Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2529
สุนทรพจน์วิโรจน์ ภู่ตระกูล "กะเทาะ" หัวใจผู้จัดการมืออาชีพ             
 


   
search resources

ลีเวอร์บราเธอร์
วิโรจน์ ภู่ตระกูล
Advertising and Public Relations




วิโรจน์ ภู่ตระกูล ประธานบริษัทลีเวอร์บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็น "ผู้จัดการมืออาชีพ" แห่งยุคสมัย ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการงาน เป็นที่ยอมรับของวงการ โดยได้รับคำยกย่องสรรเสริญมิขาดระยะ

"...ในวัยเพียง 49 ปี วิโรจน์ ภู่ตระกูล จากคนที่ไม่มีชาติตระกูลผู้ดีเก่า หรือเตี่ยที่เป็นเจ้าสัว เขาได้เดินมาแล้ว 25 ปีกับบริษัทลีเวอร์บราเดอร์ส และจากวันแรกในปี 2522 ที่เขาเริ่มเข้ามาเป็นประธาน เขาได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เริ่มมาเห็นผลในปีสองปีนี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของ "ผู้จัดการ" คนนี้ซึ่งเขาเองก็ได้รับการยอมรับจากจุฬาลงกรณ์ฯ ได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาพาณิชยศาสตร์ให้เขาเมื่อปี 2525 และในปี 2527 รัฐบาลอังกฤษได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น OBE (OFFICER THE ORDER OF THE BRITISH EMPIRE) …" ข้อความข้างต้นตัดตอนมาจาก "ผู้จัดการ" ปีที่ 2 ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 2527 ซึ่งประกาศให้ วิโรจน์ ภู่ตระกูล เป็น "ผู้จัดการแห่งปี" และเป็นหนังสือฉบับแรกที่เห็นความจรัสแสงของวิโรจน์ฯ ตั้ง 2 ปีมาแล้วก่อนใคร ๆ

จนมาถึงวันนี้ 4 สถาบันได้มอบตำแหน่ง "นักการตลาดแห่งปี 2528-2529" แก่วิโรจน์อีก

สถาบันทั้งสี่ประกอบด้วย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ (จีบ้า) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ธรรมศาสตร์ และโครงการการตลาดภาคภาษาอังกฤษธรรมศาสตร์ (เอ็มไอเอ็ม) โดยงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติและมอบโล่อย่างเป็นทางการจัดให้มีขึ้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านนมา ณ ห้องราชมณเฑียร โรงแรมมณเฑียร กรุงเทพฯ

งานนี้แปลกก็ตรงที่อาจารย์มหาวิทยาลัยมากันมาก ดังนั้นเมื่อพบนักการตลาด นักโฆษณาจากวงการเอเยนซี่ฯ การสนทนาจึงเกิดขึ้นอย่างเมามัน อาหารที่เตรียมไว้ COCKTAIL RECEPTION จึงไม่พร่องไปเท่าที่ควร ขณะนั้น "ผู้จัดการ" พยายามแทรกตัวเข้าไปให้ใกล้วิโรจน์มากที่สุด อยากจะฟังเขาสนทนากับเพื่อนฝูงในวงการจะว่ายังไงกันบ้าง ส่วนการสัมภาษณ์นักข่าวนั้นฟังมามากแล้ว

"ผมว่าจะเอาใส่กรอบติดไว้ที่ข้างฝาในห้องนอน เตรียมลูกดอกไว้ด้วย...วันไหนถูกด่ามากจะได้ปาแก้กลุ้ม..." วิโรจน์พูดขึ้นตอนหนึ่ง เข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ในกรอบรูปนั้นคงเป็นคำเยินยอเขาจากหนังสือพิมพ์

อีกตอนหนึ่ง คู่สนทนาคนหนึ่งกล่าวกับวิโรจน์ในทำนองว่าเขาคงเตรียม SPEECH มาเป็นอย่างดี วิโรจน์ก็ล้วงแผ่นกระดาษที่พับไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมา พลางพูดว่า "ตอนแรกก็ต้องว่าตามนี้ก่อน หลังจากนั้นคงกลอนสด..." ว่าแล้ววิโรจน์ก็ยัดกระดาษ 2 แผ่นนั้นเข้าที่เดิม

เวลาประมาณ 19.10 น. สุภัทรา ตันดิสถิกร ผู้จัดการอาวุโส บริษัทอี๊สต์เอเซียติ๊กในฐานะผู้ดำเนินรายการก็ขึ้นเวที เชิญใครต่อใครพูดกันตามวาระ และก็มาถึงอาจารย์อัฉจิมา เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการ เอ็มไอเอ็ม ในฐานะผู้ประสานงานการคัดเลือกนักการตลาดแห่งปีนี้ ขึ้นมากล่าวถึงเหตุผลในการเลือกวิโรจน์ เสียงเธอค่อนข้างเบา ประกอบกับคนในงานประมาณ 100 คนเศษคุยกันเสียงกลบจนแทบจะไม่ได้ยิน

จุดสำคัญของงานวันนี้อยู่ที่ วิโรจน์ ภู่ตระกูล ทุกคนรอคอยฟังวาทะของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง

ผู้ฟังวันนี้มี 3 กลุ่มใหญ่ ๆ อาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งสอนวิชาบริหารธุรกิจ กับบรรดาผู้จัดการอาชีพ อาทิ ธนดี โสภณศิริ สุภัทร ตันติสถิกร อมเรศ ศิลาอ่อน หรือแม้กระทั่งพารณ อิสรเสนา แห่งปูนใหญ่ก็มา แต่น่าเสียดาย 2 คนหลังกลับไปก่อน

อีกกลุ่มหนึ่งคือบรรดานักข่าวซึ่งเป็น "ตัวกลาง" ที่วิโรจน์หวังจะ PROMOTE บริษัทลีเวอร์บราเดอร์ส โอกาสเช่นนี้มือการตลาดเช่นเขาย่อมไม่ปล่อยให้ผ่านไปเปล่าแน่

"ผมรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้ คนส่วนใหญ่ได้รับทราบว่าในปี 2528 ที่ผ่านมาบริษัทลีเวอร์บราเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจของเราเกินเป้าหมายมากพอประมาณ จนกระทั่งพนักงานบริษัทเองกล่าวและพยายามจะเรียกตนเองหรือขนานนามในปี 2528 ว่าเป็นปีทองของบริษัทลีเวอร์บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด.." เขาขึ้นต้นอย่างน่าฟัง

"ปัจจัยของผลงานที่ผมใคร่จะหยิบยกมากล่าวในที่นี้มี 4 ประเด็นใหญ่ ๆ กล่าวคือยอดขายที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่ 950 ล้านนะฮะ...(อาจารย์อัฉจิมาพูดในตอนต้นว่าปี 2528 ยอดขายของลีเวอร์เพิ่มขึ้น 950 ล้านบาท) ประมาณ 1,000 ล้านบาท (หัวเราะ) หรือ 35% ประการที่สอง คือการวางตลาดสินค้าใหม่และสินค้าเก่าที่ปรับแต่งโฉมใหม่อีกรวมทั้งสิ้น 21 รายการ ประการที่สาม ผลงานดังกล่าวข้างต้นได้นำไปสู่ตลาดและประสบความสำเร็จ โดยมิได้ใช้พนักงานเพิ่มขึ้นแม้แต่คนเดียว ซึ่งหมายความว่าการเพิ่มผลผลิตในการทำงานของคนทุกชั้นวรรณะในองค์กรได้เพิ่มขึ้นอย่างสูงมาก ณ ที่นี้บริษัทขอถือโอกาสขอบคุณพนักงานทุกคน และประการที่สี่ ซึ่งผมไม่อยู่ในฐานะที่จะเปิดเผยแต่ขอยืนยันในที่นี้ว่ากำไรของบริษัทสูงกว่าปีกลายในอัตราที่สูงกว่าปีกลายในอัตราที่สูงเกินคาดหรือตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" เสียงหัวเราะของคนฟังดังขึ้นเบา ๆ ในตอนท้ายอย่างมีปริศนา

สุนทรพจน์ของวิโรจน์ตอนต่อไปเริ่มจิกหัวใจผู้จัดการมืออาชีพ "ผลงานของบริษัทในปี 2528 มิใช่เกิดเพราะคนคนหนึ่ง แต่เป็นผลงานของทีมของหมู่คณะซึ่งมีความมั่นใจแน่วแน่ตามที่ได้สาบานตนไว้ว่า อยากที่จะประสบผลสำเร็จในปี 2528 พยายามจะพลิกแผ่นดินว่าคนอื่นเข้าใจว่าเศรษฐกิจซบเซามันจริงหรือเปล่า ถ้าเราเป็นนักวิชาชีพหรือผู้จัดการวิชาชีพจริง ๆ แล้วเราสามารถจะฝ่าฟันอุปสรรคได้มากน้อยสักแค่ไหน ซึ่งในต้นปีไม่มีใครรู้แน่ เราพยายามที่จะพิสูจน์ไม่ลดละถึงขั้นถึงตอน บทบาท และหน้าที่ของผู้จัดการอาชีพที่จะสำแดงฤทธิ์และทำให้เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นว่าเศรษฐกิจถึงแม้มันจะซบเซา ถ้าเราพยายามบางสิ่งบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นก็ได้.."

"ในโอกาสนี้ผมใคร่จะหยิบยกผลงานหรือปัจจัยที่สำคัญเกี่ยวกับความสำเร็จของลีเวอร์ฯ ในปี 2528 มาอธิบายหรือกราบเรียนให้ท่านทั้งหลายทราบ" ตอนนี้เขาคงพุ่งเป้าไปยังผู้จัดการมืออาชีพและอาจารย์สอนวิชาการบริหารธุรกิจทั้งหลาย

"ประการที่หนึ่งซึ่งผมจะจำเป็นบทเรียนไว้จนกระทั่งวันที่ผมสิ้นชีวิต นั่นก็คือความแน่วแน่ที่จะบรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ โดยพนักงานในบริษัททุกคน ทุกชั้นวรรณะในองค์กร ไม่ใช่แต่ฝ่ายจัดการถือเอกเทศอย่างตัวเองเป็นเทวดาเดินดิน แต่ทุกคนมีบทบาทที่ก่อเกิด COMMITMENT ให้บริษัทก้าวไปสู่เป้าหรือจุดประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ ประการที่สอง ซึ่งผมจะจดจำเอาไว้มากทีเดียว คือความคิดสร้างสรรค์ในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนคือ DYNAMIC เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ชั้นวรรณะรายได้ ภาษี ในฐานะที่เราเป็นผู้จัดการอาชีพ ก็พยายามจะตอบสนองความต้องการนั้นด้วยต้นทุนที่ถูกที่สุดที่จะเป็นไปได้ ซึ่งผมคิดว่าในปี 2528 เป็นปีที่มีการโฆษณา ตัดราคา ลดแลกแจกแถม มากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ในประวัติศาสตร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา..."

ถึงตอนนี้วิโรจน์จู่โจมผู้มีปริญญา MBA พ่วงท้ายอย่างฉับพลัน "ประการที่สาม ซึ่งเป็นการปรับหรือปลุกระดมคนในองค์กร MBA อาจจะสอนอะไรหลายอย่าง แต่ผมเชื่อแน่ว่าไม่มีที่ไหนหรือใครสอนได้คือเรื่อง HUMAN DYNAMIC คือจะปลุกระดมให้คนทำสิ่งต่าง ๆ เกินกว่าขอบเขตเหตุผลของธุรกิจธรรมดา... ในวันที่ 28 ธันวาคมปีที่แล้วบริษัทตระหนักดีเหลือเกินว่าสิ่งที่พนักงานทุกคนในองค์กรได้ประสบความสำเร็จเกินคาด บริษัทจึงมอบของที่จารึก ก็คือเหรียญทองหนักสองสลึง ประธานบริษัทได้หนึ่งเหรียญ คนกวาดถนนในบริษัทก็ได้หนึ่งเหรียญ ทุกคนทุกชั้นวรรณะเหมือนกัน เป็นโอกาสที่จะรวบรวมพลังของคนทั้งหมดว่าเราจะมาทำงานร่วมกัน ตามเป้าที่ตั้งเอาไว้และเราได้เกินเป้าที่ตั้งเอาไว้สมควรแล้วที่จะจารึกในเกียรตินี้ ผลดีก็มีต่อมา คือว่าพนักงานทุกคนบอกนายปีนี้ได้เหรียญปีหน้าขอสร้อยได้ไหม (หัวเราะ) ผมก็เลยว่าอยากจะได้สร้อยต้องขายเกินกว่า 1 พันล้าน ถ้าขายเกินกว่าหนึ่งพันล้าน ผมคิดว่าสร้อยผมก็ไม่วิตกเท่าไหร่..."

และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้าย.." แต่ก่อนที่ผมจะจบท่านสุภาพสตรี สุภาพบุรุษที่เคารพในฐานะที่ผมเป็นผู้จัดการอาชีพ ผมไม่ได้เป็นเถ้าแก่ ผมไม่ได้เป็นเจ้าสัว ผมเป็นคนธรรมดาทำมาหากินโดยอาศัยหลักวิชาการของการจัดการมาประกอบธุรกิจในยุคสมัยของคนปัจจุบันนี้ และผมขอที่จะใช้เวลา สติปัญญา ความสามารถเท่าที่มีอยู่ พยายามที่จะส่งเสริมและยกระดับ มาตรฐาน ผลงาน ตลอดจนอุดมการณ์ผู้จัดการอาชีพให้สูงขึ้นไปกว่านี้ เท่าที่ผมจะทำได้ ขอขอบคุณ"

นี่เรียกว่าคัดลอกคำต่อคำเพื่อคงสีสันของสุนทรพจน์ วิโรจน์ ภู่ตระกูล ไว้อย่างเต็มที่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us