Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2528








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2528
สถานภาพทางการเงินของไทยปี 2529             
 

   
related stories

แนวโน้มการลงทุนของไทย
"การประเมินภาวะเศรษฐกิจปี 2529"

   
search resources

Economics




ในปี 2526 เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนมาก แต่ฝ่ายภาคอื่นไม่ได้สังเกตเท่าที่ควร ในปี 2526 มีการส่งออกที่ต่ำมากถึงติดลบ 8% กว่า เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ตัวเลขสั่งเข้าเพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งในปีนั้นฐานะการเงินของประเทศเริ่มลำบาก มีการขาดดุล 90,000 ล้านบาท ขณะนั้นเราควรจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ทำ ปล่อยให้เหตุการณ์เพิ่มขึ้นมาจนถึงปี 2527 จึงพยายามแก้ไขให้การส่งออกดีขึ้นประมาณ 19% กว่า คิดเป็นเงินแสนเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาท ทำให้การสั่งเข้าลดลงเหลือ 3% กว่า โดยใช้วิธีกำจัดการปล่อยเครดิตบ้าง การที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ไม่เกิน 18% เมื่อปี 2527 ผลทำให้ผู้ประกอบธุรกิจโวยวายมาก ความจริงการแก้ไขเรื่องค่าของเงินหรือการลดการสั่งเข้าควรทำตั้งแต่ปลายปี 2526 แต่เหตุการณ์นั้นได้ดำเนินผ่านไปแล้วจึงมาเริ่มดำเนินการ ซึ่งเป็นลักษณะของคนไทยที่จะรอให้เหตุการณ์ผ่านไปก่อนโดยไม่เคยวางแผนแล้วทำทีหลัง

ในปี 2528 การส่งออกดีขึ้นเพราะเกิดการลดค่าเงินบาททำให้ดีขึ้นประมาณ 10% คือคาดว่าปีนี้จะส่งออกได้ 203,000 ล้านบาท แต่เมื่อได้รีวิวตัวเลขเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคาดว่าปีนี้คงส่งได้เพียง194,000 ล้านบาท หรือสูงขึ้นประมาณ 10.7% เท่านั้น แต่การสั่งเข้าน่าสนใจมาก คาดว่าจะสั่งเข้าถึง 260,000 ล้านเศษ เพราะฉะนั้นขาดดุลคงเกิน 70,000 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีการลดค่าเงินบาทเป็นเม็ดเงินในเงินตราต่างประเทศก็คงจะต่ำลง มีสัญญาณบ้างว่าเราจะลดลง จุดนี้ทำให้คนในหลายภาคมีปฏิกิริยาเมื่อภาคของตนได้รับความกระทบกระเทือน ซึ่ง ดร.โชคชัย และคุณพงส์ สารสิน ก็มีปฏิกิริยาว่าควร Protect อุตสาหกรรมของไทยบ้าง เพราะปล่อยฟรีมานานแล้ว เห็นภาคเกษตรทำมานาน ชุมนุมสหกรณ์เกษตรพยายามแม้แต่ภาคอื่นๆ ที่กระทบก็จะมีเสียงออกไปแล้ว แต่อุตสาหกรรมไม่ค่อยส่งเสียงอะไร น่าจะเตือนให้มีการนำเข้าลดลงเพราะลดลงได้ ปีหน้าที่บ่นกันนั้นคงจะแก้ได้ ถ้าลดการสั่งเข้าได้ และหันมาผลิตและใช้กันในประเทศได้ก็จะสามารถทดลองได้ว่าปี 2529 จะเป็นปีที่เราจะอยู่รอดได้ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม เพราะภาคเกษตรกรรมทำอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่นัก เป็นหน้าที่ของภาคอุตสาหกรรมจะต้องทำอะไรที่ผลิตได้ในประเทศไทย เมื่อทั่วโลกเขาพยายามจะ Protect ตัวเขาเอง ภาคอุตสาหกรรมไทยไม่คิดจะ Protect อุตสาหกรรมของเราเองโดยที่เรามีพลังอย่างมากแต่ไม่ทำ ที่จริงมันสายไปแล้ว เพราะถ้าเปิดประตูโดยไม่วางมาตรการไว้จนส่งของออกไปไม่ทันต่อการสั่งเข้าจะอาศัยภาคเกษตรหรืออุตสาหกรรมบางอย่างออกไปเมื่อเราถูก Protect ไปทุกอย่าง ในฐานะนักการเงินคิดว่าทำไมภาคอุตสาหกรรมยังไม่ทำ ซึ่งคิดว่ารัฐบาลก็คงจะใจกว้างพอที่จะเอาปัญหามาแก้ไข เมื่อไม่ทำก็ไม่มีใครมาช่วยได้ เมื่อถึงวันนั้นอุตสาหกรรมก็จะเจ๊งไป พวกที่อยู่ภาคการเงินก็รับภาระไป ซึ่งไม่รู้ว่าจะแบกไปถึงไหนแล้ว ในเมื่อคนอื่นอยู่ไม่ได้สิ่งที่เขาจะร้องก่อนคือให้รัฐบาลพยายาม Protect ผลประโยชน์ ทำไมสหรัฐฯ ซึ่งแข็งแรงถึงต้องป้องกันตัวเอง ญี่ปุ่นไม่เคยเลยที่จะไม่ Protect จนถึงขณะนี้ เราต้องปลุกทั้งรัฐบาลให้มี Protection บ้าง และปลุกให้ประชาชนใช้ของไทยบ้าง และไม่ต้องติดป้ายภาษาฝรั่ง เวลานี้ต้องติดป้ายชื่อญี่ปุ่นจึงจะขายได้ ในสมัยจอมพล ป. บอกให้นิยมไทย แต่เวลานี้ไม่มีคนทำ เพราะเราไปสร้างค่านิยมให้คนไทยไปซื้อของที่เป็นชื่อต่างชาติ แล้วมาบ่นว่าผลิตแล้วขายไม่ได้

เงินฝากหรือเงินกู้ของไทยพัฒนาการค่อนข้างจะดีในระบบ หมายความว่าความเชื่อของคนและการออมของเราค่อนข้างจะดีมาก และดีกว่าอัตราถัวเฉลี่ยของหลายประเทศ แม้ในประเทศที่เจริญแล้ว ในปีที่เศรษฐกิจมันเร็วมากดูด้านการค้าระหว่างประเทศ ในช่วงนั้นเงินฝากและเงินกู้ค่อนข้างจะสูงมาก ถึงปี 2526 เงินฝากขึ้นถึง 81,000 ล้านบาท หรือ 26% แต่ในปีนั้นก็จ่ายอย่างเต็มที่สั่งเข้ามหาศาล กู้เงินในระบบ 97,000 ล้านบาท ในปีนั้นจึงเป็นการกู้เงินในระบบถึง 34% ซึ่งปีนี้กู้เพียง 11% คือกู้ถึง 3 เท่าของปีนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น ในปี 2527 เริ่มปรับตัวดีขึ้น เงินฝากกลับดีขึ้นจาก 81,000 ล้านบาทในปี 2526 ขึ้นถึง 86,000 ล้านบาท ในปี 2527 คิดเป็นเพิ่ม 21% แต่การปรับตัวทันกับที่ทางราชการสั่งคือให้เพิ่มสินเชื่อ 18% ซึ่งก็เพิ่ม 69,000 ล้านบาท คนไทยมีมาตรการอะไรออกมาก็ตามทันได้ทันที ในปี 2527 การสั่งเข้าลดลงเหลือ 3% กว่า เพิ่ม 3% กว่าเท่านั้นจากการเพิ่มถึง 21% ตัวสำคัญที่สุดคือมาตรการใดก็ตามถ้าใช้แล้วคนเห็นด้วยจะปฏิบัติทันที ยกตัวอย่าง เช่น มาตรการทางการเงิน แต่ในปีนี้ทั่วโลกเกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้ ดังนั้นการเพิ่มของเงินฝากจึงเหลือเพียง 63,000 ล้านบาท หรือ 33% ตามที่คาดกันไว้ ส่วนเงินกู้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11% สรุปแล้วจะตกลงทั้งหมดเพราะเหตุการณ์ทั่วไปไม่ดี แต่อย่างไรก็ตาม เงินออมก็ยังสูงกว่าปี 2527 และปี 2528 คือเงินออมและเงินให้กู้สูงกว่าปี 2527 คิดเป็นเงิน 17,000 ล้านบาท และในปี 2528 ประมาณ 14,000 ล้านบาท แต่เงินจำนวนนี้มิได้อยู่ในระบบ เพราะสาเหตุมาจากนำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจประมาณเกือบหมื่นล้าน เพราะฉะนั้นจึงไม่เหลือไปถึงภาคเอกชนให้ขยายธุรกิจนอกจากนี้ยังต้องนำเงิน 3-4 พันล้านไปชำระหนี้ของประเทศด้วย

ลักษณะการเงินของปี 2528 นั้น เมื่อต้นปีขาดเงิน แต่พอปลายปีการเงินคล่องตัวมากซึ่งตรงข้ามกับปี 2526 ที่ไม่มีเงินตอนต้นเงินกู้สูงขึ้นมาก แต่พอปลายปีเงินล้นถึงปัจจุบันเงินเหล่านี้หายไปหมด เพราะอัตราแลกเงินไม่คงที่

สภาวะการเงินปี 2529 คาดว่าเงินฝากจะสูงสุดประมาณ 70,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับมาตรการต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบด้วย เช่น ภาษีดอกเบี้ยจะต้องไม่ขึ้น ลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และอัตราดอกเบี้ยจะต้องไม่ลดต่ำไปกว่านี้

สรุปแล้วในปี 2529 นั้นจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาการนำเข้า ส่วนการส่งออกคาดว่าจะสามารถทำมูลค่าเกิน 200,000 ล้านบาท แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายประการ คือ เนื่องจากสินค้าทางเกษตรราคาตก ถ้าอุตสาหกรรมไม่สูงนักรวมทั้งค่าเงินดอลลาร์อ่อนก็อาจจะทำไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ แต่ถ้าสามารถลดการสั่งเข้าได้ก็จะช่วยได้มาก สำหรับสถาบันการเงินนั้นในปี 29 คงจะสามารถจัดหาเงินประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินกู้นั้นถ้าภาวะเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นก็คงอยู่ในอัตราที่ให้กู้ต่ำ แต่ภาระหนักของสถาบันการเงินคือจะต้องหาเงินมาช่วยงบขาดดุลของรัฐบาลซึ่งค่อนข้างจะสูงมาก

ดังนั้นภาวะการเงินปีหน้าคงไม่สดใสนัก แต่ก็คงจะไม่มืดมนเกินไปถ้าทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us