|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ชื่อ Breguet นั้นนอกจากจะเป็นตำนานในแวดวงนาฬิกาแล้วยังเป็นที่รู้จักและมีเกียรติในประวัติศาสตร์การบินเช่นกัน และบุคคลหนึ่งที่ควรได้รับการยกย่องก็คือ Louis Breguet ซึ่งเลือกเดินตามเส้นทางบรรพบุรุษในการประดิษฐ์นาฬิกาก่อนที่จะมาศึกษาเรื่องฟิสิกส์และโทรคมนาคมในภายหลัง
เขาเริ่มเข้ามาคร่ำหวอดในวงการ การบินตั้งแต่ปี 1907 เป็นต้นมาและได้กลายเป็นผู้บุกเบิกด้านการบินคนสำคัญคนหนึ่งของโลก ทั้งนี้ Louis Breguet ผู้เป็นโหลน ของช่างนาฬิกาเอกผู้ก่อตั้งบริษัทก็ได้นำเอานวัตกรรมด้านการบอกเวลาของบรรพบุรุษไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนด้วย
Louis Breguet ได้เริ่มสร้างไจโรเพลนขึ้น มีลักษณะเป็นเฮลิคอปเตอร์เครื่องแรกของโลกที่สามารถลอยขึ้นจากพื้นดินได้โดยที่มีนักบินอยู่ด้วย ในปี 1909 เขาประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องบินปีกสองชั้น เครื่องบินน้ำและเครื่องบินทิ้งระเบิดตามออกมาในปี 1912 และ 1915 ตามลำดับ และเครื่อง Breguet XIV อันโด่งดังก็มีส่วนอย่างมากในการช่วยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรมีชัยในการรบด้วย
เครื่องบิน Breguet มีประวัติความสำเร็จที่ต้องจารึกไว้หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการบินตรงจากปารีสถึงโตเกียวในปี 1924 การข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกใต้เป็นครั้งแรกในปี 1928 และเที่ยวบินแรกจากปารีสถึงนิวยอร์กในปี 1930 เป็นต้น ความสำเร็จ เหล่านี้เป็นการบุกเบิกเส้นทางการบินในภาคพลเรือนของบริษัทสายการบินต่างๆ อย่างแท้จริง ชื่อเสียงของเครื่องบิน Breguet ไม่เคยด่างพร้อย และยังมีเครื่องบิน Breguet หลายรุ่นทั้งเครื่องบิน รบและเครื่องบินลาดตระเวนทางน้ำประจำการอยู่ในปัจจุบัน
ในช่วงเวลาเดียวกันกับความสำเร็จของบริษัทการบินของ Louis Breguet นี้เอง ทางฟากฝั่งของบริษัทนาฬิกา Breguet ก็เริ่มให้ความสนใจตลาดการบินอย่างจริงจังและมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับใช้งานในด้านการบินโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้แก่ นาฬิกา จับเวลาที่มีวงจับเวลาและแทคโคมิเตอร์ สำหรับให้นักบินสวมใส่และสำหรับติดตั้งบนแผงอุปกรณ์บนอากาศยาน
จากนั้น Breguet จึงผลิตนาฬิกา จับเวลาที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆและยังมีไซเดอโรมิเตอร์หรือนาฬิกาที่สามารถคำนวณเวลาดาราคติ ซึ่ง Paul-Emile Victor ใช้ในภารกิจสำรวจขั้วโลก ของเขาราวๆ ปี 1950 จากนั้นจึงมีนาฬิกาติดบนเครื่องบินในชื่อ Type XI และ Type XII ซึ่งมีใช้ในอากาศยานของสายการบินต่างๆ ในประมาณสิบห้าประเทศทั่วโลก
นาฬิกาสำหรับการบินซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดย่อมต้องเป็น Type XX ซึ่งเป็น พัฒนาการต่อเนื่องมาจากนาฬิกาจับเวลาสวมข้อมือรุ่นแรกของ Breguet ในปี 1935 เพียงแค่เอ่ยชื่อนี้หากผู้ใดเคยมีประสบการณ์ ด้านการบินในยุคหลังสงครามก็ต้องหวนรำลึกถึงความทรงจำเก่าๆ อย่างเป็นแน่แท้ Type XX เป็นนาฬิกาที่ผลิตออกมาจำนวน ค่อนข้างน้อยและได้รับการอนุมัติให้ใช้อย่างเป็นทางการโดยหน่วยงานควบคุมด้านการบินต่างๆ ในปี 1950 และมีการสั่งผลิต โดยรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อนำเข้าประจำการในกองทัพอากาศฝรั่งเศส ศูนย์ทดสอบด้านการบินและกองการบินทหารเรือฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1954 จนถึงช่วงทศวรรษ 70 จึงถือว่านาฬิกาเหล่านี้เป็นทรัพย์สิน ของรัฐและจะมอบให้แก่นักบินเฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้น ส่งผลให้ Type XX เป็นนาฬิกาที่นักบินทั้งหลายพยายามไขว่คว้ามาสะสมไว้ในครอบครองในไม่ช้าจนกระทั่ง Breguet ต้องผลิตรุ่นสำหรับพลเรือนออกมาในที่สุด
เพื่อเป็นเกียรติแก่บรรดาผู้บุกเบิกแห่งวงการบินและเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างการประดิษฐ์นาฬิกาและการบินที่ยาวนานสืบเนื่องมาตั้งแต่ห้วงเวลาแรกๆ ของการพิชิตน่านฟ้า Breguet จึงได้ผลิตนาฬิกา Type XX รุ่นพิเศษขึ้นในนาม Type XX Aeronavale ซึ่งคงลักษณะเด่นเฉพาะตัวของนาฬิการุ่นดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฟังก์ชัน “ฟลายแบ็ค” ที่ส่งให้ Type XX เป็นนาฬิกาจับเวลาที่เหมาะสำหรับการบินอย่างแท้จริง นาฬิกา Type XX Aeronavale เดินด้วยเครื่องจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติใน ตัวเรือนที่สามารถกันน้ำได้ถึง 100 เมตร (100 บาร์)
ถือเป็นการฉลองครบรอบ 100 ปีของกองทัพอากาศแห่งฝรั่งเศส ในแบบของ Breguet ที่น่าสนใจไม่น้อย
|
|
|
|
|