เวลานัดแถลงข่าวของสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ กำหนดไว้ 15.30 น. ของวันศุกร์ที่
28 มีนาคม 2529 อันเป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารแหลมทอง มีผู้สื่อข่าวจากสื่อมวลชนฉบับต่าง ๆ ไปนั่งรออยู่กว่า 30 คน เนื่องจากวันนั้นไม่ใช่เพียงการประชุมปกติธรรมดาของธนาคารแหลมทอง
เพราะก่อนหน้านี้ สุระ จันทร์ศรีชวาลา กรรมการคนหนึ่งของธนาคาร ประกาศว่าจะมีการขอมติจากผู้ถือหุ้นเพื่อปลดสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
นั่งรอกันจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีกการประชุมก็สิ้นสุดเอาเมื่อ เวลา 16.35
น. และเจ้าหน้าที่ของธนาคารก็บอกให้เข้าไปนั่งฟังการแถลงข่าวในห้องที่เพิ่งประชุมผู้ถือหุ้นไปหมาด ๆ บรรยากาศในการแถลงของสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ โดยเฉพาะช่วงตอบคำถามเรียกได้ว่าแปลกพิสดารไม่น้อย
จึงอยากนำมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านของเราชนิดคำต่อคำ
ผมขอเริ่มเรื่องเลยนะครับ... วันนี้การประชุมใหญ่มีนายสันต์ อัครานุเคราะห์ เป็นประธานกรรมการและประธานในที่ประชุม
มีจำนวนผู้ถือหุ้นที่ประชุมด้วยตนเองและผู้ถือใบหุ้นตามใบมอบฉันทะจำนวนทั้งสิ้น
3,930,991 หุ้น จากหุ้น 4 ล้านหุ้น
การประชุมได้ดำเนินไปตามระเบียบวาระทุกประการ เมื่อถึงวาระเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ออกตามวาระ 4 คนและอีก 1 คนเพื่อแทนกรรมการที่ออกก่อนวาระ ที่ประชุมก็ได้มีมติเลือกกรรมการที่ออกตามวาระทั้ง 4 คือคุณหญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ นายอภิวัฒน์ นันทาภิวัฒน์ นายสันต์ อัครานุเคราะห์
นายปิยะ ภิรมย์ภักดี และคุณชนัตถ์ ปิยะอุย (แทนพยัพ) ศรีกาญจนา ประธานกรรมการคนเก่าที่ลาออกก่อนครบวาระ)
จากนั้นก็ไปถึงระเบียบวาระของกลุ่มผู้ถือหุ้นนายสุระ ซึ่งได้ขอมา กรรมการก็เอาขอเสนอต่อที่ประชุม...
เขาขอมา 4 ข้อนะครับ ข้อแรกจำแนกหุ้นที่ออกโดยขัดต่อกฎหมาย และยกเลิกใบหุ้นเหล่านั้น
ห้ามมิให้บริษัทยอมรับการใช้สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นเหล่านั้น (หุ้นกลุ่มวานิช
ไชยวรรณ) เขาอ้างกฎหมายอาญาที่ธนาคารแพ้อยู่ในศาลต้นว่าไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวน
ซึ่งความเป็นจริงนั้นยังเป็นความเพิ่งแค่ศาลต้น ธนาคารกำลังอุทธรณ์และคดียังไม่ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม เรื่องถึงจะมีผลสิ้นสุดก็เพียงแค่ลงโทษปรับธนาคารไม่เกิน 1 แสนบาท
ส่วนความผิดที่เกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้น หรือหุ้นเป็นโมฆะนั้นไม่มี เป็นความผิดที่ว่าออกหนังสือชี้ชวนหรือไม่ออกเท่านั้น
เขาบอกว่าต้องออกแต่เราไม่ได้ออก ก็เป็นเรื่องที่ศาลต้องตีความกันต่อไป แต่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวหุ้นเลย
เพราะฉะนั้นที่เขามาอ้างคำพิพากษาอาญาทางกฎหมายนั้นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จึงไม่เห็นด้วย
และเสียงจากจำนวนผู้ไม่เห็นด้วย 2,271,190 ส่วนกลุ่มของคุณสุระที่ลงเห็นด้วย
1,659,768
เช่นเดียวกันกับในวาระที่สอง... พิจารณาผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายในการรับจองหุ้นในการออกหุ้นดังกล่าว
ปรากฏว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ให้สัตยาบรรณในการประชุมใหญ่ในวันที่ 30 มีนาคม
25527 เกี่ยวกับการกระทำของกรรมการดังกล่าวแล้ว... ลงมติรับรองแล้ว จึงไม่มีความผิดเป็นการส่วนตัวของใคร
ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่เห็นเป็นจริง ... ถ้าจะพูด...(เสียงอ้อมแอ้ม)
ธนาคารต้องรับไป หมายความว่าถ้าคดีอาญาถึงที่สิ้นสุดอย่างไร หากศาลจะลงโทษปรับก็เป็นเรื่องที่ธนาคารต้องจ่าย
ไม่ใช่กรรมการ หรือใคร การลงคะแนนเสียงก็ได้ผลรับจำนวนเดียวกัน
สาม พิจารณาออกหุ้นใหม่แทนหุ้นที่เสียไปเพราะการทำผิดกฎหมาย อันนี้เมื่อวาระหนึ่งตกไปแล้ว
หุ้น 2 แสนหุ้นนั้นเป็นหุ้นที่ถูกต้อง... ผู้ถือหุ้นยืนยันว่าถูกต้องจึงไม่มีการพิจารณา
ไม่มีผลต่อการพิจารณา
วาระที่ 4 พิจารณาถอดถอนตัวผมออกจากคณะกรรมการของบริษัท ก็ได้มีท่านผู้ถือหุ้นและกรรมการชี้แจงให้ความสนับสนุนให้ความไว้วางใจว่าผมยังมีความสามารถที่จะดำเนินกิจการได้
และก็ได้ลงคะแนนเสียงยืนยันว่าให้ผมเป็นกรรมการจัดการต่อไปด้วยคะแนนเสียง
2,271,190 เช่นเดียวกัน คนที่คัดค้าน 1,659,184 ... พวกที่อยากให้ผมออกนะครับ...1,659,184
เมื่อหมดวาระทั้ง 4 แล้ว ได้มีผู้ถือหุ้นเสนอว่าการกระทำของนายสุระเช่นนี้
เป็นการกระทำที่ทำให้เห็นว่าเป็นการขัดแย้งแตกแยกในการดำเนินงานของธนาคาร
และเป็นผลเสียหายต่อธนาคาร ฉะนั้นจึงขอให้นายสุระพิจารณาการกระทำของตัว....คือลาออกจากการเป็นกรรมการ
และขณะเดียวก็ได้ขอให้ที่ประชุมลงมติเห็นว่าไว้วางใจนายสุระหรือไม่ไว้วางใจในการเป็นกรรมการ
ที่ประชุมไม่ไว้วางใจการเป็นกรรมการของนายสุระด้วยจำนวนหุ้น 2,271,190ไม่มีผู้ใดลงความเห็นไว้วางใจ
อันนี้เป็นผลของการประชุมวันนี้
ช่วงตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าว
ผู้สื่อข่าว “เดอะเนชั่น” -อยากเรียนถามว่าข้อขัดแย้งจะยุติในวันนี้เลยหรือเปล่า...
สมบูรณ์ - (พูดแทรกขึ้นมาทันที) ไอ้เรื่องนี้... มันยังไม่ยุติหรอกครับ
พวกคุณก็ทราบกันอยู่ว่าเขา.... สุระเขาเขียนไว้ว่าอย่างไร พวกคุณก็ลงกันเองไม่ใช่หรือ ว่าเขาต้องพยายามเข้า....ดำเนินการ “เทคโอเวอร์ หรือบริหารแบงก์ต่าง ๆ ในปีนี้ พวกคุณเป็นคนลงนี่ (เสียงห้วน ๆ
เหมือนโกรธ) คุณน่าจะถามตัวคุณเองซิ (ผู้สื่อข่าวเริ่มมองหน้ากันด้วยความอึดอัดใจ
เพราะอยู่ในข่าย “พวกคุณ” ทั้งหมดไม่มีจำแนก)
คุณน่าจะไปถามตัวเองว่าคุณได้ข่าวมาจากเขายังไง แล้วเมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้แล้วเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร...ผมไม่ทราบ
แต่ผมมีหน้าที่บริหารงานของธนาคาร ผมต้องไปคิดเรื่องอื่น ส่วนที่เขาจะทำอะไรต่อไปก็เป็นเรื่องของเขา
แต่คุณเป็นคนลงมันนี่... ว่าเขาจะยึดแบงก์ (อ้าว!) เขาจะไปถือหุ้นใหญ่..ให้มืออาชีพอย่างโน้นอย่างนี้อะไรต่าง ๆ พวกคุณเป็นคนลงกันทั้งนั้นนี่ (ไพศาล พืชมงคล ทนายความของธนาคารแหลมทอง ที่ร่วมแถลงข่าวด้วยขยับตัวอย่างอึดอัด ชำเลืองมองหน้าสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์) คุณก็น่าจะถามเขาเองสิ.. ไม่ใช่ผมที่จะต้องตอบปัญหาของคุณในเรื่องนี่
ผู้สื่อข่าว “เดอะเนชั่น” - ที่เรียนถามก็ในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการผู้จัดการ
ก็อาจจะมีส่วนที่ต้องไกล่เกลี่ยหรือยุติหรือข้อขัดแย้ง เพราะมีผลต่อภาพพจน์ของแบงก์เอง
ดิฉันคงไม่ได้มีเจตนาอื่นนอกเหนือจากนี้
สมบูรณ์ - ภาพพจน์ของธนาคารนั้น หนึ่งก็อยู่ที่ความจริง สอง อยู่ที่พวกคุณมีส่วนที่จะทำให้ภาพพจน์ของธนาคารดีขึ้นหรือเลวลง
ความจริงหมายความว่าอย่างไร? ก็คือการทำงานของธนาคาร ฐานะการเงินของธนาคาร
การดำเนินงานของธนาคารเป็นอย่างไร? เรียบร้อยแค่ไหน... มีอุปสรรคอย่างไร
อันนี้เป็นความจริง ซึ่งผมได้เรียนว่า การดำเนินงานของธนาคารเป็นไปได้โดยเรียบร้อยทุกอย่าง
ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ลูกค้าทั้งหมดก็ยังให้ความไว้วางใจ ฉะนั้นนี่คือความจริง
ส่วนที่ภาพพจน์จะเป็นไปในทางลบ ว่าทะเลาะกันอะไรต่าง ๆ นี้ อันนี้ผมก็ถือว่าเป็นเรื่องของพวกคุณ
(อ้าว) คุณก็มีอิทธิพล มีอำนาจปากกาจะเขียนอย่างไรคุณก็ทำได้ ฉะนั้นมันสุดแต่คุณ
(อ้าว!) คุณก็ได้ฟังคำแถลงวันนี้แล้วว่าแบงก์จะเป็นอย่างไร ผมว่าอยู่ที่พวกคุณมากกว่า
ที่คุณถามว่าจะทำกันต่อไปอย่างไร หรือจะดีกันอะไรต่างๆ ผมก็ขอบอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นผมเป็นกรรมการจัดการที่นี่ ผมก็ทำงานที่นี่
รับใช้ผู้ถือหุ้นที่เขามอบความไว้วางใจ คณะกรรมการที่ได้รับความไว้วางใจ เราก็ทำตามความคิดเห็นของเรา
ส่วนใหญ่เห็นว่าอย่างไรถูกต้องเราก็ทำอย่างนั้น...จบกัน
ผู้สื่อข่าว “ผู้จัดการ” ไม่ทราบว่าวาระไม่ไว้วางใจคุณสุระได้รับการบรรจุก่อนหน้าการประชุมครั้งนี้หรือเปล่า
สมบูรณ์ -เปล่าครับ...เป็นเรื่องอื่น ๆ ที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์เสนอเรื่องอื่น ๆ ให้พิจารณาได้
ผู้สื่อข่าว “ผู้จัดการ” - ผลทางปฏิบัติจะมีขึ้นอย่างไร?
สมบูรณ์ -ไม่มี.. ไม่มีผลทางปฏิบัติ เพียงแต่เท่ากับแสดงออกมาว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ไม่ชอบการกระทำของสุระ
ผู้สื่อข่าว “แนวหน้า” -ในกรณีที่มีการถอดถอนกรรมการคือคุณสุระออกไปมีการคัดค้านจากกรรมการคนอื่นหรือเปล่า
สมบูรณ์ - เราไม่ได้ถอดถอนใครนะครับ ผู้ถือหุ้นไม่ได้ถอดถอนใครนะครับ ผู้ถือหุ้นไม่ได้ถอดถอนใคร
เพียงแต่ผู้ถือหุ้นมีความไม่ไว้วางใจ แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติของนายสุระไม่ถูกต้อง
ทำให้ธนาคารเสียหาย เท่ากับเป็นการแสดงออกของผู้ถือหุ้นว่าไม่ไว้วางใจ
คือให้คุณสุระพิจารณาตัวเอง
ผู้สื่อข่าว “แนวหน้า” ให้เวลาในการพิจารณาเท่าไหร่
สมบูรณ์ - อันนี้เราไม่กำหนดครับ เป็นเรื่องปล่อยให้คุณสุระ...
ผู้สื่อข่าว “สยามรัฐ” - ที่ว่าการกระทำของคุณสุระมีผลต่อภาพพจน์ของธนาคารนั้นเป็นอย่างไร
สมบูรณ์ - คุณมองไม่เห็นความเสียหายหรือครับ... อย่างน้อยการแตกแยกกันนี่แสดงว่าตัวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวมันก็เป็นเรื่องเสียหายคือธนาคารนี้เราถือตามนโยบาย....
โดยเฉพาะผมนี่ถือนโยบายกระทรวงการคลังเป็นหลัก เรากระจายหุ้น เมื่อก่อนนี้ครอบครัวผมมีหุ้น
60 เปอร์เซ็นต์ของธนาคารนี้ เดี๋ยวนี้เหลือเพียง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ เพราะเรากระจายหุ้นออกไปเรื่อย ๆ ตามนโยบาย
แต่ขณะเดียว.... คุณสุระมาจากไหน จึงมาอ้างมีสิทธิ์ในการครอบครอง พยายามที่จะควบคุมแบงก์
โดยการซื้อหุ้นใหญ่ อันนี้มันถูกหรือเปล่าล่ะ
ไพศาล พืชมงคล - (ทนายความ ของ ธ. แหลมทอง ) อยากจะเสริมนิดหนึ่งคือว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมานั้น เกิดขึ้นหรือไม่เพียงใดนั้นความจริงธนาคารก็อยากจะพูด แต่เนื่องจากการประกอบการธนาคารมีกฎหมายห้ามพูดในเรื่องนี้...
พูดไม่ได้ ลำบากจริงๆ อยู่ตรงนี้ครับ หากเป็นบริษัทเอกชนธรรมดาอาจจะพูดได้ว่าได้มีการทำอะไรให้เสียหายเพียงใด
ผู้สื่อข่าว “ผู้จัดการ”- ถ้าคุณสุระไม่พิจารณาตัวเอง จะมีการให้ออกจากคณะกรรมการไหมครับ
สมบูรณ์ - อันนี้สุดแล้วแต่คณะกรรมการ ไม่ใช่ตัวผม พวกคุณเวลาลงหนังสือพิมพ์ก็มักจะลงว่าผมกับนายสุระซึ่งความจริงนั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างผมทำในนามของคณะกรรมการ คณะกรรมการมีมติ ผมไม่ได้ทำด้วยตัวของผมเอง
แต่คุณ (อ้าว!) ก็พาดหัวว่าผมกับนายสุระ เพราะฉะนั้นทุกคนก็เลยคิดว่าอะไรทั้งหมดนี่...อย่างโน้นอย่างนี้กับผมทั้งนั้น
แต่ความจริงเป็นมติกรรมการ อย่างวันนี้ผมถึงให้เห็นว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นเขาได้แสดงชัดเจนว่าเขาไม่ไว้วางใจนายสุระ
เขาออกเสียงตั้ง 2 ล้านกว่าหุ้น...หุ้นผมเองมีเท่าไหร่ ตัวผมเองมี (ชะงักไปนิด)
ไม่เท่าไหร่ ฉะนั้นลำพังผมเองผมไม่มีปัญหาหรอกที่จะลงทุน 2 ล้านกว่าหุ้น
ก็แสดงว่าเป็นเรื่องของส่วนรวม ไม่ใช่เป็นเรื่องของผม ขอให้เข้าใจไว้ด้วย
ผู้สื่อข่าว “ผู้จัดการ” -ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้แสดงเหตุผลอะไรไหมครับ
ในการไม่ไว้วางใจคุณสุระ
สมบูรณ์ - ผมได้เรียนไปแล้วครับว่าเขาไม่พอใจ เพราะทำให้เกิดการแตกแยก
แตกร้าวในหมู่กรรมการ เพราะมีที่ไหนบ้างที่มีการถอดถอนขับไล่กรรมการด้วยกัน
เขาก็เป็นกรรมการคนหนึ่งแต่เขาก็ยื่นมติถอดถอนกรรมการ อย่างนี้ก็แสดงว่ามีการแตกร้าว
และการแตกร้าวนี่มันเป็นผลเสีย...นี่ข้อแรก
ข้อที่สอง ในการที่เขาแสดงตัวตามหัวข่าวของคุณตลอดเวลา (อ้าว) เมื่อกี้ผู้ถือหุ้นเขาก็เอามาอ่าน
ซึ่งผมก็ไม่ได้เก็บเอาไว้ ก็มีตั้งหลายฉบับ ประชาชาติธุรกิจ มติชน ...อะไรตั้งเยอะแยะพาดหัว....ไทยรัฐบ้างอะไรบ้าง
ว่าคุณสุระจะ “เทกโอเวอร์” ภายในปีนี้จะเปลี่ยนผู้บริหารใหม่...
อะไรอย่างนั้น อย่างนี้ ไอ้สิ่งเหล่านี้สิครับที่เป็นความเสียหาย เพราะคนที่เขาจะมาติดต่อกับธนาคาร
เขาไม่รู้ว่าจะติดต่อกับใคร เดี๋ยวจะมีการเปลี่ยนแปลงกันอย่างนี้ นโยบายของแบงก์จะไปที่ไหน
อันนี้สิครับที่เป็นความเสียหาย ผู้ถือหุ้นเขาถือว่าเป็นความเสียหาย ฉะนั้นเขาก็เลยไม่ไว้วางใจ
ผู้สื่อข่าว “สยามรัฐ” -พอจะทราบไหมครับว่าคุณสุระที่เป็นผู้ยื่นมติในวันนี้แล้วทำไมตัวแกไม่มา
สมบูรณ์ - คุณไปถามเขาเองสิครับ ทำไมต้องมาถามผม (เสียงผู้สื่อข่าวหัวเราะ
แต่ไม่ได้ขำเพื่อนนักข่าวด้วยกันหรอกจะบอกให้) ผมก็อยากจะพูดเสียด้วยว่าเขาคุยว่าเขามีคะแนนเสียงมากหรืออะไรต่าง ๆ หรืออย่างที่พวกคุณเคยทึกทักว่ามีเท่าโน้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ (อ้าว!) เปอร์เซ็นต์วันนี้ออกมาชัดเจนว่าเขามีสักเท่าไหร่
คุณลองหารเอาเองสิครับว่าเขามีหุ้นอยู่เท่าไหร่.... ที่เขาอ้างอย่างโน้นอย่างนี้จวนจะครบ
50 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ผู้สื่อข่าว “สยามรัฐ” -อยากจะย้อนไปที่ข้อหนึ่ง หมายความว่าแม้คดีถึงที่สุดแล้ว
ก็ไม่มีผล ไม่มีการยกเลิกใบหุ้นใช่ไหมครับ
สมบูรณ์ - ไม่มีครับ และที่เสียค่าปรับในเรื่องการไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวน
ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังไม่สิ้นสุดเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ศาลต้นพิพากษาให้เสียค่าปรับ
80,000 บาท ธนาคารอุทธรณ์อยู่ จะว่าธนาคารผิดก็ยังไม่ได้ ธนาคารยังไม่ผิด
และที่ปรึกษากฎหมายของธนาคารหลายแห่งเขาบอกว่าธนาคารไม่ผิด
ไพศาล พืชมงคล- ขออนุญาตเสริมสักนิดนะครับ คือการขายหุ้นในขณะนั้นมีกฎหมายยกเว้นอยู่
ฝ่ายหนึ่งก็เห็นว่าการขายหุ้นนั้นจำเป็นต้องออกหนังสือชี้ชวน แต่ฝ่ายกฎหมายของธนาคารเห็นว่าการขายหุ้นในขณะนั้นไม่จำเป็นต้องออกหนังสือชี้ชวนก็เลยเป็นปัญหากัน
คดียังไม่สิ้นสุดว่าต้องออกหนังสือชี้ชวนหรือไม่ แต่เรื่องการออกหนังสือชี้ชวนหากว่าเป็นความผิดก็เป็นเรื่องแค่ปรับธนาคาร
ก็หาได้มีผลต่อหุ้นที่ออกไป ที่ได้จำหน่ายแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ได้รับเป็นหลักทรัพย์แล้วต้องเสียสิทธิ์อะไรไป
ยิ่งกว่านั้นหุ้นเหล่านี้ได้มีการให้สัตยาบรรณกันมาตั้งหลายครั้งได้เคยมีการนำเข้าประชุมใหญ่มาแล้ว
ความสมบูรณ์ของหุ้นเหล่านี้น่าจะมีอย่างครบถ้วน
และเมื่อวานนี้ได้มีผู้ถือหุ้นกลุ่มหนึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้ศาลมีคำสั่งห้ามหุ้นจำนวน 2 แสนหุ้นที่ขายไปในขณะนั้นไม่ให้ออกเสียงในวันนี้ ซึ่งศาลแพ่งก็ได้ไต่สวนฉุกเฉินเมื่อวาน
แล้วก็มีคำสั่งยกคำร้อง อันนั้นก็เป็นการแสดงให้เห็นในเบื้องต้นแล้วว่าหุ้นเหล่านี้มีฐานะเป็นอย่างไร
การแถลงข่าวล่วงเลยมาถึงเวลา 17.05 น. ปรากฏว่าไฟฟ้าในห้องประชุมดับพรึ่บลง
สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ จึงบอกให้นักข่าวรีบถามโดยให้เวลาอีก 5 นาที แต่ทันทีที่สมบูรณ์จะพูดจบ
ไฟฟ้าก็กลับสว่างอีกครั้งหนึ่ง เรียกเสียงเฮลั่นของบรรดาผู้สื่อข่าว
ผู้สื่อข่าว “ธุรกิจการเงิน”- การลงคะแนนวันนี้เป็นการลงคะแนนลับหรือเปล่า
ไพศาล พืชมงคล- คือยังงี้นะครับ ในวาระต้น ๆ ไม่มีปัญหา วาระปกติก็ลงคะแนนกันโดยยกมือ
แต่ในวาระที่คุณสุระเสนอให้ลงคะแนนลับ...เป็นสองตอน
สมบูรณ์ - ผมคิดว่าวันนี้เห็นจะพอเพียงนะครับ พวกคุณก็คงอยากจะรีบกลับไปเขียนข่าว
ก่อนอื่นผมก็ต้องขอขอบคุณที่พวกคุณได้กรุณาสละเวลามาติดตามข่าวของธนาคาร
ซึ่งผมขอเรียนย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ทั้งหมดนี้ที่ผมทำงานก็ยืนอยู่ด้วยสิ่งที่ถูกต้องทั้งนั้น
และผมทำไปแล้วนั้นกรุณาเข้าใจด้วยว่าในนามของกรรมการของธนาคารไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม
ดังนั้นขอความกรุณาเข้าใจไว้ด้วย... ขอบคุณนะครับ
ก็เป็นอันสิ้นสุดการแถลงข่าวของธนาคารแหลมทองแต่เพียงเท่านี้ “ผู้จัดการ”
ก็เหนื่อยกับการร้อง “อ้าว!” ในใจเต็มที และเชื่อว่าเพื่อนนักข่าวก็คงรู้สึกใกล้เคียงกัน
เพราะตอนที่เดินลงบันไดได้ยินเสียงบ่นพึมไปหมด บางคนไม่ใช่แค่พูดว่า
“อ้าว” อย่างเดียว แถมสร้อยตามมาด้วยว่า “อะไรกันวะ”