สงครามชาเขียว ระอุขึ้นอีกครั้ง จากคู่ชิง 2 บิ๊กธุรกิจ โออิชิ กับ อิชิตัน ที่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน โดดลงมางัดกลยุทธ์ Distribution Strategy หรือการแข่งขันช่องทางกระจายสินค้า โดยโออิชิ ผนึกไปกับเบียร์ช้าง ขยายจุดจำหน่ายให้ครอบคลุมตั้งแต่ โมเดิร์นเทรด ร้านค้าดั้งเดิม ลานเบียร์ เป็นต้น ขณะที่ อิชิตัน ออกมางัดข้อ ตามเกมนี้ทันที โดยจับมือกับสิงห์ คอร์เปอเรชั่นฯ ให้ช่วยกระจายสินค้าแบรนด์อิชิตัน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
คู่เดือด ปะทะ Distribution Strategy
โออิชิ กับอิชิตัน 2 ยักษ์ใหญ่วงการชาเขียว ที่วางเกมรบแบบดุเดือด และดุดัน ชนิดชิงไหวชิงพริบ แม้โออิชิจะแจ้งเกิดมายาวนาน และขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในตลาดเป็นที่เรียบร้อย หากแต่อิชิตัน ที่เป็นแบรนด์น้องใหม่ของตัน ภาสกรนที ที่ดูจะน่ากลัวกับกลยุทธ์ผู้ตาม
โดย 2 บิ๊กดังกล่าว ชิงดำกันแบบหมัดต่อหมัด ตั้งแต่การแตกไลน์รสชาติใหม่ชาเขียว การเพิ่มมูลค่าด้วยคุณประโยชน์ (Add Benefit) ด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืช การปรับแพ็คเกจจิ้งใหม่ให้มีหลากหลายขนาดเจาะทุกกลุ่มเซ็กเมนต์ การชิงดำแคมเปญชิงโชค แจกเงิน แจกทอง และท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงกลยุทธ์ราคา (Pricing War) ล้วนสร้างความฮือฮาให้กับวงการตลาดชาเขียว
ล่าสุดกับเกมใหม่ที่ไม่ทันจะหายเหนื่อย เมื่ออิชิตันออกมาเปิดเกมรบในฐานะเบอร์รองด้วยกลยุทธ์ Distribution Strategy จับมือกับสิงห์ คอร์เปอเรชั่นฯ ให้ช่วยกระจายสินค้าแบรนด์อิชิตัน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“ ปีนี้บริษัทรุกหนักด้านช่องทางจำหน่ายอย่างเต็มที่ โดยให้บริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายในช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรดยี่ปั๊ว ร้านค้าที่จำหน่ายแอลกอฮอล์ในเครือข่ายของสิงห์ ขณะที่ดีทแฮล์มจะเน้นช่องทางโมเดิร์นเทรด และอีกส่วนหนึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายเอง” ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิชิตันกรุ๊ป จำกัด ตัน ภาสกรนที กล่าว
ตลาดชาเขียวในปีนี้ยังคึกคัก และมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก เพราะผู้บริโภคยังนิยมในการเลือกบริโภคเครื่องดื่มชาเขียวเป็นอันดับ 2 โดยมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี นอกจากนี้การแข่งขันราคาจะค่อยลดลง เพราะไม่ส่งผลดีต่อทุกแบรนด์ แต่เน้นหนักการเพิ่มสูตรใหม่ๆ ให้มีความหลากหลาย และเพ็คเกจจิ้งใหม่ๆ ให้หลากหลายคลุมทุกเซ็กเมนต์เช่นกัน และล่าสุด อิชิตัน ได้เปิดตัวแพ็กเกจจิ้งใหม่ "อิชิตัน กรีนที"ในรูปแบบยูเอชที ราคากล่องละ 10 บาทเพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น อาทิต่างจังหวัด และช่องทางร้านค้าทั่วไป
ด้านโออิชิ ก่อนหน้านี้ ได้ขยายช่องทางทุกช่องทาง ตั้งแต่โมเดิร์นเทรด เทรดดิชั่นนอลเทรด หรือร้านค้าดั้งเดิม ตลอดจนเสริมทัพไปยังลานเบียร์ที่ผนึกไปกับเบียร์ช้าง ในลักษณะพ่วงแบรนด์ ซึ่งโออิชิอยู่ในเครือเดียวกับเบียร์ช้าง ที่มีคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นเจ้าของ
“การขยายช่องทางจำหน่ายของโออิชิ จะไปทุกช่องทาง โดยจะเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับช่องทางจำหน่าย โดยพิจารณาจากรูปลักษณ์ และแพ็คเกจจิ้ง อย่างรูปแบบขวด และกล่อง จะเป็นร้านสะดวกซื้อ ดิสเคาน์สโตร์ และร้านโชว์ห่วยทั่วไป โดยล่าสุดโออิชิออกตัวแพ็คเกจจิ้งที่เป็นรูปลักษณ์ กระป๋อง เจาะไปยังร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านค้าดั้งเดิม ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานตอนต้น” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อนิรุทธิ์ มหธร กล่าว
สำหรับการผนึกกับเบียร์ช้างด้านการกระจายสินค้า จะทำให้โออิชิมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นในการกระจายสินค้าโออิชิได้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดก็ได้ใช้ช่องทางลานเบียร์ ช่วงไตรมาส4 ที่เข้าสู่ฤดูหนาว พ่วงแบรนด์ไปกับเบียร์ช้าง เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคในช่องทางลานเบียร์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้การแข่งขันจะหนักหน่วง ทั้งเรื่องราคา นวัตกรรม และแคมเปญต่างๆ โออิชิก็มั่นใจในความเป็นผู้ขยับตลาดและนำตลาดก่อนคู่แข่ง
“ โออิชิ กรีนทีได้ออกผลิตภัณฑ์รูปแบบกระป๋อง 4 รสชาติ ครั้งแรกในวงการชาเขียว ได้แก่ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว รสข้าวญี่ปุ่น รสต้นตำรับ และรสใหม่ คือ รสคิคุชะ หรือรสเก๊กฮวยธรรมชาติ โดยจะมีการผลิตจำนวน 30 ล้านกระป๋องต่อเดือน คาดว่าจะสร้างยอดขายในปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันโออิชิมีส่วนแบ่งตลาด 60 % เป็นผู้นำตลาดชาเขียว” อนิรุทธิ์ กล่าวพร้อมกับเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์หลักของโออิชิ จะเน้น 4 เรื่องหลัก คือ 1.การแตกไลน์รสชาติใหม่ชาเขียว การเพิ่มมูลค่าด้วยคุณประโยชน์ (Add Benefit) ด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืช 2. ใช้นวัตกรรมการปรับแพ็คเกจจิ้งใหม่ให้มีหลากหลายขนาดเจาะทุกกลุ่มเซ็กเมนต์ 3.การออกแคมเปญใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และ4. การกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย