Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2529
เดอะ เนชั่น "คือไทยมิใช่ทาส"             
 


   
search resources

เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป, บมจ.
Newspaper




หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2514 ภายใต้ชื่อเต็ม ๆ ว่า วอยซ์ ออฟ เดอะเนชั่น" เป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษซึ่งสังกัดอยู่ในเครือเดียวกับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยชื่อ "ประชาชาติ" และ "ประชาชาติรายสัปดาห์"

ในยุคหลัง 14 ตุลาคม 2516 ถึง 6 ตุลาคม 2519 นั้น กลุ่มนี้คือกลุ่มนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหม่ที่แสดงภาพออกมาใหญ่โตมากและสามารถสร้างผลสะเทือนทางความคิดให้กับกลุ่มคน "หัวก้าวหน้า" ในยุคนั้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในอดีต

เดอะเนชั่นเกิดขึ้นมาได้ด้วยผู้ที่ทำหน้าที่เป็นแกนหลัก 3 คน

ธรรรมนูญ มหาเปารยะ อดีตบรรณาธิการข่าวในประเทศของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์

หม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดา กิติยากร (ช่วงนั้นยังใช้นามสกุลบุณยรัตนพันธุ์ของอดีตสามี) อดีตบรรณาธิการข่าวสังคมของบางกอกโพสต์และบางกอกเวิลด์

และสุทธิชัย หยุ่น อดีตบรรณาธิการข่าวในประเทศของบางกอกโพสต์เช่นเดียวกับธรรมนูญ มหาเปารยะ เพียงแต่เป็นรุ่นหลัง

"ตั้งขึ้นมาก็ไม่ใช่ว่าใครมาเป็นนายทุนใหญ่ให้ เรา 3 คนก็อาศัยเพื่อน ๆ เกือบ 200 คน ช่วยกันลงเงิน ยืนโต๊ะ ยืมเก้าอี้ ยืมพิมพ์ดีด แล้วก็ทำออกมาด้วยใจและความคิดสร้างสรรค์จริง ๆ" สุทธิชัย หยุ่น เล่ากับ "ผู้จัดการ"

เดอะเนชั่นเกิดขึ้นมาได้เพราะบางกอกโพสต์แท้ ๆ

หรือหากจะกล่าวให้ลึกลงไปอีกก็คงต้องกล่าวว่า เกิดขึ้นเพราะ "ลูกหม้อ" ทั้ง 3 คนนี้เมื่อทำงานไปเรื่อย ๆ ก็ได้ค้นพบ "ข้ออ่อน" อย่างสำคัญของอาณาจักรบางกอกโพสต์เข้า

พวกเขาพบว่าที่ที่เขาอยู่ไม่พยายามสร้างคนไทยเจ้าของประเทศขึ้นมาทำหน้าที่บริหาร "นาย" ชาวต่างชาติคนหนึ่งจากไปก็มี "นาย" คนใหม่ถูกส่งเข้ามาเจ้าของประเทศก็เป็นมือเป็นเท้าไปเรื่อย ๆ แม้ว่าขณะนั้นกิจการจะก่อตั้งมาแล้วกว่า 20 ปีก็ไม่เคยมีวี่แววว่า เจ้าของบริษัทจะมอบความไว้วางใจให้กับคนไทยแต่ประการใด (ซึ่งปัจจุบันบางกอกโพสต์ก็เปลี่ยนทัศนคติอย่างนี้ไปพอสมควรแล้ว)

ยังพบอีกว่า ข่าวที่นำเสนอนั้น ให้ความสำคัญกับข่าวความเคลื่อนไหวและความเป็นไปภายในประเทศน้อยมาก "คุณเชื่อไหมอย่างตอนที่สงครามเวียดนามยังไม่ยุตินั้น 6 ใน 7 วันข่าวลีดคือคือข่าวสงครามเวียดนาม ข่าวของบ้านเรานาน ๆ จะโผล่ออกมาขึ้นลัดที ซึ่งก็เป็นที่พออกพอใจของฝ่ายปกครองไทยช่วงนั้น คือไม่ต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์ กลายเป็นว่าเจ้าของหนังสือกับฝ่ายบริหารของหนังสือพิมพ์มีความเห็นสอดคล้องกับฝ่ายปกครอง คือเล่นแต่ข่าวต่างประเทศเป็นหลักข่าวข้างในอย่าไปสนใจมาก สนใจแล้วมันจะยุ่ง ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการนำเสนอข่าวอย่างนี้กลายเป็นฝ่ายพนักงานคนไทย" อดีตนักข่าวของบางกอกโพสต์พูดให้ฟัง

และก็ได้พบสัมผัสกับอีกหลาย ๆ ปัญหา "ซึ่งผมพูดเสมอว่าโพสต์ในยุคนั้นคือหนังสือพิมพ์แขกบ้านแขกเมืองที่เผอิญออกตีพิมพ์ในประเทศไทยเท่านั้น" สุทธิชัย หยุ่น สรุปในที่สุด

ที่จริงก็คงมีหลายคนคิดเช่นเดียวกับธรรมนูญ, คุณหญิงสุนิดาหรือสุทธิชัย หยุ่น เพียงแต่หลาย ๆ คนนั้นอาจจะไม่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวอย่างที่ทั้ง 3 คนนี้มีอยู่คือความทะเยอทะยาน อุดมการณ์ของนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหม่และคอนเน็คชั่นบางระดับที่จะช่วยให้ทำกิจกรรมบางสิ่งบางอย่างเป็นชิ้นเป็นอันได้

ซึ่งอย่างน้อย 3 สิ่งนี้มีอยู่ในตัวของทั้ง 3 คนอย่างเห็นได้ชัด

ครั้นเมื่อประกอบกันเข้าก็กลายเป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษฉบับเช้าชื่อ "วอยซ์ ออฟ เดอะ เนชั่น" (ฟังแต่ชื่อก็สื่อไปถึงจุดยืนแล้ว) ประกบแข่งกับบางกอกโพสต์

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่ม "วอยซ์ ออฟ เดอะ เนชั่น" ก็ดึงขรรค์ชัย บุนปานกับสุจิตต์ วงษ์เทศ มาออกหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยชื่อประชาชาติและประชาติรายสัปดาห์โดยฉบับหลังมีธัญญา ผลอนันต์ เป็นบรรณาธิการบริหาร (ออกวอยซ์ ออฟ เดอะ เนชั่นได้ประมาณ 2 ปี ธรรมนูญ มหาเปารยะ ก็เสียชีวิตด้วยมะเร็งที่คอขณะอายุเพิ่งจะ 40 เต็ม)

หนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับได้รับความนิยมจากผู้อ่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากโดยเฉพาะบรรดากลุ่มหัวก้าวหน้าในสังคมนิยมอ่านกันอย่างยิ่ง

"หลัง 14 ตุลาคม 2516 ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นยุคที่เสรีภาพเบ่งบาน ซึ่งก็รวมถึงเสรีภาพด้านการเสนอข่าวสารของหนังสือพิมพ์ด้วย แน่นอนช่วงนั้นกลุ่มนี้เป็นกลุ่มหนึ่งที่ถูกฝ่ายปกครองที่ขวาจัดมาก ๆ มองว่าเป็นซ้ายเหมือนกัน ๆ กับพวกนักศึกษากับกรรมกร เช่นเดียวกับที่กลุ่มพลังประชาธิปไตยอีกหลาย ๆ กลุ่มโดนตั้งข้อหาอย่างจงใจกลั่นแกล้งกัน" นักหนังสือพิมพ์อาวุโสคนหนึ่งให้ข้อคิด

ภายหลังเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 พร้อม ๆ กับการขึ้นมาบริหารประเทศของรัฐบาล "หอย" -ธานินทร์ กรัยวิเชียร หนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับนี้ก็เลยถูกสั่งปิด ห้ามตีพิมพ์เผยแพร่อีกเด็ดขาด

ขรรค์ชัย บุนปาน ต้องหอบหิ้วพลพรรคจากประชาชาติรายวันมาออกประชาชาติธุรกิจและมติชน

สุจิตต์ วงษ์เทศ กลายเป็นเจ้าของโรงพิมพ์

ส่วนคุณหญิงสุนิดากับสุทธิชัย หยุ่น กัดฟันออกหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษต่อไปหลังจากถูกสั่งปิดได้ราว ๆ 1 เดือน

จากชื่อ "วอยซ์ ออฟ เดอะ เนชั่น" ก็กลายมาเป็นชื่อ "เดอะ เนชั่น รีวิว" หัวหน้าหัวใหม่ซึ่งเปลี่ยนตัวบรรณธิการจากสุทธิชัย หยุ่น มาเป็นคุณหญิงสุนิดาแทน

และก็ได้ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดำเนินงานแทนบริษัทเก่า

ชื่อบริษัทบิสซิเนส รีวิว จัดตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2519 ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5 แสนบาท มีพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสุทธิสิริโสภาทรงเป็นหุ้นใหญ่ (หม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดาเป็นพระธิดาพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสุทธสิริโสภา)

การดำเนินงานในช่วงแรก ๆ นั้นก็ทำกันไปได้โดยอาศัยกู้ยืมเงินจากพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสุทธิสิริโสภามา 5 ล้านบาท

"ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ12 ต่อปี มีเงื่อนไขการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยตามกำลังความสามารถและฐานะทางธุรกิจของบริษัท" ผู้ที่ทราบเรื่องดีบอกให้ฟัง

ว่าไปแล้วการล้ม แล้วได้เกิดขึ้นอีกครั้งนั้น ออกจะเป็นคุณมากกว่าโทษด้วยซ้ำไป

"ก็เล่ากันว่าพระองค์หญิงท่านกริ้วมากที่อยู่ ๆ มาแกล้งปิดหนังสือของพระธิดาท่าน พระองค์หญิงนั้นแต่เดิมท่านไม่เข้ามาสนใจเลย แต่พอเกิดเรื่องเช่นนี้ท่านเข้ามาเต็มพระองค์ทันที ฐานการเงินก็ต้องถือว่าหมดห่วงไปได้มาก.." ผู้ที่ทราบเรื่องดีคนเดิมเล่าต่อ

อีกหลาย ๆ ปีก็เลยผ่านไปพร้อม ๆ กับการดีวันดีคืนของ "เดอะ เนชั่น รีวิว"

ในปัจจุบัน "เดอะ เนชั่น รีวิว" ที่เพิ่งจะตัดคำว่า "รีวิว" ออกไปเป็น "เดอะ เนชั่น" เฉย ๆ เมื่อปีเศษที่ผ่านมาเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 52,575,000.00 บาท เรียบร้อยแล้วโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ 39,996 หุ้นก็คือบริษัทโมเดอร์นลิฟวิ่ง (ราคาหุ้นละ 100 บาท บริษัทโมเดอร์นลิฟวิ่งนี้ก็มีหุ้นใหญ่คือพระวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสุทธสิริโสภากับหม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดา กิติยากร)

ซึ่งก็เป็นการปรับเปลี่ยนภายหลังจากเกิด "เลเบอร์ คอนฟริค" ครั้งใหญ่ใน "เดอะ เนชั่น" เมื่อปี 2526

ส่วนสำนักงานใหญ่ก็เพิ่งย้ายจากซอยสุขุมวิท 42 มาที่อาคารโอ่อ่าในซอยแสงจันทร์ (แยกสุขุมวิท 42) เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us