ประเทศไทยต้องพบกับหายนภัยอีกครั้ง หลังจากที่เคยประสบกับเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่ม 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน จนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อ 7 ปีก่อน หายนภัยรอบใหม่ครั้งนี้ มาจากมหาอุทกภัยที่ไล่ท่วมตั้งแต่ภาคเหนือ แล้วไหลลงมาภาคกลางจนถึงปราการด่านสุดท้ายคือกรุงเทพมหานคร

นิคมอุตสาหกรรมอย่างน้อย 6 แห่งจมอยู่ใต้น้ำ มูลค่าความเสียหายเฉพาะหน้าหลายแสนล้านบาท ไม่นับรวมความเสียหาย เสียโอกาสที่จะตามมาอีกไม่รู้เท่าไร

เราคงไม่พูดถึงที่มาของความเสียหาย ว่าเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติ หรือเรื่องการบริหารจัดการ

สิ่งที่น่าเป็นห่วงและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ก็คือการฟื้นฟูประเทศภายหลังจากหายนภัยครั้งนี้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งคงต้องใช้งบประมาณอีกจำนวนมหาศาล

รวมถึงการวางแผนการตั้งรับ หากเกิดหายนภัยครั้งใหม่ขึ้นอีก โดยอาศัยประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้มาเป็นองค์ประกอบในการวางแผน

ประเทศในภูมิภาคนี้ ล้วนต่างเคยเจอกับหายนภัยมาแล้วแทบทุกแห่ง

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งพายุนาร์กีสซัดกระหน่ำปากแม่น้ำอิรวดีสร้างความเสียหายแก่ประเทศพม่าเป็นจำนวนมาก มีประชากรเสียชีวิตและสูญหายรวมนับแสนราย

หลังจากผ่านพ้นหายนภัยได้ไม่นาน พม่าจัดให้มีการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมาถึงการจัดการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนปีที่แล้ว

ความน่าสนใจของพม่า ไม่ใช่เรื่องของการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาภายหลังการเลือกตั้งมากกว่า

เรื่องจากปกของเราได้อธิบายภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวโดยละเอียด

ตัวอย่างของพม่าเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น หลังประเทศต้องประสบกับหายนภัยครั้งใหญ่

เราก็หวังเพียงว่าประเทศไทย จะเป็นไปในแนวทางนั้นด้วยนะครับ

ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์