"ความจริงแล้ว คงเป็นเรื่องบังเอิญเหมือนๆ กับในอดีตช่วงก่อนที่จะมาเป็นเสนาธิการทหารบก
หรือผู้บัญชาการทหารบก คือถ้าไม่มีเหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2520 (พลเอก
ฉลาด หิรัญศิริ นำก่อการรัฐประหาร) และเดือนเมษายน 2524 (กลุ่ม "ยังเติร์ก"
ก่อการรัฐประหาร) แล้ว ผมก็คงไม่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก
ตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารทหารไทย ถ้าอดีตประธาน (พลเอกจิตติ นาวีเสถียร)
ไม่เสียชีวิตลงเมื่อเดือนกันยายน 2525 ผมก็คงไม่ได้มาเป็นกรรมการของธนาคารหรอก
เพราะช่วงนั้นมาเป็นกรรมการของธนาคารแล้ว โดยอาศัยตำแหน่งเสนาธิการทหารบก
และเมื่อมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผมก็เลื่อนขึ้นมาเป็นรองประธานกรรมการบริหารด้วย
เมื่ออดีตประธานเกิดมาเสียชีวิตก่อนที่ผมจะเกษียณอายุเพียง 27 วัน คณะกรรมการก็พิจารณาว่าจะเอาใครขึ้นมาแทน
แต่โดยข้อบังคับหรือระเบียบที่เขียนไว้ ก็ให้รองประธานขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
ก็เผอิญที่ผมก็จะเกษียณอยู่แล้วก็เลยเป็นโชคของผม ซึ่งผมอยู่ในตำแหน่งนี้ก็รู้สึกพอใจ
และสนุกกับงาน ผมจึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานกรรมการของธนาคารทหารไทยแห่งนี้
ทั้งที่มิได้เตรียมตัวไว้ก่อนเลย"
ประธานกรรมการธนาคารทหารไทย
พลเอกประยุทธ จารุมณี
(นิตยสาร "ผู้นำ" ฉบับธันวาคม 2527)
"คืนวันหนึ่ง ผมไปงานเลี้ยงแต่งงานลูกท่านรัฐมนตรีสุพัฒน์ สุธาธรรม
ก็คุยกับเขา(ณรงค์ ศรีสะอ้าน กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกสิกรไทย
ผู้บริหารคนเดียวของแบงก์กสิกรไทย ที่ก้าวมาจากลูกชาวนา) ผมพูดว่า เราเคยคิดไหมว่าเราจะมายืนอยู่อย่างนี้
ณรงค์บอก เราไม่เคยคิดกันเลย นึกถึงสมัยก่อนสงคราม ณรงค์บอกว่าเห็นใครขี่จักรยานยังอิจฉาเขานิดๆ
ว่าเราไม่มีอะไรขี่ เรามาจากตระกูลที่ยากจน โดยเฉพาะผมเองเงินจะเรียนหนังสือยังไม่มี
แต่ว่าจังหวะชีวิตดี ได้เจ้านายดี เพื่อนดี ลูกน้องดี
แต่ว่าวันเกิดหรือปีใหม่ ผมไม่เคยไปบ้านผู้ใหญ่เลย นอกจากท่านใช้ทำอะไร
ผมก็ทำอย่างสุดความสามารถ เต็มกำลัง มีน้ำใสใจจริงกับทุกท่าน อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
คือน้ำใจและความจริงใจ"
พลเอกประยูร จินดาประดิษฐ์
กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย
(ดอกเบี้ย ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2525)
"ผมมาอยู่ธนาคารแห่งนี้เพราะเผอิญมาติดต่อธุรกิจกับคุณสุขุม นวพันธ์
ท่านเคยได้ยินชื่อผม ก็เลยชวนมาทำงานด้วย ท่านมีตำแหน่งให้เลือก 4 ตำแหน่ง
ผมก็เลยตัดสินใจทำโดยเลือกตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองการค้า เพราะไม่เกี่ยวกับธุรกิจปกติของธนาคาร
ตอนแรกที่ผมมาอยู่ก็คิดว่าจะอยู่แค่ 2 ปี เพราะแหมชื่อธนาคารทหารไทย บทบาททางธุรกิจคงมีไม่มากเท่าไหร่
ตอนนั้นผมอายุแค่ 30 (ปี 2502) ที่ไหนได้อยู่ไป…อยู่ไป เกิดมีเพื่อนฝูงอะไรขึ้นมาก็เลยถอนตัวไม่ขึ้น
อยู่ไปอยู่มาก็ 25 ปี เข้าไปแล้ว
ไม่เคย…ไม่เคยคิดว่าจะได้มาถึงตำแหน่งนี้ ผมทำงานผมถือคติอยู่อย่างเดียวว่าทำให้ดีที่สุด
ทุ่มเทให้มากที่สุด ถามพวกพนักงานดูได้ ก่อน 8 โมงเช้าผมมาถึงที่ทำงานแล้ว
และผมเป็นคนหนึ่งที่กลับหลังคนอื่น ผมกลับทุกวันนี่ 6 โมงกว่า ทุ่มหนึ่ง
ถ้าผมไม่ติดงานสังคม พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยเขารู้หมด"
อนุตร์ อัศวานนท์
กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย
"ผู้จัดการ"