Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2528








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2528
สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องรอปี 30!             
 


   
search resources

Investment
Vehicle




อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมที่ถูกเพ่งเล็งมากในการใช้เงินตราต่างประเทศมาก คือมีการนำเข้าค่อนข้างสูง แต่เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถผลิตขึ้นได้ภายในประเทศ แต่ก็ได้รับการพัฒนาการผลิตในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลมองเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ และไม่สามารถแยกได้ว่า รถยนต์นั้นเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยหรือจำเป็น และก็ได้ให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์มาเป็นเวลา 24 ปีแล้ว จากการที่ได้รับขนานนามว่า อุตสาหกรรมขันนอตบ้าง อุตสาหกรรมไม้แคระบ้าง อุตสาหกรรมเฒ่าทารกบ้าง แต่เราก็ค่อยเติบโตขึ้นมาจนถึงปัจจุบันก็ได้รับการพัฒนามาพอสมควร ถ้าจะเทียบกับประเทศในแถบอาเซียนแล้ว ประเทศไทยยังนำหน้าในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะไทยยังสามารถผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศสูงสุด ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีบางประเทศที่ใช้รถ NATIONAL CAR แต่โครงการนี้ในอีก 4-5 ปี อาจจะให้มากกว่าไทย แต่ในปัจจุบันนี้เขาใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่าเรา

เมื่อรัฐบาลเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นสิ่งจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป เพื่อทดแทนการนำเข้า เพื่อให้มูลค่าการนำเข้าลดลง และมองสภาพตลาดของรถยนต์แล้วเห็นว่า รถบรรทุกขนาดเล็ก ซึ่งโครงสร้างภาษีของประเทศหรือความนิยมของประเทศทำให้มีความต้องการรถบรรทุกเล็กสูง เพราะฉะนั้นการกำหนดนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นรัฐบาลกำหนดให้ส่งเสริมรถบรรทุกเล็กและมีการส่งเสริมให้ใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายว่าในอนาคตจะสามารถผลิตในประเทศได้ ความต้องการรถบรรทุกเล็กในตลาดเมืองไทยนั้นประมาณ 55% เป็นรถยนต์นั่ง 33% และประเภทอื่น ๆ อีก 12%

การกีดกันการนำเข้าของสินค้าประเภทเดียวกันที่สามารถประกอบได้ภายในประเทศ เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นรถยนต์ที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนประมาณ 90% เป็นรถที่ประกอบขึ้นภายในประเทศ ส่วนที่นำเข้ามาสำเร็จรูปนั้นมีประมาณ 5% ของอุตสาหกรรม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศมีการเจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ มีลงบ้างขึ้นบ้าง ยังไม่เคยพบกับภาวะเช่นปี 2528 นี้เลย คือลดลงประมาณ 27-28% เมื่อเทียบกับกำลังผลิตของภายในประเทศนั้นปัจจุบันผลิต 60% เท่านั้น ในปี 2526 เป็นปีทองของอุตสาหกรรมรถยนต์ เพราะเศรษฐกิจของประเทศดีมาก และก็เริ่มลดลงในปี 2527 และมาเมื่อปลายปี 2527 ซึ่งมีการลดค่าเงินบาท แต่การลดค่าเงินบาทครั้งนั้นไม่ได้ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ลดลง เพราะเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายควบคุมราคาสินค้าเป็นการเร่งให้มีการซื้อเร็วกว่าปกติ เพราะฉะนั้นตลาดของรถยนต์ในปี 2527 ลดลงไปเพียง 4% เมื่อเทียบกับปี 2526 ซึ่งตามสภาพความเป็นจริงแล้วควรจะลดมากกว่านั้น แต่ก็เกิดผลสะท้อนว่าในต้นปี 2528 กำลังการซื้อลดลงไปมาก

ภาวการณ์ของอุตสาหกรรมในปัจจุบันการผลิตก็ลดลงไป บางแห่งทำงาน 40% ของวันทำงาน สำหรับโรงงานผลิตรถปิกอัพนั้นกำลังการผลิตลดไม่มากนัก ส่วนรถยนต์นั่งลดลงประมาณ 22-23% รถบรรทุกใหญ่ประมาณกว่า 50% เพราะภาวะการผลิตพืชผลของไทยราคาไม่ดี ทำให้กำลังซื้อลดลง แต่ก็ยังเป็นตลาดของผู้ซื้ออยู่ เพราะภาวการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องระบายสินค้าในสต๊อกออกให้เหลือน้อยที่สุด ดังนั้นการแข่งขันด้านราคาจึงยังคงสูงอยู่มาก

ในปี 2528 รัฐบาลคงจะเก็บภาษีจากผู้ประกอบการรถยนต์ได้น้อย เพราะบางบริษัทแทบจะไม่มีกำไรกันเลย และในปี 2529 คาดคะเนกันว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศคงจะดีขึ้นประมาณ 4% (เทียบกับปี 2528) แต่เมื่อเดือนกันยายน เงินดอลลาร์ตกลงไป ทำให้เงินเยนสูงขึ้นและรถยนต์ส่วนใหญ่มีแหล่งกำเนิดสินค้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ราคาต้นทุนของรถยนต์สูงขึ้น ดังนั้นในปี 2529 ภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์นี้คงใกล้เคียงกับปี 2528

ในปัจจุบันนี้ตลาดรถจักรยานยนต์ซึ่งเคยมียอดขายที่สูง แต่ขณะนี้ผู้ผลิตจักรยานยนต์หลายรายก็เริ่มลดการผลิตลง เนื่องจากความต้องการของตลาดลดน้อยลง และการเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อค่อนข้างจะสูง

เพราะฉะนั้นในปี 2529 นี้ก็คงจะมีมาตรการพยุงอุตสาหกรรมยานยนต์นี้ให้อยู่รอดต่อไป แต่อย่างไรก็ดี ต้นทุนของสินค้าในปี 2529 นี้จะต้องสูงกว่าปีนี้ เพราะมูลค่าในการนำเข้าซึ่งใช้เงินเยนจะสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนที่นำเข้าชิ้นส่วนต่าง ๆ จากญี่ปุ่นสูงขึ้นด้วย อีกประการ คือตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และต้องเพิ่มชิ้นส่วนขึ้นอีก โดยรถยนต์นั่งเพิ่มจาก 45% เป็น 50% ในเดือนมกราคม 2529 รถยนต์ปิกอัพจะขึ้นอีก 5% เช่นเดียวกันรถยนต์บรรทุกประเภทอื่น เนื่องจากความต้องการของตลาดมีไม่มากนัก รัฐบาลจึงไม่มีนโยบายให้เพิ่มขึ้น จึงให้ใช้ชิ้นส่วนในอัตราเดิม

ดังนั้น จึงคาดคะเนว่า ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจจะดีขึ้นบ้าง แต่กำลังซื้อก็จะอยู่ในลักษณะเช่นเดิม เพราะการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2529 ด้านผู้ประกอบและผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์คงจะไม่มี เนื่องจากยังมีกำลังผลิตที่สูงพอสมควรประมาณปีละ 140,000 คัน ส่วนในภาคของจักรยานยนต์ก็เช่นเดียวกับรถยนต์ คือ มีความต้องการของตลาดปีละ 3 แสนคัน ส่วนอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนจะขยายตัวบ้างเล็กน้อยตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการใช้ชิ้นส่วนเพิ่มมากขึ้น แต่จะขยายตัวในลักษณะเพิ่มรายการของชิ้นส่วนมากขึ้น แต่จำนวนของชิ้นส่วนที่เคยทำการขายอยู่นั้นลดลงบ้าง เนื่องจากจำนวนรถที่ผลิตและประกอบภายในประเทศลดน้อยลง

สำหรับการลงทุนในปี 2529 คงจะไม่มี จะเริ่มมีในปี 2530 ในด้านรถยนต์ปิกอัพดีเซลสำหรับรถบรรทุกขนาดเล็ก และผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล

สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหลายก็พยายามให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือ แต่ถ้ามองในแง่ของรัฐบาลซึ่งต้องการรายได้สำหรับงบประมาณแล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์สามารถทำรายได้ให้มาก ราคารถยนต์นั่งในท้องตลาดนั้นเราจ่ายค่าภาษีไปประมาณ 60% ต่อรถ 1 คัน ถ้าเป็นรถบรรทุกคิดเป็นค่าภาษีประมาณ 18-20% แล้วแต่ขนาดของรถ เพราะฉะนั้นการที่จะขอให้รัฐบาลปรับปรุงภาษีหรือลดภาษีลงไปนั้นจึงทำได้ยาก ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องพยายามปรับตัวเองโดยการรณรงค์ให้พนักงานของโรงงานทำงานให้มีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย และสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงก็คือ การไล่พนักงานออก และอีกประการหนึ่งที่จะต้องทำก็คือ การลดวันทำงานซึ่งจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายทางด้วยกัน

สรุปแล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีหน้าก็คงเหมือนกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่จะต้องลำบากต่อไปอีก แต่ก็คาดว่าในปี 2530 คงจะดีขึ้นกว่านี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us