|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธนาคารเอชเอสบีซีเผยผลสำรวจคาดการณ์การค้าโลกรายไตรมาสล่าสุด พบว่า ปริมาณการค้าในเอเชียจะเติบโตร้อยละ 96 คิดเป็นมูลค่าเกือบ 14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 และจะเป็นแรงส่งสำคัญให้การค้าโลกเติบโต โดยคาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 73 ในปี 2568 ส่วนอินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีนแผ่นดินใหญ่ ขึ้นแท่นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศ 5 อันดับแรก ซึ่งจะช่วยหนุนให้การค้าโลกขยายตัวจนถึงปี 2568
การค้าในเอเชียคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.8 ต่อปี จนถึงปี 2568 เทียบกับการค้าโลกที่เติบโตร้อยละ 3.8 คาดว่าบริษัทต่างๆ จะต้องเติบโตสอดคล้องในอัตราเดียวกันเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ผลสำรวจทางการค้าของเอชเอสบีซียังระบุถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้า สะท้อนความเชื่อมั่นที่ลดลงของบรรดาผู้นำเข้าและส่งออกในเอเชียอีกด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ค้าในเอเชียลดลง 3 จุด สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ค้าทั่วโลก ที่ลดลง 2 จุดจาก 6 เดือนแรกของปีนี้ บ่งชี้ว่าแม้จะมีนัยของการ เติบโตในระยะยาว ผู้ค้ากลับเห็นว่า ปัจจัยลบที่รุมเร้าเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกในอีก 6 เดือนข้างหน้า
โนเอล ควินน์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายพาณิชย์ธนกิจ ธนาคารเอชเอสบีซีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกระบุว่า การค้าระหว่างประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจในขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอน การค้าระหว่างประเทศเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจ ที่กำลังมองหาช่องทางขยายตัว ขณะที่ระดับความเชื่อมั่นของผู้ค้า ลดลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า บริษัทต่างๆ ต้องรีบเตรียมพร้อมเพื่อขยายตลาดการค้าทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในเอเชียแปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ธุรกิจระหว่างประเทศก็ยังเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ ซึ่งเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่หากบริษัทต่างๆ เริ่มเตรียมการเพื่อสร้างรายได้จากการเติบโตของการค้าโลกตั้งแต่ตอนนี้ อาจจะช่วยลดทอนความเสี่ยงให้น้อยลงได้
เอชเอสบีซีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้าและคาดการณ์การเติบโตระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 41 ในเอเชีย คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวภายใน 6 เดือน แต่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83 คาดว่าปริมาณการค้าระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็อยู่ในระดับทรงตัว การที่อินโดนีเซียกลายเป็นตลาดที่มีความเชื่อมั่นทางการค้าสูงสุดในระดับโลก ธุรกิจการค้าในอินโดนีเซีย และมาเลเซียมองว่ามีแนวโน้มที่สดใสในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นใน 6 เดือนแรกของปีนี้ปรับสูงขึ้น ส่วนธุรกิจการค้าในสิงคโปร์ มีดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้า อยู่ที่ -16 จีนแผ่นดินใหญ่ (-14) และอินเดีย (-11) แสดงถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงมากที่สุด สะท้อนมุมมองในแง่ลบ ในระยะ 6 เดือนของบรรดาผู้นำเข้าและส่งออกในตลาดเหล่านี้
ธุรกิจการค้าในออส เตรเลีย สิงคโปร์ เวียดนาม และจีนแผ่นดินใหญ่ ยังเป็นกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ซื้อ และต้องการจะเรียกเก็บเงินล่วงหน้า หรือร่นระยะเวลา การชำระเงินให้เร็วขึ้นจากคู่ค้า ครึ่งหนึ่งของผู้ค้าทั้งหมดทั่วเอเชีย คาดว่าการขอสินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศจะมีปริมาณคงเดิม ส่วนอีกร้อยละ 40 คาดว่าความต้องการขอสินเชื่อเพื่อการค้าจะเพิ่มขึ้น กลุ่มประเทศจีนจะยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงสุดสำหรับผู้นำเข้าและส่งออกในเอเชีย และการค้าภายในภูมิภาคยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้าขยายตัว
เอชเอสบีซีเปิดเผยว่า เอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นเส้นทางการค้าหลักระหว่างจีนแผ่นดิน ใหญ่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และฮ่องกง และมีการค้าเพิ่มขึ้นกับบราซิล มาเลเซีย อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นผลจากคาดการณ์ล่าสุดว่าสินค้าอาหารทั่วไป และสินค้าเกษตรจะมีความสำคัญมากขึ้น ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกขณะนี้ยังใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่กำลังดีวันดีคืนในสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ยา และสินค้าภาคการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูงอีกด้วย
จีนแผ่นดินใหญ่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และฮ่องกง เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ 5 อันดับแรกของเอเชีย ปริมาณการค้ากับ 5 ตลาดนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอีก 15 ปีข้างหน้า จีนแผ่นดินใหญ่จะยังคงเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ในแง่มูลค่าทางการค้าในปี 2568 โดยมีมูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นจาก 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 เป็นกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 แซงหน้าสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุด เป็นผลจากการค้าสินค้าโภคภัณฑ์และการผลิตที่เพิ่มขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้ จีนจะมีส่วนแบ่งของการค้าโลกคิดเป็น 13% ภายในปี 2568
เส้นทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย จีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐอเมริกา ผลสำรวจระบุว่า มีอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ที่เริ่มมีบทบาทสำคัญ เช่น อินเดีย เวียดนาม พม่า และกัมพูชา ซึ่งกำลังพัฒนาฐานการส่งออกที่แข็ง แกร่งโดยเพิ่มปริมาณสินค้าที่มีมูลค่าสูงในภาคการผลิต เส้นทาง การค้าและคาดการณ์ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการที่เครือข่ายธุรกิจการค้าระดับโลกทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน การค้าระหว่างเอเชียแปซิฟิกและบราซิล คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว (จากมูลค่า 96.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 เป็น 206 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568) จากการค้าถั่วเหลือง ส่วนเส้นทางการค้ายุโรประหว่างเอเชียแปซิฟิกและโปแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ก และมอลต้า ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย
ควินน์ระบุว่า การที่ศูนย์กลางของธุรกิจระหว่างประเทศย้ายจากตลาดพัฒนาแล้วไปยังตลาดเกิดใหม่ บริษัทต่างๆ ที่มุ่งหวังเติบโตธุรกิจจากตลาดการค้าระหว่างประเทศ ต้องมีพันธมิตรธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อเป็นประตูสู่ความสำเร็จ เอชเอสบีซีมีความพร้อมอย่างเต็มที่จะเชื่อมโยงธุรกิจการค้าทั่วโลกด้วยเครือข่ายธุรกิจพาณิชย์ธนกิจที่ครอบคลุมของเรา เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะมีศักยภาพที่ดีที่สุดในการคว้าโอกาสจากการค้าระหว่างประเทศ
|
|
|
|
|