับสถาปัตยกรรมและความเป็นไปของอินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นเครือข่าย ทั่วโลกที่ปราศจากกรอบขอบเขตกำหนด การไร้ซึ่งบทบาทของรัฐบาลทำให้การตัดสินใจทางด้านวิศวกรรมและเศรษฐศาสตร์สามารถทำได้ในยุคอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งก่อให้เกิดผลิตผล, มาตรฐานชีวิตที่สูงขึ้น และการแพร่กระจายของเสรีภาพไปทุกที่
ตอนนี้การผลักดันยังเป็นไปอย่างเข้มข้นแต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมา ซึ่งอาจจะต้องรอถึงปลายปีที่การประชุมทางด้านอินเทอร์เน็ตระดับนานาชาติจะเกิดขึ้น และจะนำมาซึ่งกฎระเบียบระหว่างประเทศใหม่ๆ
ที่สำคัญคือ อินเทอร์เน็ตจะโดนควบคุมจริงๆ หรือเปล่า และโลกของเราจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
1. Ray, B. (2012), “Freedom-crushing govts close to ruling our web, fears FCC boss Baffled ITC denies plotting internet land-grab,” http://www.theregister.co.uk/2012/02/22/fcc_wsj_itu/
2. Neal, C. M. (2012), “FCC Commissioner Warns Against U.N. Control of Internet,” http://www.slate.com/blogs/future_tense/2012/02/22fcc_commissioner_robert_mcdowell_on_u_n_internet_control_.html
3. McDowell, R. M. (2012), “The U.N. Threat to Internet Freedom,” http://online.wsj.com/article/SB10001424052970204792404577229074023195322.html?mod=WSJ_article_comments#articleTabs%3Darticle
|