|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทดีแทคได้สร้างความประหลาดใจหลายๆ อย่างที่ทำให้เกิดคำถาม ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินปันผล 16.46 บาท รวมลูกค้ากว่า 20 ล้านราย ไม่สามารถโทรเข้า-ออกได้สำเร็จในช่วง 2 วัน
เหตุการณ์การใช้บริการโทรศัพท์มือถือของลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ไม่สามารถใช้บริการโทรเข้า-ออกได้ในวันที่ 21 ธันวาคม 2554 ทำให้ ลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัท 23 ล้านรายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักทั่วประเทศ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริหาร 3 รายคือ ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชัยยศ จิรบวรกุล รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มลูกค้าและประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการ อาวุโสฝ่ายปฏิบัติการโครงข่าย ร่วมแถลงข่าวในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น (22 ธ.ค. 54) โดยที่ไม่มีจอน ทราวิส เอ็ดดี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนื่องจากมีภารกิจอยู่ในต่างประเทศ
ภาพในงานแถลงข่าวจึงได้เห็นผู้บริหารทั้ง 3 คน ยืนขึ้นกราบขออภัยลูกค้ากรณีเครือข่ายมีปัญหา พร้อมกับชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า บริษัทอยู่ระหว่างการโอนย้ายฐานลูกค้าทั้งหมดของ ดีแทคจากระบบเก่าไปสู่ระบบใหม่ และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากระบบเครือข่าย แต่เกิดจากการย้ายฐานข้อมูลไปสู่เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่เรียกว่า HLR หรือ Home Location Register
สำหรับระบบโทรศัพท์เก่าของดีแทคได้ใช้ระบบเครือข่ายและอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของยี่ห้อโนเกีย และบริษัทได้ตัดสินใจเปลี่ยนระบบใหม่โดยไปใช้ของอีริคสัน มีการประเมินว่าระบบจะผิดพลาดน้อยมาก และไม่เคยขึ้นมาก่อน
ความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อระบบ HLR ไม่ตอบรับข้อมูลเมื่อลูกค้าเริ่มโทรเข้า-ออก จึงทำให้ขาดการติดต่อสื่อสาร ในสถานการณ์ดังกล่าวเมื่อโทรไม่ติด ลูกค้าจะโทรซ้ำหลายๆ ครั้ง ทำให้การสื่อสารแทบจะโทรไม่ได้เกือบตลอดทั้งวัน
จากข้อผิดพลาดดังกล่าวดีแทคชดเชยเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการไม่เก็บค่าบริการลูกค้าเป็นเวลา 48 ชั่วโมงเริ่มจากวันอังคารที่ 20 ตอนเที่ยงไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 22 ตอนเที่ยง
ดามพ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค กล่าวยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากคน แต่เป็นปัญหาเทคนิคที่ต้องสอบสวนกันต่อไป ดังนั้นในช่วงเวลานี้บริษัทจะหยุดการย้ายระบบเก่าไปสู่ระบบใหม่เป็นการชั่วคราวซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด
ความน่าตื่นเต้นของดีแทคนอกจากเรื่องการโทรไม่ติดแล้ว เมื่อกลางเดือนธันวาคม บอร์ดได้อนุมัติเงินจำนวน 3.9 หมื่นล้านบาทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นพิเศษ ในอัตราหุ้นละ 16.46 บาท จำนวน 2,367,811,000 หุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมของบริษัท
เหตุดังกล่าวมีการวิเคราะห์หลายๆ ทาง เช่น ผู้ถือหุ้นต่างชาติอาจต้องการลดสัดส่วนหุ้นที่มีอยู่ในน้อยลงเพื่อเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เป็นคนไทยถือเพิ่มขึ้น เพราะกฎหมายใหม่ด้านสื่อสารโทรคมนาคมที่กำลังอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ได้กำหนดการถือหุ้นของต่างชาติ
การจ่ายเงินปันผล ทำให้ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (Long-term Local Currency Issuer Default Rating) ของดีแทค ‘BBB-’ จาก ‘BBB’
การปรับลดอันดับเครดิตเป็นผลมาจากการที่ดีแทคได้ประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและหนี้สินดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับอ้างอิงของฟิทช์ในการพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของบริษัท
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ดีแทคได้ประกาศจ่ายเงิน ปันผลพิเศษจำนวน 38.9 พันล้านบาท ซึ่งจะจ่ายในวันที่ 12 มกราคม 2555 การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทอาจต้องมีการลงทุนในโครงข่าย 3G ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ถึงแม้ฟิทช์คาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลประกอบการที่แข็ง แกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การจ่ายเงินปันผลพิเศษ ที่สูงและค่าใช้จ่ายสำหรับค่าธรรมเนียมของใบอนุญาต 3G ที่สูง อาจทำให้อัตราส่วน FFO-adjusted net leverage ของบริษัทเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 1.7 เท่า ณ สิ้นปี 2555 จากสถานะเงินสดสุทธิ (เงินสดมากกว่าหนี้สิน) ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2554 นอกจากนี้การลงทุนก่อสร้างโครงข่าย 3G ที่สูงในช่วงปี 2556-2558 อาจทำให้อัตราส่วน FFO-adjusted net leverage ของบริษัทคงอยู่ที่ระดับประมาณ 2.0 เท่า ในช่วงดังกล่าว
ปีนี้ดีแทคคงมีช่วงเวลาท้าทายอย่างมากในทุกๆ ด้านน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
|
|
|
|
|