Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์8 กันยายน 2554
Marketing Insight : จับตา “เสริมสุข” ในวันที่เป๊ปซี่เถลิงอำนาจ             
 


   
search resources

เสริมสุข, บมจ.
เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง, บจก.
Soft Drink




กรณีปัญหาระหว่างเป๊ปซี่-เสริมสุข เดินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว เชื่อว่าเป๊ปซี่-โค คงต้องทำการบ้านอย่างหนักว่าจะตั้งราคาหุ้นเท่าไร เพื่อให้ได้สิทธิการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในการบริหารเต็มรูปแบบ เพราะขณะนี้ หุ้นเป๊ปซี่-โค เมื่อรวมกับเซเว่นอัพ มีสัดส่วนอยู่ถึง 41.54% หรือราว 108 ล้านหุ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเป๊ปซี่จะเสนอในราคา 55-60 บาท หรือจากกระแสข่าวล่าสุดที่ราคาหุ้นได้วิ่งขึ้นไปถึง 70 บาท ซึ่งจะทำให้เป๊ปซี่อาจต้องทุ่มเงินจนถึงหมื่นล้านบาท เพื่อให้ได้ครอบครองหุ้นจากเอสเอสเอ็น ที่ถือหุ้นอยู่ 32.62% ถึงกระนั้นก็ดูเป็นการลงทุนด้วยเม็ดเงินที่คุ้มค่า เพราะสามารถสานต่อธุรกิจได้ในทันทีหลังการซื้อหุ้นเรียบร้อย

ทว่า สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ เมื่อเป๊ปซี่สามารถกุมอำนาจในการบริหาร บมจ.เสริมสุข เบ็ดเสร็จแล้ว ทิศทางของเป๊ปซี่-โค ในเมืองไทย และเสริมสุข บริษัทโลจิสติกส์เก่าแก่แห่งนี้จะเป็นอย่างไร?

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า หากเป๊ปซี่-โค ครอบครองเสริมสุขเป็นผลสำเร็จ ก็จะเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะมีเงินทุนที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ตลาดหุ้นเป็นช่องทางระดมทุนอีก ล่าสุด ต่อเรื่องนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินกลุ่มเป๊ปซี่-โค กล่าวยืนยันในที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดที่ผ่านมาว่า

“หากซื้อหุ้นได้เพิ่ม ไม่มีนโยบายที่จะนำบริษัทเสริมสุขออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระยะนี้”

กระนั้นคนในแวดวงน้ำอัดลมหลายคน ต่างเชื่อตรงกันว่า เมื่อเป๊ปซี่-โค ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว ยังคงมอบความไว้วางใจให้กับกลุ่มของนายสมชาย บุลสุข ทำหน้าที่ในการบริหารต่อไป เพราะมีประวัติดีเยี่ยมในเชิงการบริหารจัดการโดยเฉพาะผลงานประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกต้องจดจำ คือ การกำชัยชนะเหนือคู่แข่งเป็นเบอร์ 1 ในตลาดน้ำดำเมืองไทย ครองตลาดมาอย่างยาวนานจนถึงวันนี้

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์รายหนึ่ง มองว่า “ความท้าทายของเป๊ปซี่ที่แท้จริง หาใช่การปัดกวาดบ้านของตัวเองจนเสร็จสิ้นภายในวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งจะเป็นวันที่รู้ผลชัดเจนของการซื้อขายหุ้นของ บมจ.เสริมสุข แต่อย่างใด แต่การเผชิญหน้ากับคู่แข่งรายเดิมและคู่แข่งหน้าใหม่ๆ ที่กำลังเข้มแข็งมากขึ้นทุกวัน คือความท้าทายที่แท้จริง”

วันนี้คู่แข่งตลอดกาลอย่างโค้ก มีการพลิกภาพลักษณ์ของตัวเองไปอย่างมาก นับแต่ปีแห่ง “ฟุตบอลโลก” ในฐานะ “ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ” ได้ทำให้ภาพลักษณ์และส่วนแบ่งตลาดของโค้กสามารถตีตื้นขึ้นอย่างชัดเจน

รายงานจาก บริษัท โคคา-โคลา ระบุว่า โค้กประสบความสำเร็จจากกิจกรรมดังกล่าว ด้วยผู้เข้าชมการแข่งขันในสนามกว่า 50,000 คน พร้อมยอดผู้ชมถ่ายทอดสดทางช่อง 3 สูงถึง 2.94 ล้านคนทั่วประเทศ สูงมากเมื่อเทียบกับรายการอื่นๆ ขณะที่ยอดผู้คลิกเข้าชมในช่วงกิจกรรม “โค้กซูเปอร์คัพ” ผ่านเฟซบุ๊กของโค้กก็พุ่งขึ้น 10 เท่าตัวจากปรกติ ถือเป็นการต่อยอดแพลตฟอร์มกีฬาฟุตบอลของโค้กที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

แถมล่าสุดยังตอกย้ำ “สปอร์ตมาร์เกตติ้ง” ผ่าน “โค้ก ซูเปอร์คัพ” จากการนำทีมดังจากอังกฤษ “เชลซี” มาดวลแข้งกับทีม “รวมดาราฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก” และเมื่อมาดูการใช้จ่ายงบฯ ผ่านสื่อโฆษณาโดยบริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา “โค้ก” เป็นแบรนด์ที่มีการใช้งบฯ เป็นอันดับ 1 ที่ 484 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ใช้งบฯ อยู่ที่ 330 ล้านบาท หากรวมงบฯ โฆษณาที่บริษัท โคคา-โคลา ใช้ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250 ล้านบาท

นี่ถือเป็นงบฯ โฆษณาที่สูงที่สุดที่โค้กเคยใช้เลยก็ว่าได้!

ขณะที่บิ๊กโคล่า ก็ไม่น้อยหน้า ที่รุกหนักทั้งกิจกรรม รวมไปถึงการยกระดับภาพลักษณ์แบบชั่วข้ามคืน ด้วยการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับบิ๊กอีเวนต์ต่างๆ อาทิ ทีมชาติอังกฤษ, เอฟเอ คัพ,ฟุตบอลยูโร ฯลฯ

โดยเฉพาะ “ชนินทร์ เทียนเจริญ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจ ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์น้ำดำบิ๊กโคล่า ก็อยู่ในช่วงปลาบปลื้มกับยอดขาย เพราะขณะนี้ส่วนแบ่งในตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 35,000 ล้านบาท ของบิ๊กโคล่าพุ่งไปถึง 22% แม้ “เป๊ปซี่” จะยืนยันว่า ยังครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% ก็ตาม

แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากกว่านั้น เมื่อมีกระแสข่าวว่า ค่าย “สิงห์”สนใจที่จะเข้ามาชิมลางในตลาดน้ำอัดลม แม้ภายหลัง “สันต์ ภิรมย์ภักดี”แม่ทัพฝั่งนอนแอลกอฮอล์ของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จะออกมาปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ให้ผู้ประกอบการในแวดวงวางใจ เพราะระยะหลังนี้นโยบายใหม่ของสิงห์ คือ การเพิ่มพอร์ตของกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

อีกประการหนึ่ง ถ้าสิงห์จะเข้าสู่ตลาดนี้ก็สามารถทำได้ง่าย เพราะเครือข่ายการจัดจำหน่ายของสิงห์มิยิ่งหย่อนไปกว่าใคร อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในธุรกิจเครื่องดื่มมานาน แม้จะเป็นกลุ่มแอลกอฮอล์ก็ตาม

สิ่งที่แน่นอนสำหรับ “เป๊ปซี่” ในวันนี้ ไม่ว่าจะครอบครองเสริมสุขได้หรือไม่ แต่เส้นทางการรักษาบัลลังก์แชมป์คงไม่ราบเรียบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เพราะบิ๊กโคล่า ไม่ได้เป็นแบรนด์ต่างจังหวัดเหมือนแต่ก่อน ในขณะที่คู่กัดอย่างโค้กก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีๆ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us