Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์9 กุมภาพันธ์ 2555
ธุรกิจความงามชิงกระแส กระชับพื้นที่ถึง “จุดซ่อนเร้น”             
 


   
search resources

Spa and Beauty




ธุรกิจความงามและศัลยกรรมความงาม กลายเป็นธุรกิจอันดับหนึ่งของปี 2555 ที่รับการหมายตาว่าจะเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด เนื่องจากกระแสความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะจ่ายเพื่อแลกกับการทำสวยทำหล่อ ยิ่งการสมัครงานยุคนี้ องค์กรต่างๆ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของหน้าตาดีบุคลิกดีเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจความงามจะเป็นธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดของปีนี้

ตลาดความงามโตไม่หยุด อย.ออกกฎสกัดรายเล็ก

ณกรณ์ กรณ์หิรัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วุฒิศักดิ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) “วุฒิศักดิ์ คลินิก” ให้สัมภาษณ์กับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์” ว่า ตลาดสถาบันความงามปี 2555 จะมีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท หรือ 500 กว่าสาขา แต่ปี 2555 จะมีผู้เล่นน้อยลง เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกกฎหมายมากำหนดให้สถาบันความงามที่จำนวนสาขาน้อย หรือมีคลินิกเพียง 1 ถึง 5 แห่ง ไม่สามารถผลิตยาได้เอง ทำให้คลินิกเหล่านี้ปิดตัวลงไป

“เมื่อก่อนหมออยากจะเปิดร้านก็เปิดได้เลย แต่ตอนนี้ อย.เขาเข้มงวดเรื่องฉลากกำกับยา สถานที่ผลิตยา วันหมดอายุ และไม่อนุญาตให้ผลิตยาที่คลินิก กฎหมายนี้ออกมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว สถาบันหลายแห่งโดนตรวจก็ปิดตัวลงไป ของเรามีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ไว้ประมาณปีหนึ่งแล้ว เราผ่านการตรวจของ อย.ทุกประการ ซึ่งมีอยู่ 400 ผลิตภัณฑ์”

ส่วนกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่มีหลายสาขาปีนี้จะมีการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น โดยจะแข่งกันในเรื่องเทคโนโลยี และคุณภาพของยาที่จะต้องเห็นผลได้เร็ว ซึ่งเทคโนโลยีของวุฒิศักดิ์จะมาจากเยอรมันและเกาหลี เนื่องจากเทคโนโลยีของเกาหลีกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และเห็นผลเร็ว ส่วนการแข่งขันด้านราคาในกลุ่มใหญ่จะไม่มี เพราะราคาที่ต่ำทำให้คุณภาพสินค้าต้องต่ำไปด้วย ซึ่งกลุ่มธุรกิจใหญ่ไม่เล่นเรื่องนี้ แต่กลุ่มธุรกิจเล็กเขาเล่นเรื่องนี้

นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลยันฮี แสดงความเห็นกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์” ไปในทิศทางเดียวกันว่า ตลาดความงามปี 2555 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น และการแข่งขันจะรุนแรงขึ้นด้วย เนื่องจากปริมาณคนตกงานที่มากขึ้นทำให้ต้องแข่งขันในการสมัครงาน จึงต้องพัฒนาตัวเองให้สวย 

นอกจากนี้ การทำศัลยกรรมยังเป็นการสร้างบุคลิกภาพที่ดีด้วย ที่สำคัญเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาและเกิดความปลอดภัย รวดเร็วในการทำ ทำให้คนสนใจทำงานมากขึ้น และการที่มีโรงพยาบาลหรือสถาบันความงามให้ความรู้เรื่องการทำความงามมากขึ้นทำให้มีทางเลือกที่มากขึ้น กอปรกับราคาที่ไม่ได้แตกต่างกันมาก

สำหรับมูลค่าตลาดความงามปี 2554 น่าจะอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท คาดว่าปี 2555 ตลาดความงามจะเติบโต 20% ด้านการแข่งขันในปี 2555 จะแข่งขันกันที่ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ ซึ่ง ร.พ.ขนาดเล็กคนจะใช้บริการน้อยลง เนื่องจากกลัวว่าหากมีปัญหาไม่สามารถเรียกร้องให้แก้ไขได้ เพราะมีปัญหาเรื่องการปิดคลินิก และย้ายคลินิกหนี ขณะที่ ร.พ.ใหญ่เขามีความรับผิดชอบเรื่องนี้

“คนที่เข้าจะมาผ่าตัดใหญ่ อย่างดึงหน้า ดูดไขมัน แปลงเพศ เขาจะเลือกมาที่ ร.พ.ขนาดใหญ่ เพราะมีแพทย์เฉพาะทาง แพทย์รมยา มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มี ICU รองรับ ส่วน ร.พ.หรือคลินิกเล็กๆ เขาจะใช้บริการในเรื่องการตัดซีสต์ จมูก ตา หรือที่ไม่ต้องรมยา ราคายังเป็นตัวยืนในการแข่งขัน เพราะถ้าราคาสูงคนจะสู้ไม่ไหว”

สัดส่วนของคนที่ทำศัลยกรรมช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไปจะทำผ่าตัดใหญ่ 80% อายุต่ำกว่า 40 ปีจะทำผ่าตัดเล็ก 70-75% ส่วนกลุ่มวัยรุ่นจะเน้นเรื่องการรักษาสิว ฝ้า กระ 

 

3 กูรูชี้ต่างเทรนด์เกาหลี ด้านหนึ่งรุ่ง ฟากหนึ่งดับ

ณกรณ์ ให้ความเห็นถึงเทรนด์เกาหลีในประเทศไทยว่า เทรนด์เกาหลีจะยังคงอยู่ในธุรกิจความงามเมืองไทยหรือไม่นั้น เชื่อว่ายังคงอยู่ในกระแสของชาวไทยต่อไป 

“จริงๆ แล้วหมอไทยเก่งไม่แพ้ใคร คนเกาหลีบางคนยังเข้ามาหาหมอไทยเลย แต่ที่เราไม่ดังแบบเขาเพราะรัฐบาลไม่ได้ให้การสนับสนุนเหมือนรัฐบาลเกาหลี”

สอดคล้องกับ กานต์ณพิชญ์ กุณามา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด “ยศยาคลินิก” กล่าวว่า สำหรับเทรนด์ของการศัลยกรรมตกแต่งในปี 2555 กระแสเกาหลียังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่กระแสของลูกครึ่งก็กำลังกลับมาแรงเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ คือ เป็นการศัลยกรรมที่เน้นความกลมกลืนรับกับใบหน้าทั้งหมด สามารถดึงบุคลิกและจุดเด่นเฉพาะของลูกค้าออกมา

ด้าน นพ.สุพจน์ กลับมองในทิศทางตรงข้ามกันว่า เทรนด์ความงามในปี 2555 กระแสนิยมเกาหลีไม่ว่าจะรูปแบบหน้า การทำผิวขาว จะหมดไป เพราะปีที่ผ่านมาคนที่นิยมเกาหลีได้ศัลยกรรมไปหมดแล้ว นอกจากนี้ บางคนที่ทำแล้วเห็นว่าสไตล์เกาหลีไม่เข้ากับเขา ก็จะหันไปทำศัลยกรรมที่เข้ากับตนเองมากกว่า 

“ปีนี้คงไม่มีประเทศไหนเป็นผู้นำเทรนด์แล้ว เพราะไม่มีประเทศไหนที่รัฐบาลเน้นในการทำฮับเรื่องศัลยกรรมเหมือนอย่างเกาหลี สิงคโปร์ก็มีการทำฮับแต่เป็นฮับสุขภาพ จากนี้ไปคนทำศัลยกรรมจะมองเองว่าทำแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง ทำยังไงถึงจะสวย”

นอกจากนี้ ปีนี้ทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวไทยไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีจะลดลงไปด้วย แต่ทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาทำศัลยกรรมในไทยจะมีปริมาณที่มากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในประเทศไทยถูก นักท่องเที่ยวจึงเข้ามาพักผ่อนด้วย และเข้ามาซื้อสินค้าด้วย

“2 ปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทำศัลยกรรมในไทย พอกลับไปประเทศตนเอง เพื่อนได้เห็นแล้วว่าทำศัลยกรรมที่ไทยดีอย่างไร ก็จะเข้ามาทำบ้าง เชื่อว่าตลาดนี้จะโต 5-10 เท่า”

ดึงเกาหลีหน้าใหม่ ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่ง

ณกรณ์ พูดถึงแนวทางการบริหารวุฒิศักดิ์ คลินิก ปี 2555 ว่า การขยายตัวปี 2555จะมีการเปิดสาขาใหม่ๆ 15 สาขา จากเดิมมีอยู่ 110 แห่ง ซึ่งจะขยายตัวทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ โดยจะไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ และมีการปรับปรุงสาขากลางเก่าที่มีอยู่ ทั้งการขยายพื้นที่ให้เป็น 150 ตารางเมตรใช้งบประมาณ 1 ล้านบาท หรือ 250-300 ตารางเมตรใช้งบประมาณ 2-3 ล้านบาท เนื่องจากความเข้มงวดของอย.ทำให้ต้องลงทุนสูงทั้งเรื่องการผลิตยาและเครื่องมือ ดังนั้น หากเตียงน้อยจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ส่วนผลประกอบการ 2554 ดีกว่าปี 2553 15-20%

“ปีนี้เราตั้งใจจะรีแบรนด์ตัวเองใหม่ โดยทุ่มงบแค่ช่วงไตรมาสแรก 50 ล้านบาท ใช้ในการเปลี่ยนคัตเอาต์ โฆษณา เปลี่ยนพรีเซนเตอร์ใหม่ด้วย แต่ยังคงเป็นคนเกาหลีเหมือนเดิม เพื่อตอกย้ำความเป็นอับดับหนึ่งของเรา”

ด้านตลาดต่างประเทศมีการขยายตัวไปลาวเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้ก็ขยายตัวไปกัมพูชา เวียดนาม พม่า และมาเลเซียประเทศละ 2 แห่ง ส่วนประเทศลาวจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาเป็น 4 สาขา ตั้งเป้าในปี 2555จะขยายสาขาในต่างประเทศให้ได้ 20 สาขา 

 “การลงทุนในต่างประเทศของเราจะเป็นแบบพาร์ตเนอร์ที่คล้ายๆ แฟรนไชส์ โดยเราจะเป็นคนดูแลทุกเรื่องทั้งเรื่องแพทย์ ยา อุปกรณ์ เราเอาแพทย์จากเมืองไทยไปรักษาที่นั้น ที่ลาวเรามีแพทย์ 5 คน ที่กัมพูชาจะมีแพทย์เข้าไป 3 คน การลงทุนในลาวที่ผ่านมาถือว่าไปได้ดี เพราะคนลาวเขาเลือกใช้บริการหรือสินค้าของแบรนด์เบอร์หนึ่งในไทยเท่านั้น ซึ่งเราเป็นเบอร์หนึ่งในไทย ที่กัมพูชาเราใช้งบในลงทุน 2 แห่ง 100 ล้านบาท”

นอกจากนี้ วุฒิศักดิ์ได้เปิดสปานวดแผนไทย ชื่อ พุทธรักษา โดยจะเป็นสปาที่ให้บริการการนวดเพื่อสุขภาพ คลายเมื่อย และนวดเพื่อลดความอ้วน จำนวน 50-60 เตียง 

“เราเปิดสปานี้ เพราะผมเป็นคนชอบนวด และศาสตร์นี้เป็นศาสตร์ที่ทำเป็นอุตสาหกรรมได้ เราจะจับกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการมานวดเพื่อลดความอ้วน ตลาดนี้มีเจ้าตลาดที่เป็นรายใหญ่ๆ เจ้าสองเจ้า ปีนี้เรามองจะอีกแห่งที่จรัญฯ 13 ช่วงไตรมาส 2 มี 150-200 เตียง”

ด้านการรับมือกับการเป็น AEC นั้นสำหรับแพทย์ไม่มีปัญหา เนื่องจากแพทย์ที่จะมาทำตรงนี้ได้ต้องเป็นแพทย์ไทยอย่างเดียว นอกจากนี้ การเปิดการค้าเสรีทุกประเทศจะมีขอบเขตในการเข้ามาอยู่แล้ว แพทย์ที่จะเข้ามาทำงานในไทยได้เขาต้องรู้เรื่องวัฒนธรรม ประเพณี เข้าใจการเมือง เพราะประเทศกำลังพัฒนาเรื่องการเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก 

“ขณะนี้เรามีแพทย์อยู่ 170 คน มีพนักงาน 3,500 คน”

ส่วนการกลัวว่ากลุ่มเงินทุนจะเข้ามาในไทยนั้นถือว่าไม่กลัวเรื่องนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว ด้านการพัฒนาพนักงานเพื่อรองรับ AEC พนักงานที่ถูกส่งตัวไปทำงานที่ลาว กัมพูชา จะต้องรับการอบรมเรื่องภาษา วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ 

ตอบรับกระแสตะวันตก เปิดจุดซ่อนเร้นเซ็นเตอร์

นพ.สุพจน์ กล่าวถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดปี 2555 ว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ร.พ.ใช้การรับประกันคุณภาพผลงานของแพทย์ คือ หากทำแล้วไม่สวยสามารถแก้ไขให้ฟรี หรือถ้าทำแล้วมีผลข้างเคียง ร.พ.ยินดีคืนเงินให้ โดยจำนวนผู้ที่มีปัญหามีเพียง 1-2% เท่านั้น นอกจากนี้ แพทย์ของ ร.พ.เป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้นไป และผ่านการผ่าตัดมาเป็นพันๆ รายถือเป็นตัวการันตีได้ รวมทั้งการที่ร.พ.มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา อย่างการใช้เลเซอร์ละลายไขมันซึ่งได้ผลที่ดีกว่าและเจ็บน้อยกว่าการดูดไขมันทำให้ลูกค้าบอกต่อกันไป

“ราคาของเรานานๆ จะปรับขึ้นครั้งหนึ่ง ปีนี้เราก็ไม่ได้ปรับราคาขึ้นด้วย ราคาที่เราแจ้งไว้ถ้าคนไข้มาตรวจแล้วต้องทำเพิ่มในเรื่องใดเราก็ยังคงคิดราคาเท่าที่บอกไว้ไม่มีการเพิ่ม”

ส่วนผลประกอบการของ ร.พ.ยันฮี ปี 2554 มีอัตราการเติบโตเพียง 8% ทั้งที่ตั้งเป้าไว้ 10-15% เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน แต่ ร.พ.ได้มีการทำโปรโมชั่นเสริมจมูกในราคาพิเศษ 5,000 บาท ซึ่งเท่ากับลดไป 50% เลยทีเดียว ซึ่งโปรโมชั่นนี้มีคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการ 3,000 คนใน 2 เดือน ส่วนปี 2555 คาดว่าจะเติบโต 15% 

ส่วนการทำโปรโมชั่นปี 2555 ทำโปรโมชั่นลด 5-10% เป็นเวลา 2 เดือน (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์) ซึ่งได้รับผลตอบรับดี เนื่องจากปรกติราคาของ ร.พ.เป็นราคาปานกลางอยู่แล้ว เมื่อจัดโปรโมชั่นแบบนี้ทำให้ถูกลงไปได้มาก

ด้านการลงทุนปี 2555 ตึกใหม่ของ ร.พ.จะสร้างเสร็จแล้ว ตึกนี้ใช้งบลงทุน 400 ล้านบาทเป็นงบของปีที่ผ่านมา โดยอาคารนี้จะให้บริการตรวจ OPD บริการทันตกรรม ห้องผ่าตัด ทรีตเมนต์ ฯลฯ ทำให้ต้องลงทุนในเรื่องอุปกรณ์ ห้อง ICU CCU การตกแต่ง ฯลฯ คาดว่าการลงทุนเครื่องมือแพทย์จะใช้งบ 100 ล้านบาท 

นอกจากนี้ จะขยายการรักษาบางส่วนออกมาในรูปแบบของศูนย์การให้บริการจุดซ่อนเร้น เดิมเคยอยู่ในกับแผนกสูตินรีเวช ก็แยกตัวออกมาเป็นแผนกของตัวเอง ใช้ชื่อว่า “จุดซ่อนเร้นเซ็นเตอร์” ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2555 ศูนย์นี้จะทำหน้าที่ศัลยกรรมอวัยวะเพศหญิง เนื่องจากปัจจุบันผู้หญิงให้ความสำคัญกับอวัยวะเพศอย่างมากซึ่งเป็นเทรนด์ที่มาจากประเทศอเมริกา ยุโรป

“เมื่อ 5 ปีก่อนทางอเมริกา ยุโรป เขานิยมตกแต่งอวัยวะเพศหญิง ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแคมเล็ก แคมใหญ่ หรือกำจัดเยื่อสีดำ เพื่อความสวยงาม หรือรีแพร์ ซึ่งปีนี้ ร.พ.ได้ลงทุนเครื่องเลเซอร์ใหม่เป็นเงิน 4-6 ล้านบาท เลเซอร์นี้จะช่วยในเรื่องการผ่าตัดทำรีแพร์ให้กระชับ คาดว่าหลังจากแยกตัวออกมาแล้วปริมาณผู้ใช้บริการจะเพิ่มจาก 50 คนเป็น 100 คน”

สำหรับยันฮีตลาดต่างชาติมีสัดส่วน 30% จากปริมาณคนไข้ทั้งหมด ทั้งนี้ คนไข้ต่างชาติของยันฮีไม่ได้มาในรูปแบบของกรุ๊ปทัวร์ที่เข้ามาทำศัลยกรรมทั้งกรุ๊ป แต่เป็นการซื้อทัวร์มาแบบกลุ่มเล็ก แล้วให้ทัวร์จัดโปรแกรมเข้าไปทำศัลยกรรม

ด้านเทรนด์การทำศัลยกรรมที่คนไทยนิยม คือ การเสริมจมูก และตาสองชั้น เนื่องจากคนเอเชียจมูกแบน และคนไทยเชื้อสายจีนมีตาชั้นเดียว แต่เมื่อเขาทำงานก็จะเริ่มทำหน้าอกเพื่อให้แต่งกายดูดี หลังจากนั้นเมื่ออายุมากก็จะเริ่มฉีดโบท็อกซ์ เมื่อฉีดแล้วไม่ได้ผลก็เริ่มดึงหน้า พร้อมๆ กับการทำรีแพร์

ขยายฐานจับ ‘แอร์ & สจ๊วต’ จัดโปรฯ-เวิร์กชอปให้ความรู้

กานต์ณพิชญ์ กล่าวว่า ปีนี้ยศยาคลินิกมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรองรับกระแสธุรกิจความงามที่กำลังบูมอย่างต่อเนื่อง โดยเจาะไปที่ตลาดเฉพาะกลุ่ม ทั้งกลุ่มนิสิต นักศึกษา คนทำงาน และกลุ่มบุคลากรทางการบิน โดยจะทำกิจกรรมการตลาดและจัดโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะกลุ่มเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

“เดิมทีเราเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาและคนทำงานโดยการใช้กิจกรรมการตลาดด้วยการเดินสายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งออฟฟิศบิลดิ้ง โดยเฉพาะในพื้นที่บางเขน รัชดาภิเษก ลาดพร้าว และวิภาวดีรังสิต แต่ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีรายได้ในระดับ C ขึ้นไป ซึ่งอาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพ ตลอดจนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้ชะลอการตัดสินใจใช้บริการ เราจึงขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่กลุ่มธุรกิจการบิน สถาบันการศึกษาด้านภาษา บุคลากรด้านธุรกิจการบินแอร์โฮสเตส สจ๊วต เพราะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับ B ขึ้นไป มีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มที่สนใจในเรื่องความสวยความงาม” 

โดยกลุ่มนี้มีความสนใจในเรื่องทรีตเมนต์ และการทำศัลยกรรมตกแต่ง เพิ่มความสวยงามบนใบหน้า ซึ่งขณะนี้ได้จัดกิจกรรมเดินสายไปตามโรงเรียน และสถาบันการศึกษาด้านภาษา และธุรกิจการบิน ทั้งการจัดเวิร์กชอปให้ความรู้ มีการจัดโปรโมชั่น ณ จุดขาย การซื้อแพกเกจศัลยกรรมแถมทรีตเมนต์ การจัดแพกเกจชุดเล็กลงในราคาสุดประหยัด เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้น

สำหรับจุดขายสำคัญของยศยาคลินิก คือ การมีศัลยแพทย์ตกแต่งที่จบสาขานี้มาโดยตรง ทำให้มีองค์ความรู้ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สำหรับการสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ ยศยาคลินิกได้ใช้เทคนิคการทำตลาดแบบ Educational Marketing คือการสร้างความรู้ และการให้ข้อมูลด้านการทำศัลยกรรมที่ถูกต้องผ่านการชูจุดขายที่ว่า “สวยอย่างมีสติ” คือ การทำศัลยกรรมให้พอดีและเหมาะสมกับตนเอง การเน้นความเชี่ยวชาญ และความสามารถในการรองรับของบุคลากร เพราะศัลยกรรมตกแต่งเป็นศาสตร์ที่จำเป็นต้องใช้ทักษะเฉพาะด้าน ความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ โดยเชื่อว่าในไตรมาสแรกของปีจะทำรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาประมาณ 20% 

 “เราเน้นการให้ความรู้กับผู้บริโภค เน้นการที่เรามีศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีองค์ความรู้เชี่ยวชาญแตกต่างจากที่อื่น เพราะการทำศัลยกรรมผู้บริโภคต้องเชื่อมือเชื่อใจหมอ แต่ละปีประเทศไทยสามารถผลิตศัลยแพทย์ตกแต่งจำนวนประมาณ 12-15 คนเท่านั้น ทำให้ปัจจุบันมีแพทย์กลุ่มนี้เพียง 250-300 คน ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางที่เฉพาะกลุ่มจริงๆ จำนวนแพทย์จึงไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดศัลยกรรมที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาช่วงปลายปีจะดร็อปลงไปบ้างจากวิกฤตน้ำท่วม แต่เชื่อมั่นว่าตลาดยังไปได้ดี”

สำหรับงบประมาณการตลาดในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5-8 ล้านบาท เน้นไปที่การเจาะตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ทั้งการโรดโชว์ การจัดแอกทิวิตี้เฉพาะกลุ่มมากขึ้น รวมทั้งการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางหลักๆ เช่น หนังสือพิมพ์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก คาดว่าปีนี้น่าจะทำรายได้ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งถูกผลกระทบจากน้ำท่วมประมาณ 20%

เทคโนฯ ล้ำสมัย ผลิตภัณฑ์ระดับโลก

โจเซฟ เฮนรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิวาลดี้ ซีซั่นส์ จำกัด กล่าวว่า วิวาลดี้ ซีซั่นส์ เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ของสถาบันความงามกีโน่เพียงรายเดียวในประเทศไทย โดยปีนี้ได้เปิดตัวสถาบันความงามกีโน่แห่งแรกในทวีปเอเชียที่ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ และในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะเปิดที่ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ รวมทั้งวางแผนจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาทั่วเขตกรุงเทพฯ ในอีก 18 เดือนถัดไป รวมถึงอีก 9 สาขาทั่วประเทศภายในปี 2559 

“กลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นคนไทย และประเทศต่างๆ ในเอเชีย”

สถาบันความงามกีโน่ทุกแห่งจะเพียบพร้อมด้วยเครื่องมือ และเทคโนโลยีด้านความงามอันล้ำสมัย ผสานประสิทธิภาพจากผลิตภัณฑ์ระดับโลก และดำเนินงานโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันกีโน่ อะคาเดมี่ เพื่อรับประกันว่าลูกค้าจะได้พบกับประสบการณ์ความงามที่ล้ำกว่าที่เคยสัมผัสมาก่อน

นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในเมืองไทยกับนวัตกรรม ดับเบิล ไอออนไนเซชั่น ไฮดร้าเดอร์มี่ (Double Ionisation Hydradermie) เทคโนโลยีที่ช่วยเนรมิตความงามตามที่ใจปรารถนาได้อย่างรวดเร็วและเปี่ยมประสิทธิภาพสูงสุด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us