“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งชอบใส่หมวกสีแดง...” นอกจาก “หนูน้อยหมวกแดง” ยังมีนิทานจากทางยุโรปอีกหลายเรื่องที่เด็กไทยเคยรับฟัง แต่ใครเลยจะคิดว่า จากโลกนิทานของ “เด็กหญิงสุรินทร์” เมื่อ 30 กว่าปีก่อน จะกลายเป็นที่พักเล็กๆ ที่ทำให้เด็กสาวหลายคนหลงใหลในวันนี้

จากภายนอกที่ดูเป็นตึกแถวธรรมดา แต่ทันทีที่ก้าวเข้าไปใน โรงแรมเล็กๆ ที่ชื่อ “The Colored House” ภาพเพนต์สีที่สวยงาม อลังการราวกับหลุดเข้าไปอีกโลก ทำให้ผู้มาเยือนแทบจะลืมความ เป็นห้องแถวไปได้ในทันที

ภาพเพนต์สีอะคริลิกในทัศนียภาพท้องทุ่งตามแบบชนบทยุโรป พร้อมด้วยทะเลสาบ บ้านฟาร์ม และโรงนาที่เขียนประดับไว้รอบผนังห้อง ทำให้สาวๆ หลายคนจินตนาการไปถึงบรรยากาศ ทางเดินไปบ้านคุณยายของหนูน้อยหมวกแดง ซึ่งบรรยายไว้ในนิทานว่า อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและท้องทุ่งที่สวยงาม ...เช่นเดียว กับจินตนาการที่เกิดขึ้นกับเจ้าของที่พักแห่งนี้

“เมื่อวัยเด็ก คุณพ่อชอบซื้อหนังสือนิทานมาให้อ่านเป็นจำนวนมากทั้งของไทยและต่างชาติ ส่วนตัวประทับใจและชื่นชอบ ภาพวาดในนิทานของตะวันตกอยู่หลายเรื่อง เช่น ภาพวาดบ้านฟาร์มที่มีปล่องควันจากเตาผิง และภาพเครื่องใช้ที่ดูแปลกตา ทุกครั้งที่ได้อ่านก็จะจินตนาการเสมือนว่าตัวเองได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศในนิทานเหล่านั้น” สุรินทร์ ธูปพนม เล่าแรงบันดาลใจ อันเป็นที่มาของเอกลักษณ์ของที่นี่

จากโลกนิทานในวัยเด็กของสุรินทร์กลายเป็นไอเดียให้เธอใช้งานเพนต์สีเป็นจุดขายหลักของโรงแรมแห่งนี้ เธอเชื่อว่า ภาพเขียนสีมีพลังดึงดูดความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ให้หลุดเข้าไปอยู่ในโลก แห่งจินตนาการได้เสมอ เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเธอแทบทุกครั้งที่ได้เห็นภาพวาดในนิทาน

หลังจากได้คอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน สุรินทร์เริ่มควานหาศิลปินที่จะมาตอบโจทย์ของเธอด้วยการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต จนได้เห็น ตัวอย่างงานเพนต์ที่ถูกใจจากเว็บไซต์ www.baanchangpaint.com ของศิลปินชื่อ ศราวุธ แซ่ฉั่ว

เนื่องจากสุรินทร์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างตกแต่งโรงแรม เธอกับศิลปินจึงต้องสื่อสารกันผ่านทางโทรศัพท์ อีเมล และโปรแกรมแชตทั้งภาพและเสียง เพื่อถ่ายทอดคอนเซ็ปต์และจินตนาการ รวมถึงแก้ไขแบบร่าง ด้วยการส่งข้อมูลแลกเปลี่ยนกันไปมาอยู่หลายรอบ กว่าจะได้ภาพที่สมบูรณ์ดังที่เห็น

ภาพบรรยากาศในพื้นที่ล็อบบี้ สุรินทร์จำลองเอาอารมณ์ของทิวเขา ทุ่งดอกไม้ ท้องทุ่งนา และบ้านฟาร์มในชนบทของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ระหว่างที่เธอนั่งรถไฟไปนอกเมือง โดยเธอเชื่อว่า ภาพเพนต์บรรยากาศท้องทุ่งเช่นนี้น่าจะช่วยให้แขกที่มาพักรู้สึกผ่อนคลายราวกับได้หลบหนีออก จากสังคมเมืองและสิ่งแวดล้อมที่วุ่นวายได้บ้าง

นอกจากนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดง ภาพเพนต์ รูปเตาผิงที่ห้องหนังสือยังทำให้สุรินทร์หวนนึกถึงนิทานเรื่องเศร้าของเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟที่ทำให้เธอร้องไห้ทุก ครั้งที่ได้อ่าน ส่วนภาพเพนต์ที่หัวเตียงในห้องนอนชั้นบน สุด เธอจินตนาการถึงหัวเตียงนอนของซินเดอเรลลากับเจ้าชายซึ่งได้แต่งงานและครองรักกันอย่างมีความสุขในพระราชวัง

ขณะที่ภาพเพนต์บริเวณบันได รูปหน้าต่างของบ้านที่มองออกไปเห็นทุ่งดอกไม้ พร้อมด้วยภาพเขียนสีเป็นรูปเครื่องใช้ที่วางไว้ริมหน้าต่าง และของประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่แขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ ก็ทำให้เธอคิดถึงบ้านของคนแคระทั้ง 7 ที่มีสโนไวท์คอยช่วยดูแลให้ทุกอย่างเรียบร้อย

นอกจากนี้ยังมีภาพเพนต์รูปดอกไม้นานาชนิดในห้องนอนและภาพเพนต์โลกแห่งท้องทะเลในห้องน้ำที่ช่วยเสริมอารมณ์แห่ง โลกจินตนาการให้แขกที่มาพักเพิ่มขึ้นอีก

The Colored House เป็นโรงแรมบูติกขนาดเล็กพร้อมบริการร้านกาแฟ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดจอมเทียน พัทยา เปิดตัว อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2553 ด้วยจำนวนห้องเพียง 8 ห้อง กระทั่งเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่ห้องชุดสำหรับครอบครัวแล้วเสร็จ เพียงไม่นาน ห้องพักใหม่นี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมากและกลายเป็นอีกไฮไลต์ของที่นี่

จากอดีตพนักงานฝ่ายขายของบริษัทนำเข้าและผลิตอะไหล่เครื่องจักรในโรงงาน สุรินทร์แต่งงานและย้ายไปอยู่กับสามี ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ปลายปี 2547 ปัจจุบันเธอกับสามี ทำงานและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น โดยสามีของเธอมีตำแหน่งเป็น Executive Thai Chef และ Thai Food Consultant ส่วนเธอเป็น Assistant Thai Cook ให้กับบริษัท My Stop ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานในการก่อตั้งและก่อสร้างร้านอาหารบนทางด่วนของสวิตเซอร์แลนด์

เพราะเป็นคนชลบุรีโดยกำเนิด ทุกปีสุรินทร์จึงได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่จังหวัดชลบุรีอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง โดยเมื่อ 3-4 ปีก่อน ระหว่างตระเวนขับรถเก็บข้อมูลพื้นที่แถวนั้นเพื่อเป็นไอเดียสำหรับสร้างธุรกิจเล็กๆ ในเมืองไทย จึงได้เจอกับโครงการตึกแถว อันเป็นที่ตั้งของโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเธอมองว่าอยู่ในทำเลที่ดี เพราะอยู่บนถนนที่ตัดผ่านจากถนนสุขุมวิทเพื่อลงสู่ถนนสายชายหาดจอมเทียน และอยู่ไม่ไกลจากหาดมากนัก

อีกเหตุผลในการสร้างโรงแรมก็เพื่อให้ครอบครัวน้องสาวของสามีได้อยู่พร้อมกันพ่อ-แม่-ลูก จากเดิมที่ลูกสาวตัวน้อยต้องอยู่กับยายที่จังหวัดพิจิตร บวกกับประสบการณ์การทำงานด้านโรงแรมกว่า 10 ปีของน้องสาวสามี สุรินทร์จึงวางใจที่จะมอบ กิจการให้น้องสาวเป็นผู้ดูแลแทน ระหว่างที่เธออยู่ต่างแดน

สุรินทร์หมดเงินไปนับสิบล้านบาทไม่รวมค่าที่ดิน ไปกับการ แก้ไขโครงสร้างห้องแถวและเป็นค่าตกแต่ง รวมถึงการลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวก แม้จะเป็นที่พักเล็กๆ แต่ที่นี่ก็มีสัญญาณ wi-fi ให้บริการทั้งบริเวณล็อบบี้ ร้านกาแฟ และในห้องพัก

ค่าห้องพักมีตั้งแต่ 600 บาท สำหรับห้องเล็ก 800 บาท สำหรับห้องขนาดกลาง (เพิ่มอ่างอาบน้ำและระเบียง) และ 1,000 บาท สำหรับห้องใหญ่ (เพิ่มโซฟายาว) ขณะที่ห้องชุดสำหรับครอบครัว ราคา 3,000 บาท ทั้งนี้ หลังจากปีใหม่ (2555) ค่าห้องพักจะถูกปรับขึ้นอีก 100 บาท

ด้วยความน่ารักของโรงแรมบวกบริการ จริงใจและเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าประทับใจจนหลายคนช่วยกันบอกต่อ เริ่มจากลูกค้ากลุ่มแรกที่เป็นนักเล่นวินเซิร์ฟชื่นชอบที่นี่มาก นำภาพไปโพสต์แนะนำในเว็บไซต์ของเพื่อนฝูง และเว็บไซต์ท่องเที่ยวอย่าง EDTgudie.com จากนั้นไม่นานชื่อ “The Colored House” ก็ปรากฏอยู่ในหลายเว็บไซต์ โดยเฉพาะในกระทู้ pantip ในฐานะที่พักน่ารักๆ ที่น่าบอก ต่อ

สุรินทร์พบว่า ลูกค้ามาพักที่นี่เพราะคำบอกต่อมีสูงถึง 95% และมีนักร้องนักแสดง จากหลายค่ายที่แวะเวียนมาพักที่นี่บ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็มาจากการบอกต่อในหมู่ดารา

“นอกจากตัวเงิน เรายังมีความสุขจากการที่ได้จินตนาการ และได้เลือกสิ่งที่ชอบมาตกแต่งที่พักตามสไตล์ของตัวเราเองอย่างเป็นอิสระ มีความสุขจากการได้กลับไปพักที่พักที่ตนสร้างขึ้นและมีความสุขที่ได้เห็นครอบครัวน้องสาวของสามีอยู่พร้อมหน้า ที่สำคัญ คือความสุขจากการได้เห็นแขกที่มาพักมีความสุขกับทุกสิ่งที่เราคัดสรรมาให้” เธอทิ้งท้าย

แม้จะยอมรับว่าการลงทุนชิ้นแรกนี้นับว่าเป็นเงินก้อนโตมากสำหรับเธอ แต่ด้วยความสุขที่ได้รับกลับมาซึ่งมิอาจตีมูลค่าได้ ...วันนี้ จินตนาการในโรงแรมแห่งใหม่ของสุรินทร์ได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว