‘ซินไฉฮั้ว’ ในอุ้งมือทายาทรุ่น 3 กำลังขับเคลื่อนธุรกิจร้านซักแห้งก้าวไปอีกระดับ ล่าสุด ผุด ‘ดิ คลอเซ็ท’ หลอมรวมบริการซักแห้ง ซ่อม รักษา และห้องแต่งตัว ขึ้นห้างหรู หวังจับลูกค้าไฮโซ แบบตัวต่อตัว หลังพบฐานลูกค้าระดับพรีเมียมขยายตัวและเห่อชอปสินค้าแบรนด์เนมสูงขึ้น พร้อมใส่เกียร์บุกตลาดเช่า ตามเทรนด์ซักแห้งต่างประเทศ นำร่องกลุ่มโรงแรม รถไฟ และโรงพยาบาล โดยการขับเคลื่อนธุรกิจของเจน 3 ในครั้งนี้ นอกจากการเติบโต 5-10% ต่อเนื่องทุกปีแล้ว ยังวางเป้าหมายใหญ่สู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดทุกประเภทในอนาคต

ตลาดซักอบรีดนับเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบกับสภาพตลาดในอดีต เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ผู้เล่นหน้าใหม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้ง่าย เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่สูง แถมอาศัยเทคโนโลยีไม่มาก โดยปัจจุบันมีรายใหญ่ในตลาดประมาณ 3 ค่ายหลัก ได้แก่ ซินไฉฮั้ว มิสซิสลอนดรี้ และวอชมี ส่วนที่เหลือเป็นรายเล็กๆ ซึ่งมีจำนวนผู้ให้บริการมากขึ้น ทำให้แต่ละค่ายต้องพยายามปรับตัวเองให้ฉีกจากคู่แข่งขัน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตลาดซักแห้งอย่างซินไฉฮั้ว

“เดิมธุรกิจซักแห้งมีไม่กี่แบรนด์ การทำธุรกิจจึงไม่ต้องปรับมาก แต่วันนี้การแข่งขันสูงขึ้น มีหน้าใหม่เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น เราก็ต้องปรับตัว หาบริการใหม่ๆ มาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น”

ปิยะพล กัญจนาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ ซินไฉฮั้ว กรุ๊ป ทายาทรุ่น 3 บอกถึงภาพรวมธุรกิจซักแห้งในปัจจุบัน และว่า นอกจากการแข่งขันที่สูงขึ้นแล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยพบว่า 80% เป็นกลุ่มระดับบนมากขึ้น ชื่นชอบการแต่งตัวและชอปสินค้าแบรนด์เนมเพิ่มขึ้น

จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาดดังกล่าว ส่งผลให้ซินไฉฮั้วต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจซักอบรีดใหม่ โดยล่าสุดทุ่มงบ 5 ล้านบาท เปิดตัว ‘ดิ คลอเซ็ท บายซินไฉฮั้ว’ เป็นสาขาต้นแบบแห่งแรกที่ห้างหรู เกษร พลาซ่า สำหรับการทำตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และสื่อถึงโพซิชันนิ่งแบรนด์ใหม่ที่ทันสมัยและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดทุกประเภท โดยเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายไฮโซที่ถือเป็นเป้าหมายหลักของ ดิ คลอเซ็ท

ย้อนกลับมาดูฐานลูกค้าของซินไฉฮั้ว ตลอดเกือบ 80 ปีที่ผ่านมาจะมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าทั่วไปและส่วนมากเป็นลูกค้ากลุ่มผู้ใหญ่ โดยมีสาขาซินไฉฮั้วในห้างสรรพสินค้า และสแตนด์อะโลน จำนวน 40 ชอป ทำหน้าที่เป็นเคาน์เตอร์รับผ้าธรรมดา ทว่าการปั้น ‘ดิ คลอเซ็ท บายซินไฉฮั้ว’ สู่สมรภูมิล่าสุด ‘ดิ คลอเซ็ท’ จะมีหน้าที่เจาะลูกค้าไฮโซทั้งรุ่นเก่าและใหม่มากขึ้น โดยจะเป็นสาขาต้นแบบแห่งแรกที่ขึ้นห้างหรู เกษร พลาซ่า และเป็นคอนเซ็ปต์ธุรกิจซักอบรีดใหม่ที่มีรูปลักษณ์ทันสมัย พร้อมเสิร์ฟบริการใหม่ๆ นอกจากการรับซักแห้งแบบเดิมๆ ทั้งการรักษาและการทำความสะอาด การซ่อมแซม ซักอบรีดเสื้อผ้า เครื่องหนัง และอุปกรณ์ต่างๆ แถมมีห้องให้ลูกค้าลองชุด แต่งตัว เตรียมออกงานได้ทันที

“เราต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้เป็นร้านจริงๆ ไม่ใช่แค่เคาน์เตอร์รับผ้าธรรมดา เพราะถือเป็นมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพ บริการ และความปลอดภัยของเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญ นอกเหนือจากปัจจัยด้านราคาค่าบริการที่สูงขึ้นจากเดิม”

สำหรับสาขาซินไฉฮั้วที่มีอยู่ 40 แห่ง จะเริ่มทยอยปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัยเช่นเดียวกับรูปแบบ ดิ คลอเซ็ท พร้อมกันนี้จะหันมาเน้นโลเกชั่นในห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เกต เพราะทำเลตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ากลุ่มนี้มากกว่า ส่วนสาขาในสแตนด์อะโลนจะทยอยปิด ล่าสุดเดินหน้าปั้นสาขาที่เดอะไนน์ ถนนพระราม 9 ออกมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าไฮโซ ที่มีบริการใหม่ๆ เข้ามาเสริมจากเดิมมากขึ้น โดยคาดว่าจะทยอยปรับปรุงเสร็จประมาณ 3 ปีจากนี้

นอกจากการปรับโฉมร้านใหม่เพื่อรุกคืบเข้าสู่ตลาดพรีเมียมมากขึ้นแล้ว การหันมารุกตลาดเช่าก็เป็นอีกโมเดลในการขยายตลาดรับซักรีดของซินไฉฮั้วมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบเช่าเป็นเทรนด์ที่ต่างประเทศนิยมทำกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นประเทศในกลุ่มยุโรป และอเมริกา อีกทั้งทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นโรงแรม และการรถไฟ สามารถเข้ามาใช้บริการได้ โดยลูกค้าที่เข้ามารับบริการเช่าซักรีดของซินไฉฮั้วปัจจุบัน ได้แก่ การรถไฟ การบินไทย และบางกอกแอร์ เป็นต้น โดยซินไฉฮั้วมีแผนจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล และอุตสาหกรรมรถยนต์

จากแนวทางการปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ ซินไฉฮั้วตั้งเป้าว่าในช่วง 4 เดือนแรกของการปรับโฉมร้านใหม่จะมีลูกค้าไฮโซประมาณ 1,000 ราย เป็นฐานลูกค้าเดิม 50% และลูกค้าใหม่ 50% ไม่แค่นั้นยังช่วยให้ซินไฉฮั้วเติบโตเฉลี่ย 5-10% ต่อเนื่องทุกปี และสะท้อนภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดทุกประเภทชัดขึ้น และวาดหวังใน 10 ปีภาพลักษณ์ใหม่นี้จะโดดเด่นฝังลึกในหัวใจลูกค้ายิ่งขึ้น