เทโก้โลตัส ขาย 17 สาขาเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ระดมทุน 1.7 หมื่นล้าน ปลายเดือนนี้ได้เห็นแน่ บลจ.กรุงไทย มองศักยภาพเติบโตดี มั่นใจมีปันผลน่าสนใจกว่าค่าเฉลี่ยกองอสังหาฯ
ด้วยการมีปันผลจ่ายที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำค่อนข้างมาก จึงทำให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในการลงทุนระยะยาว ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันมีจำนวน 35 กองทุน สินทรัพย์รวม 9.9 หมื่นล้านบาท(เพิ่มขึ้น 50%) จากเมื่อ 3 ปีก่อน
ล่าสุด เทสโก้โลตัส ได้เตรียมเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท (TLGF) ต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) มูลค่าประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งนับเป็นการ IPO กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่ใหญ่ที่สุด
สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม ผู้ดำเนินธุรกิจ “เทสโก้ โลตัส” กล่าวว่า กองทุน TLGF จะลงทุนในศูนย์การค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตของเทสโก้ โลตัส ทั้งในกทม. และต่างจังหวัด รวม 17 แห่ง ซึ่งเป็นสาขาที่สร้างรายได้ดีต่อเนื่องในช่วง3 ปีย้อนหลัง โดยมีอัตราผู้เช่าพื้นที่สูงกว่า95% และหลังจากขายให้กองทุนแล้วเทสโก้ โลตัส ยังเป็นผู้เช่าหลัก รวมถึงเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ในศูนย์การค้าด้วย
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปปรับปรุงสาขาและขยายพื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อปรับโฉมให้เป็นพลัส มอลล์ ซึ่งจะทำให้รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นและสามารถนำสินทรัพย์มาขายให้แก่กองทุนฯเพื่อสร้างรายได้เพิ่มในอนาคตให้กับเทสโก้โลตัสได้อีก
โดย 17 สาขาที่กองทุนเข้าลงทุนเป็นพลัส มอลล์ ซึ่งมีพื้นที่ 2 แสน ตร.ม.ขึ้นไป จำนวน 2 สาขา คือ ศรีนครินทร์ และ อมตะ ส่วนอีก 15 สาขา ได้แก่ สาขาประชาชื่น, พระราม1, กระบี่, สมุย, พิษณุโลก, รังสิตคลอง 7 ,ทุ่งสง, สิงห์บุรี, ปราณบุรี, เพชรบูรณ์, มหาชัย, แม่สาย, ระนอ,ง ลำลูกกาคลอง 6 และ เสนา ทั้งนี้ประเมินว่าสาขาเทสโก้ในต่างจังหวัดจะมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงกว่าในกรุงเทพฯมาก นอกจากนี้การมีสาขาจำนวนมากยังเป็นกระจายสินทรัพย์ไปในหลายพื้นที่ในทำเลที่แตกต่างกันอีกด้วย
ด้าน สมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย ผู้บริหารกองทุน TLGF กล่าวว่า กองทุน TLGF จะเข้าไปลงทุนในกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ (Free Hold) ประมาณ 73% และอีก 27% ที่เหลือเป็นสิทธิการเช่า (Lease Hold) ที่มีอายุเฉลี่ยของสัญญาคงเหลือประมาณ 25 ปี มีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด 230,000 ตร.ม. ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งในการทำธุรกิจของเทสโก้ โลตัส ที่มีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีก็เชื่อมั่นว่ากองทุนจะสามารถจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอให้กับผู้ลงทุนได้อย่างต่อเนื่องแน่นอนโดยไม่จำเป็นต้องมีการรับประกันรายได้ขั้นต่ำ
ในเบื้องต้นคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฯ ซึ่งเชื่อมั่นว่าผลตอบแทนที่ให้กับนักลงทุนจะเป็นที่พอใจ การกระจายหน่วยลงทุนครั้งนี้ 50% จะกระจายให้กับนักลงทุนรายย่อย ในส่วนที่เหลือจะเป็นนักลงทุนสถาบันและทาง เทสโก้ โลตัส เองที่คงจะใช้สิทธิถือหน่วยลงทุนไม่เกิน 1 ใน 3 ด้วย แต่จะเป็นสัดส่วนระดับไหนคงต้องดูความต้องการของนักลงทุนในช่วง IPO ด้วยอีกครั้ง