2 บิ๊กแห่งธุรกิจบริหารจัดการอีเวนต์ “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ VS ซีเอ็มโอ”กับการบุกตลาดต่างประเทศครั้งสำคัญ รับการเปิดตัวเขตการค้าเสรีอาเซียนงานนี้ประชันฝีมือ ใครเก่ง-ใครเจ๋งกว่ากัน “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ครีเอทีฟ”มาพร้อมกับกลยุทธ์ “เซียงไฮ้ แฟลทฟอร์ม”ที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยตลาดและทำการตลาดครบเครื่อง ด้านซีเอ็มโอ กับโมเดลธุรกิจเน้นหาพันธมิตรในต่างประเทศหรือตลาดเป้าหมาย เสริมจุดแข็ง-ปิดจุดอ่อนธุรกิจ
2 สัปดาห์ในเดือนแรกของปี 2555 นับเป็นห้วงเวลาที่น่าจับตาอย่างมาก สำหรับแวดวงธุรกิจอีเวนต์ของเมืองไทย โดยเฉพาะเมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอย่างค่ายอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจและค่ายซีเอ็มโอ ทยอยประกาศการบุกต่างประเทศอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก โดยค่ายอินเด็กซ์กำหนดวันที่ 17 มกราคม 2555 หลังจากนั้นในวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นวันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
เหตุใด 2ค่ายใหญ่จึงพร้อมใจกันบุกตลาดต่างประเทศในปีนี้แบบติดๆกัน เป็นคำถาม ที่มีคำตอบเหมือนกัน คือ เนื่องจากเป็นการเตรียมตัวธุรกิจภาคบริหารเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ( ASEAN Economic Community )ในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ดังที่ 2บริษัทระบุไว้ในเหตุผลของการขยายตลาดครั้งนี้
แต่อีกสาเหตุสำคัญ อีกข้อหนึ่งก็คือ ธุรกิจอีเวนต์ในเมืองไทยในห้วง 3-4 ปีทีผ่านมาต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ทางการเมืองและภัยธรรมชาติใหญ่บ่อยครั้ง อันเป็นการสะท้อนว่า ธุรกิจอีเวนต์ในเมืองไทยมีปัจจัยอ่อนไหวที่มีผลกระทบต่อธุรกิจบริหารจัดการอีเวนต์มากและบ่อยเกินไป ทำให้ธุรกิจไม่เติบโตเท่าที่ควร ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในแง่ต้องพึ่งพารายได้จากการจัดงานในเมืองไทยเพียงอย่างเดียว ก็หันมาสร้างตลาดและแหล่งรายได้ใหม่ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
“ 3-4 ปีที่ผ่านมาธุรกิจอีเว้นต์ในเมืองไทยต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงใหญ่ๆติดต่อกันแทบทุกปี ทำให้การทำธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องและไม่มีหลักประกันใดว่าเหตุการณ์ทำนองเดียวกันจะไม่เกิดขึ้นอีก ดังนั้นบรรดาผู้ประกอบการจึงต้องหันไปหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอาเซียนถือว่าเป็นตลาดที่ดี เพราะธุรกิจบริหารจัดการอีเว้นต์ของไทยเหนือกว่าและเป็นทียอมรับจากกลุ่มประเทศเหล่านี้”แหล่งข่าวในแวดวงอีเวนต์ให้ความเห็น
เขากล่าวด้วยว่า การแข่งขันของธุรกิจอีเวนต์ในตลาดต่างประเทศ แม้ว่าจะเป็นในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีบางประเทศก้าวเป็นรองเมืองไทย แต่กุญแจความสำเร็จนั้นอยู่ที่ การตีโจทย์และทำให้โจทย์มีรูปแบบออกมาให้มากกว่าอีเวนต์ธรรมดาๆ นั่นหมายความถึงว่า การต้องผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และการตลาดให้ลงตัวอย่างมีศาสตร์และศิลปะ
อินเด็กซ์ ชูเซียงไฮ้ โมเดลบุกอาเซียน
สอดคล้องกับความเห็นของประธานเจ้าหน้าบริหารบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน ) เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ระบุว่า การทำธุรกิจอีเวนต์ในประเทศและต่างประเทศจะต้องเป็นมากกว่าอีเวนต์ทั่วไป แต่ต้องผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ (Creativity )และ โปรดักส์ชั่นที่ต้องอาศัยเทคโนโลยี่ แสงสี เสียง รวมถึงกลยุทธ์การตลาดเข้ามาทำให้ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การแข่งขันในตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังในปีนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์องค์กรใหม่ เพื่อบุกตลาดต่างประเทศ โดยวางเป้าหมายเป็น “Event Depot”หรือ ศูนย์กลางส่งออกงานบริการครีเอทีฟอีเวนต์ทั้งงานบริการมันสมองความคิดสร้างสรรค์ อุปกรณ์เทคโนโลยี่อีเวนต์ และเทคโนโลยี่ที่ได้พัฒนาขึ้นมา ( Production Supply) พร้อมกับการใช้ “เซียงไฮ้ โมเดล” เป็นรูปแบบในการเจาะตลาดอีเว้นต์ในต่างประเทศ ที่เน้นให้ความสำคัญกับการวิจัยสำรวจพฤติกรรม ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง และเน้นให้น้ำหนักการตลาดแบบครบเครื่อง
เหมือนดังเช่นรูปแบบที่ใช้ในการสร้างความสำเร็จของงาน World Expo ที่เซียงไฮ้ เมื่อปี 2010 ที่ทำให้ศาลาไทย หรือ Thailand Pavilion ติด 1 ใน 7 ศาลายอดนิยม จึงทำให้งานดังกล่าว ถูกกำหนดนำมาใช้เป็นแฟลทฟอร์ม (Platform )ในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ และในปีต่อมา หรือปี 2555 อินเด็กซ์ได้รับเลือกให้จัดการงานนิทรรศการระดับโลกอีกครั้งในงาน Yeosu International Exposition 2012 เมือง ยอซู ประเทศเกาหลี ระหว่างวันที่ 12 พฤษภาคม 2555 ถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2555 ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท อันเป็นการตอกย้ำแบรนด์ในเวทีนานาชาติอีกด้วย
“ความโดดเด่นของเซี่ยงไฮ้ โมเดลหรือแฟลทฟอร์มนี้ อยู่ที่การให้ความสำคัญกับ Marketing ครบเครื่อง ทั้งการวิจัยตลาด พฤติกรรมการ ไลฟ์สไตล์ ความต้องการของลูกค้าเชิงลึก พร้อมกับการวางกลยุทธ์การตลาดที่ครบคลุมอย่างจริงจัง ทำให้ประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบของการทำตลาดในต่างประเทศ”
เสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) ซีเอ็มโอมุ่งร่วมพันธมิตรลุยอาเซียน
สำหรับการบุกตลาดต่างประเทศของค่ายซีเอ็มโอครั้ง ได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยใช้หัวข้อว่า “การรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 20ปี” โดยมีการประกาศการเปลี่ยนแปลงมากถึง 8 ข้อ โดย1ใน 8 การเปลี่ยนแปลงเพื่อการรีแบรนด์องค์กรในครั้งนี้ ระบุถึง เป้าหมายขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ โดยกำหนดไว้ในข้อที่6สั้นว่า CMO’s New AEC Horizon เนื่องจากเห็นโอกาสเติบโต จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( ASEAN Economic Community : AEC) โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% ในปี 2557
ทั้งนี้บริษัทวางแผนออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกเราได้ติดต่อกับประเทศกัมพูชา และเวียดนาม เหตุที่เลือก 2 ประเทศนี้ก่อน เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพื้นที่ติดกับประเทศไทย บวกกับบริษัทฯ มีพันธมิตรที่ติดต่อธุรกิจกันมาอยู่แล้วในประเทศดังกล่าว ส่วนเฟสที่ 2 จะเริ่มเดินหน้าในปี 56 โดยจะมุ่งไปประเทศฟิลิปปินส์ , มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
“โมเดลการทำตลาดในอาเซียน เน้นเป็นพันธมิตรกับนักธุรกิจหรือบริษัทในประเทศนั้นร่วมกันทำตลาด เพราะช่วยให้เข้าถึงตลาดและความต้องการของลูกค้าได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการลดความเสี่ยงในด้านการลงทุนและทำตลาด อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทเคยมีประสบการณ์ทำตลาดต่างประเทศมาก่อน โดยได้ลงทุนทำเองทั้งหมด ต่อมาปรากฏว่าต้องรับผิดชอบและความเสี่ยงเพียงรายเดียวอันไม่เพียงพอ”
ทั้งนี้ ผลงานที่ผ่านมาก็ตอกย้ำความเป็น Creative Management ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงทั้งในระดับชาติและระดับสากล อาทิ เป็นผู้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ,งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ,งาน Home Pro Expo, งาน Motor Expo และ การเป็นผู้นำในการสร้างพาวิลเลียนในงานบีโอไอแฟร์ 2011 ซึ่งได้ทั้งหมด 8 พาวิลเลียน เป็นต้น
จุดขายของซีเอ็มโอที่น่าสนใจครั้งนี้ คือ การเน้นย้ำบอกว่า นโยบายของบริษัทที่จะไม่เป็นเพียงบริษัทอีเวนต์ แต่เราจะเป็นบริษัทฯ ที่สื่อสารด้วยความคิดสร้างสรรค์ พร้อมที่จะรองรับการเติบโตของธุรกิจ บวกกับเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเรามองว่าด้วยศักยภาพด้านบุคคลากร และความคิดสร้างสรรค์ของประเทศไทย จะสามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศ ได้เช่นเดียวกันกับธุรกิจอื่นๆอันเป็นไฮไลท์ของการรีแบรนด์ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
“ในปี 2555 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรใหม่ ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยใช้งบประมาณ กว่า 150 ล้านบาท ภายใต้แคมเปญ “CMO Moving Forward 2014” โดยชูแนวคิด “Infinite Creative Management” -พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและเกิดเรื่องราวใหม่ถึง 8 ประการ “
อย่างไรก็ตาม ก้าวย่างครั้งสำคัญอย่างจริงจังของทั้ง 2 ค่ายครั้งนี้ ไม่เพียงตอกย้ำถึงการปรับตัวครั้งสำคัญ ภายใต้ปริบทใหม่ทางด้านเขตการค้าเสรีอาเซียน ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนสนามรบใหม่จากในประเทศไปสู่สนามใหม่ที่ใหญ่และแข่งขันรุนแรงกว่าเดิม งานนี้จึงต้องพิสูจน์ “วัดกึ๋น”กันว่าใครสามารถก้าวไปยืนอยู่บนเวทีนานาชาติได้มากกว่ากัน