
แม้ประเมินกันว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหาร โดยตลาดอาหารที่มีมูลค่าประมาณ 1.95 แสนล้านบาท ตกลงกว่า 40% หรือหายไปกว่า 78,000 ล้านบาท ประเมินจากร้านอาหารทั่วไปที่มีจำนวนกว่า 250,000 ร้านทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมกว่า 40-50% เป็นร้านอาหารในกรุงเทพฯ กว่า 1 แสนร้าน ซึ่งในจำนวนนี้สมาคมภัตตาคารไทยคาดการณ์มีร้านอาหารขนาดใหญ่ได้รับความเสียหาย ประมาณ 1,000 ร้าน คิดเป็นมูลค่าทางธุรกิจรวมกับเม็ดเงินที่ต้อง ใช้ซ่อมแซมร้านมากกว่า 7,000 ล้านบาท
ประสิทธิ์ ปรีชาเฉลียว กรรมการผู้จัดการ ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ ประจำประเทศไทยและประเทศเวียดนามกล่าวว่า ปัญหา น้ำท่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของธุรกิจอาหารที่เห็นได้ ชัดเจน 3 ประการ คือ 1. ราคาต้นทุนและวัตถุดิบที่ขยับตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมะนาว มะขามเปียก ผักสดต่างๆ มีราคาเพิ่มขึ้น 50-300% เนื่องจากผู้ผลิตต่างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ผู้ประกอบการอาหารทั้งรายใหญ่และรายย่อย รวมไปถึงเจ้าของร้านรถเข็นแผงลอยที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 50,000 แห่ง ต้องหามาตรการในการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ยืดเยื้อกินเวลานานกว่า 2 เดือน สร้างความเสียหายให้กับร้านอาหาร รถเข็น แผงลอย โรงอาหารของโรงเรียน ทำให้ผู้ประกอบการต้อง มีภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบูรณะร้านค้า แบบไม่ทันตั้งตัว
และ 3. ผู้บริโภครัดเข็มขัด การบริโภคนอกบ้านลดลง รายได้ของร้านค้าหดตัว โดยพื้นที่ที่ประสบภัยครอบคลุมกว่า 65 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นฐานสำคัญของผู้บริโภคที่นิยมทานข้าวนอกบ้าน ส่งผลต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ต้องรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช้จ่ายกันมากขึ้น ลดการใช้สินค้าฟุ่มเฟือยหรือการใช้บริการเพื่อความสะดวกสบายต่างๆ รวมถึงการรับประทานอาหารนอกบ้าน เนื่องจากต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านเรือน ประกอบกับความกังวลถึงค่าครอง ชีพที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารแบบครบวงจรโดยตรงภายใต้ แบรนด์ “คนอร์” “รสทิพย์” และ “เบสท์ฟู้ด” ประกอบด้วย 5 กลุ่ม คือ กลุ่มสต๊อกน้ำซุป เครื่องปรุงรสอาหาร ซอสปรุงรส มายองเนส และกลุ่มเบเกอรี่ ต้องเร่งเข้ามาร่วมฟื้นฟูร้านอาหารแบบจัดเต็ม
เพราะหากร้านอาหารเหล่านี้ฟื้นตัวช้า นั่นย่อมหมายถึงรายได้ของยูนิลีเวอร์ที่สูญหายไปด้วย
จึงเป็นที่มาที่ไปของโครงการ “ช่วยด้วยใจ ให้ไทยอิ่มคุ้ม” เพื่อฟื้นฟูกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจอาหารรายย่อยอย่างครบวงจร ทั้งด้านสภาพแวดล้อมในการทำมาค้าขาย ตลอดจนการสร้างบรรยากาศที่สดใสให้ประชาชนกลับมารับประทานอาหารนอกบ้านอย่างมีความสุขตามปกติผ่าน 4 กิจกรรมหลัก
เริ่มจากกิจกรรมทำความสะอาดใหญ่ แบ่งเป็น “ตลาดนี้อิ่มสะอาดกับคนอร์ รสทิพ” เป็นกิจกรรมมาร์เก็ตคลีนนิ่งเดย์ทำความสะอาด 4 ตลาดสดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ได้แก่ ตลาดบางแค บางใหญ่ บางบัวทอง พงษ์เพชร โดยยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ ได้ร่วมมือกับเขตต่างๆ พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ร่วมกันทำความสะอาดตลาดครั้งใหญ่ตามหลัก สุขาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุข
ตามด้วยกิจกรรม “ถุงทำมาค้าขาย” มอบถุงดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์คนอร์ รสทิพ ผงมะนาว และผลิตภัณฑ์ในเครือจำนวน 2,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้า สร้างขวัญ และกำลังใจให้ผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้นำไปเริ่มต้นธุรกิจขายอาหารต่อไป
ถัดมาเป็นกิจกรรมให้ความรู้ด้านสุขาภิบาลและโภชนาการ โดยส่งทีมเชฟและนักโภชนาการ นำชุดข้อมูลให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย และโรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกี่ยวกับการประกอบอาหารที่ถูกสุขลักษณะหลักน้ำท่วม ตลอดจนการจัดอาหารกลางวันให้มีโภชนาการเต็มร้อยสำหรับเด็กนักเรียน
ปิดท้ายด้วยกิจกรรมเขย่าอารมณ์ยิ่งกว่า “ธงฟ้า 20 บาท” เพราะยูนิลีเวอร์อัดแคมเปญ “อิ่มคุ้มทั่วตลาด อร่อย 10 บาทเพื่อคนไทย” โดยจับมือ 5 ตลาดนัดทั่วกรุงเทพฯ แจกคูปองอาหาร จานละ 10 บาท รวม 30,000 จาน ให้ประชาชนนำมาใช้ซื้อในร้านค้ากว่า 1,000 แห่งในตลาดที่ร่วมรายการ ได้แก่ ตลาดละลาย ทรัพย์สีลม ตลาดซันทาวเวอร์ ตลาดโชคชัยสี่ ตลาดภัทระ และตลาดการกีฬาแห่งประเทศไทย
สถานการณ์ตลาดช่วงปีใหม่ฟื้นหรือไม่ นี่แค่บททดสอบขั้นแรกเท่านั้น
|