ตลาดกอล์ฟเมืองไทย เริ่มเปลี่ยนทิศทาง เมื่อคนชั้นกลางเริ่มนิยมกีฬากอล์ฟมากขึ้น จากเดิมที่จำกัดอยู่ในวงสังคมชั้นสูง ทำให้ตลาดเมืองไทยจึงไม่มีสีสันมากนัก เมื่อทิศทางเปลี่ยนมาสู่แมสมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องออกมาเคลื่อนไหว เปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมเกมการตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะไนกี้ออกโรงก่อนใคร รับตลาดกอล์ฟเมืองไทยบูม
ไนกี้ ใช้วิธีการสร้างกระแสชุดกีฬากอล์ฟใหม่ให้เป็นแฟชั่นไลฟ์สไตล์ “สลิมฟิต” กับนวัตกรรมใหม่ Dri-FIT ช่วยระบายอากาศและความชื้น ผ่านนักกอล์ฟระดับโปรที่เป็นผู้สวมใส่ใช้งานจริง ทำการสื่อสารไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ในวงกว้าง (Testimonial) ผ่านโซเชียลมีเดีย ปลุกกระแสแบบไวรัล ปากต่อปาก สร้างการรับรู้
ไนกี้ปลุกเทรนด์สลิมฟิต
ผ่านผู้ใช้จริงสร้างกระแส
พรรณี ศานติวิวัฒน์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก บริษัท ไนกี้ กอล์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจกอล์ฟในเมืองไทยว่า มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เห็นได้จากการที่จะมีสนามกอล์ฟเกิดใหม่เปิดเพิ่มอีกหลายแห่ง นอกจากนั้นปัจจุบันคนเล่นกอล์ฟเป็นคนชั้นกลางถึงบนมีเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดกอล์ฟเริ่มมีสีสันมากขึ้น
ไนกี้ มองเห็นทิศทางดังกล่าว จึงสร้างกระแสการแต่งกายผู้เล่นกอล์ฟใหม่ให้ทันสมัย ในรูปแบบสลิมฟิต พอดีตัว เพื่อความสวยงามและสร้างความคล่องตัวขณะเล่นกอล์ฟ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Dri-FIT ช่วยระบายอากาศและความชื้นเพื่อให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย และไม่ร้อน อับชื้น
การเปิดตัว สลิมฟิต ในชุดกีฬากอล์ฟของไนกี้ ถือเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยมีกำหนดการวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2554 นี้ ผ่านห้างสรรพสินค้า และชอปของไนกี้ กอล์ฟ ทั่วประเทศ
โดยการทำตลาดจะใช้วิธีการดึงคนดังในวงการกีฬากอล์ฟ ทั้งระดับโปร และนักกอล์ฟรุ่นใหม่ เป็นตัวแทนในการเป็นผู้ใช้งานจริง บอกความรู้สึกที่ดีต่อผลิตภัณฑ์เมื่อสวมใส่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กลุ่มเป้าหมาย ผ่านโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊ก www.facebook.com/nikegolfth และเว็บไซต์ www.nikegolf.co.th และ www.nike.com เพื่อสร้างการรับรู้ปากต่อปากแบบไวรัล ขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทีวี วิทยุ และสิ่งพิมพ์ ควบคู่กับจัดโรดโชว์กิจกรรมพิเศษเพื่อแนะนำสินค้าแก่กลุ่มเป้าหมาย ณ สนามกอล์ฟ และสนามไดรฟ์ชั้นนำทั่วประเทศ โดยราคาชุดกอล์ฟไนกี้จะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 บาทต่อชิ้น
สำหรับเทรนด์ สลิมฟิต ในชุดกีฬากอล์ฟ ได้รับความนิยมมาระยะหนึ่งแล้วในแถบอเมริกา และยุโรป ซึ่งครั้งนี้ไนกี้จะสร้างเทรนด์ดังกล่าวในเอเชีย นำร่องที่ประเทศไทย ซึ่งถือว่ามีศักยภาพสูง จากภาพคนไทยเล่นกอล์ฟมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุน้อย และกลุ่มชนชั้นกลาง
พรรณี เพิ่มเติมว่า ไนกี้กอล์ฟ ยังคงมุ่งมั่นจัดกิจกรรมทัวร์นาเมนต์ระดับโลก ร่วมกับการปรากฏตัวของนักกอล์ฟชื่อดังระดับโลก โดยให้นักกอล์ฟมืออาชีพดังกล่าวเป็นตัวแทนจากผู้ใช้จริง บอกเล่าประสบการณ์ที่ดีในการสวมใส่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กลุ่มลูกค้าต่อไป
อาดิดาสชิงบุกตลาดแฟชั่น กอล์ฟ ไลฟ์สไตล์
ก่อนหน้านี้ อาดิดาส ก็เปิดตัวรองเท้า และชุดกีฬากอล์ฟไปเมื่อช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมา พร้อมออกกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้น เพื่อช่วงชิงตลาดกอล์ฟที่มีการเติบโตอย่างมาก ภายใต้ชื่อ อาดิดาส กอล์ฟ ขณะที่แบรนด์เทย์เลอร์เมด ซึ่งเป็นอีกแบรนด์หนึ่งของอาดิดาส จะเน้นไปที่อุปกรณ์กอล์ฟ และไม้กอล์ฟเป็นหลัก
มีรายงานข่าวว่า อาดิดาส กอล์ฟ ได้นำคอลเลกชั่นใหม่ๆ ที่ออกแบบชุดกีฬากอล์ฟให้เป็นแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ออกสู่ตลาดเพื่อสร้างความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการทำตลาดในรูปแบบเชิงกิจกรรม Below the Line สร้างสรรค์รูปแบบกิจกรรมให้น่าสนใจ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักกอล์ฟรุ่นใหม่ ตามห้างสรรพสินค้า และชอปอาดิดาส กอล์ฟ
ส่วนแบรนด์ เทย์เลอร์เมด จับตลาดหลายเซกเมนต์ มีตั้งแต่กลุ่มเด็ก 3-4 ขวบ กลุ่มอายุระหว่าง 30-40 ปี ไปจนถึงคนสูงอายุ และนักกอล์ฟระดับมือโปร โดยจุดเด่นของเทย์เลอร์เมดอยู่ที่การจับกลุ่มคนที่ต้องการใช้เทคนิคของไม้ช่วยในการเล่น ช่วยให้ตีง่าย ตีไกลและแม่นยำขึ้น เพื่อตอบสนองลูกค้าที่กว้างขึ้น ความถี่ในการออกไม้กอล์ฟรุ่นใหม่ๆ เฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง คือ ช่วง Spring และ Winter โดยจะเน้นให้ลูกค้าได้ทดลอง (Demo) เป็นกลไกการตลาดสำคัญในการเข้าถึงตลาดนักกอล์ฟไทย
ธุรกิจกอล์ฟไทยบูม 2 พันล.
ตลาดกอล์ฟเมืองไทยเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 20% จากมูลค่าตลาดรวม 2,000 ล้านบาท มีสนามกอล์ฟทั่วประเทศถึง 500 แห่ง คาดการณ์จะมีสนามกอล์ฟเกิดใหม่เพิ่มอีก 2-3 แห่งภายในปีนี้ โดยกลุ่มลูกค้าอายุน้อย และกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน มีแนวโน้มเล่นกอล์ฟเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลต่อเนื่องทำให้กีฬากอล์ฟขยับตัวและเคลื่อนไหวตามมา
พฤติกรรมของคนเล่นกอล์ฟ เป็นเรื่องของรสนิยม และสังคม ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่าสนามกอล์ฟกลายเป็น คอมมูนิตี้ แอเรีย ที่เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ คุยงาน และพักผ่อน ที่ไม่จำกัดเฉพาะคนเล่นกอล์ฟ แต่รวมถึงการพาครอบครัวไปที่สนามด้วยในวันหยุดสุดสัปดาห์ ประกอบกับสนามกอล์ฟกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกระบุไว้ในคู่มือการท่องเที่ยวของไทย ทำให้เห็นการเติบโตสูงมากด้วยในภาพรวม
ต่อทิศทางดังกล่าว Sport Mall บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเมืองไทยก็ลงมาจับตลาดกอล์ฟเช่นเดียวกัน โดยการเปิด Golf Store ในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน เพื่อทำเป็นชอปที่รวมความหลากหลายของกีฬากอล์ฟไว้ด้วยกัน โดยชูจุดเด่นที่คอนเซ็ปต์ แฟชั่น ไลฟ์สไตล์
สุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปบริหารสินค้า Sports Mall บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวไว้ว่า ตลาดกอล์ฟเมืองไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจเข้ามาเล่นกีฬากอล์ฟมากขึ้น ทำให้กีฬากอล์ฟกลายเป็นที่นิยมในทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ Sports Mall เน้นย้ำความเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์กอล์ฟมืออาชีพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sports Mall Golf For Real” โดยจะมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ที่ดึงแบรนด์กอล์ฟชั้นนำกว่า 30 แบรนด์ดัง อาทิ Nike Golf, Callaway, Taylormade, Adidas Golf, Srixon, XXIO, Titleist, Cobra, Mizuno, Ping ฯลฯ เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันเป็นระยะๆ รับแนวโน้มที่ดีของตลาดกอล์ฟเมืองไทย
|