Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา กุมภาพันธ์ 2555
เส้นทาง 18B ประตูเปิดเวียดนามสู่ลาวใต้             
โดย เจษฎี ศิริพิพัฒน์
 


   
search resources

Transportation
International
Laos
Vietnam




5 ปีหลังเปิดใช้เส้นทางสาย 18B ภาพการพัฒนาของแขวงต่างๆ ในเขตลาวใต้ได้ปรากฏภาพออกมาให้เห็นชัด โดยเฉพาะกระแสการลงทุนจากเวียดนามที่หลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่ซึ่งเคยกันดารแห่งนี้

จากช่องทางเบ่ออี (จังหวัดกอนตุม เวียดนาม) ถึงใจกลางเมืองปากเซ (แขวงจัมปาสัก) เมืองใหญ่อันดับที่สองของลาว มีระยะทางเกือบ 350 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะเห็นความสามัคคีแบบเสมอต้นเสมอปลายและความร่วมมือแนบแน่น ระหว่างจังหวัดบิ่ญดิ่ญ เวียดนาม กับบรรดาแขวงต่างๆ ของลาวใต้

เปิดถนนใหญ่
จากช่องทางเบ่ออีเสียเวลาทำตามระเบียบการเข้าเมืองเพียง 45 นาที จากนั้น เดินทางเข้าอาณาเขตประเทศลาวบนทาง หลวงแห่งชาติหมายเลข 18B

ถนนสายนี้ยาว 113 กิโลเมตร เปิดใช้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549 ถนนเส้นนี้ก่อสร้างด้วยทุนกู้ยืมจากเวียดนามมูลค่า 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัดผ่านแนวป่าดงดิบและภูเขาสูงหลายลูก สองข้างทางหลายแห่ง ทะลุผ่านภูเขาลาดชันสูงถึง 70-80 เมตร บางครั้งจะพบเห็นบ้านชนเผ่าของลาวหลังเล็กๆ ยกพื้นสูง 2-3 หมู่บ้านอยู่ใต้แนวป่าดงดิบ

ตราง พนักงานขับรถของบริษัทใหญ่ PISICO ผู้ซึ่งนำคณะทำงานของบริษัทนี้ไปยัง ลาวเพื่อสำรวจ-ส่งเสริมโครงการลงทุนต่างๆ กล่าวว่า ถนนเส้นนี้สามารถเดินทางด้วย รถยนต์ไปได้ถึง 3 ประเทศ คือเวียดนาม ลาวและไทยภายในวันเดียว ตอนเช้าสามารถ นั่งซดกาแฟที่เมืองปากเซ (ลาว) ตอนเย็นเที่ยวตลาดชายแดนที่ช่องเม็กของจังหวัดอุบลราชธานี (ไทย)

“เส้นทางทะลุสามประเทศด้วยรถยนต์ภายในวันเดียวเช่นนั้น ยังจะมีอะไรที่ไม่เหมาะสมอีก”

เปรียบเทียบกับเวียดนาม ประชากร ในแขวงต่างๆ ของลาวใต้ค่อนข้างเบาบาง มีเพียงประมาณ 25 คน/ตารางกิโลเมตร ไม่นานมานี้การขาดแคลนแหล่งกำลังคนและท่าเรือทะเลกลายเป็นสิ่งกีดขวางทำให้การพัฒนาของเขตดินแดนที่อุดมด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจแห่งนี้ล่าช้า

เมื่อเปิดเส้นทาง 18B มีการเปิดกว้าง ช่องทางนานาชาติเบ่ออี เป็นระเบียงตะวันออก-ตะวันตกเชื่อมต่อจากไทยผ่านลาวถึงเวียดนาม สามารถออกทะเลตะวันออกอย่าง เปิดเผย เปิดโอกาสใหม่ให้แก่แขวงต่างๆ ใน ลาวใต้พัฒนาเร็วขึ้น

ถึงแม้เพิ่งเปิดมาเพียง 5 ปีกว่า แต่ถนนเส้นนี้ได้นำผลชัดเจนมาให้หลายอย่าง เมื่อก่อนนี้ประชาชนแขวงอัตตะปือ แขวงเซกอง แขวงสาละวัน คิดว่าผืนดินของตนเหมือนเกาะห่างไกลแห่งหนึ่ง ถนนหมายเลข 18B เปิดให้พวกเขาออกไปค้าขายกับคนอื่นๆ สุดทะเลตะวันออก รวมทั้งไปถึงทุกภาคของประเทศเวียดนาม

อาศัยการคมนาคมที่สะดวก ปัจจุบัน แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวหลายสิบคณะจากเวียดนามผ่านลาวเข้ามาถึงไทยบนถนนสายนี้ นอกจากนี้เวลาที่ผ่านมามีนักลงทุนหลายคน ของจังหวัดบิ่ญดิ่ญและจังหวัดอื่นๆ ของเวียดนาม ได้ไปหาความเข้าใจและดำเนินโครงการลงทุนที่แขวงต่างๆ ในลาวใต้

ตามข้อมูลสถิติเบื้องต้น ตั้งแต่เมื่อเปิดถนนหมายเลข 18B เฉลี่ยแต่ละเดือนมีคนสัญจรผ่านช่องทางเบ่ออีประมาณ 1,500- 2,000 คน ส่วนมากเป็นคนเวียดนามไปยังลาวเพื่อทำมาหากินและท่องเที่ยว บนถนนช่วงจากช่องทางเบ่ออีถึงเมืองปากเซจะพบ เห็นรถยนต์โดยสารของเวียดนามค่อนข้างมากติดป้ายทะเบียนจังหวัดบิ่ญดิ่น จังหวัดยาลาย จังหวัดกอนตุม นครโฮจิมินห์ เป็นต้น ทั้งวิ่งตามกันและสวนทางกันไปมา

ผลของความสามัคคี
ในแขวงต่างๆ ของลาวใต้ปัจจุบัน มีการลงทุนของสถานประกอบการเวียดนาม หลายสิบโครงการ ในนั้นเป็นสถานประกอบ การของจังหวัดบิ่ญดิ่ญ 11 โครงการบนดินแดนลาวใต้ ด้วยยอดเงินลงทุนเกิน 48.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทปรุงยา-สิ่งอุปกรณ์สาธารณสุข บิ่ญดิ่ญ (BIDIPHAR) เป็นสถานประกอบการ แห่งแรกของจังหวัดบิ่ญดิ่ญ ที่เริ่มดำเนินโครงการร่วมมือกับแขวงต่างๆ ในลาวใต้ปี 2537 BIDIPHAR ร่วมธุรกิจกับวิสาหกิจแปรรูปเภสัชกรรมจัมปาสัก (ลาว) ก่อตั้งบริษัทเภสัชกรรม CBF ด้วยมูลค่าการลงทุน รวม 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การเริ่มต้นนี้บรรดานักลงทุนจาก บิ่ญดิ่ญได้ดำเนินการต่ออีกหลายโครงการบน ดินแดนลาวใต้ เช่น โครงการปลูกยางพารา 5,000 เฮกตาร์ที่แขวงเซกองของบริษัทยางพารามิตรภาพลาว-เวียดนาม, โครงการปลูก ยางพารา 9,500 เฮกตาร์และก่อสร้างโรงงาน แปรรูปยางพาราของบริษัทหุ้นส่วนอุตสาหกรรมการเกษตรบิ่ญดิ่ญ (BIDINA) เป็นต้น

ถึงวันนี้ สถานประกอบการทั้งสองนี้ ได้เช่าที่ดินในแขวงเซกองและปลูกยางพารา ได้เกิน 5,500 เฮกตาร์ ในนั้นมีเกือบ 1,500 เฮกตาร์ จะให้น้ำยางในต้นปี 2555 ถึงแม้ยังลำบากหลายอย่าง แต่บรรดาโครงการปลูกยางพาราและพืชอุตสาหกรรมที่แขวงต่างๆ ในลาวใต้ของบรรดานักลงทุนบิ่ญดิ่ญ เริ่มได้รับผลดี สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ดำเนินโครงการอื่นๆ ต่อไป

นอกจากการปลูกยางพาราในท้องถิ่น ต่างๆ ที่ดำเนินโครงการ บรรดานักลงทุนยังจัดทำถนน ก่อสร้างระบบน้ำจืด โครงข่าย สายไฟฟ้า และแก้ไขปัญหาการว่างงานให้แก่ประชาชน มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าชนบทที่นี่

เมื่อก่อนนี้ส่วนใหญ่ชาวชนบทในแขวงเซกองปลูกข้าวอย่างเดียวเป็นสำคัญ และผลิตข้าวได้เพียงปีละครั้ง ความเป็นอยู่จึงยังลำบากมาก ด้วยบรรดาโครงการปลูกยางพารา เยาวชนหลายพันคนของแขวงเซกองได้มีงานทำอย่างมั่นคง ดังนั้น จากเขตที่ดินยากจนข้นแค้น วัตถุพื้นฐานขาด แคลน เวลานี้เซกองได้สวมเสื้อตัวใหม่ด้วยแนวป่ายางพารากว้างไกลสุดสายตา ถนนหนทางไปมาสะดวก

เหงียน อาน เดี่ยม ประธานสภาบริหารบริษัท BIDINA กล่าวอย่างมั่นใจว่า เมื่อมีการดำเนินการปลูกยางพาราถึงที่ไหน โครงสร้างพื้นฐานรับใช้ความเป็นอยู่ของประชาชนก็พัฒนาถึงที่นั่น

เพื่อปลูกยางพารา 2,500 เฮกตาร์ บริษัทได้ทำเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อบรรดาหมู่บ้าน สถานีอนามัย โรงเรียน เขตชุมชน ทั้งรับใช้การปลูกยางพารา ทั้งรับใช้ประชาชนในเขตโครงการ ความสนใจและการลงทุนนี้ ประชาชนในเขตโครงการจึงได้เชื่อถือในบรรดานักลงทุนบิ่ญดิ่ญช่วยปกป้องผลพวงของสถานประกอบการต่างๆ เหมือนกับปกป้องผลงานของตนเอง

นอกจากนั้นที่แขวงต่างๆ ในลาวใต้ บรรดาสถานประกอบ การของจังหวัดบิ่ญดิ่ญ ยังช่วยเหลือแขวงต่างๆ ของเพื่อนในบางขอบเขตเช่น การฝึกอบรมภาษาเวียดนาม การให้ทุนการศึกษาแก่ นักศึกษา การช่วยเหลือด้านพันธุ์พืชและสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

หากกล่าวถึงความร่วมมือระหว่างจังหวัดบิ่ญดิ่ญกับแขวงต่างๆ ในลาวใต้ต่อไป เหงียน วัน เถี่ยน เลขาธิการคณะพรรค จังหวัดบิ่ญดิ่ญประเมินว่า การเดินทางของคณะผู้แทนระดับสูงจากจังหวัดบิ่ญดิ่ญไปยังบรรดาแขวงลาวใต้ครั้งนี้ได้รับความสำเร็จ มาก ความสำเร็จไม่เพียงเป็นการสร้างโอกาสเพื่อบรรดาสถานประกอบการของบิ่ญดิ่ญได้เข้าใจและขยายโครงการลงทุนที่นี่ แต่ยังเพิ่มการกระชับมิตรภาพเก่าแก่ระหว่างบิ่ญดิ่ญกับบรรดาแขวงลาวใต้ และระหว่างสองประเทศ คือเวียดนามและลาว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us