ผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิเคราะห์นั้นมีด้วยกันอยู่ทุกวงการ วงการทองคำก็เหมือนกันช่วงไหนที่ราคาขึ้นลงหวือหวามีการเก็งกำไร
บรรดานักวิเคราะห์หรือผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็กระโดดออกมาหาเหตุผลข้ออ้างอิงว่า
เหตุใดภาวะราคาทองคำถึงเป็นเช่นนี้ ในเวลาเดียวกันก็จะคาดการณ์ถึงแนวโน้มในอนาคตทั้งระยะสั้น
ระยะยาวด้วยว่าน่าจะออกมาในรูปไหน
การกระเตื้องขึ้นของราคาทองคำช่วงนี้ก็เช่นเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิเคราะห์ต่างหาเหตุผลมาอ้างอิงว่า
ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำนั้นได้แก่
1. อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงมาก ทำให้คนหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่งดงามกว่าการฝากเงินไว้กินดอกเบี้ย
2. มีการคาดคะเนว่าภาวะเงินเฟ้อของโลกกำลังจะหวนกลับมาอีก เพราะราคาน้ำมันดิบเริ่มขยับตัวขึ้น
หลังจากกลุ่มโอเปคประสบความสำเร็จครั้งแรกเกี่ยวกับการทดลองลดปริมาณการผลิตรวมของกลุ่มในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งยังได้รับความร่วมมือจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปค เช่น นอรเว
และจีน ในการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลก ราคาน้ำมันจึงค่อย
ๆ ขยับสูงขึ้น
ประกอบกับการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของตน
และมีการคาดการณ์กันว่าประเทศเยอรมันตะวันตกกับญี่ปุ่น อาจจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของตนลงมาในเร็วๆ
นี้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
สิ่งที่กล่าวมาทำให้นักลงทุนเกรงว่า อัตราเงินเฟ้อจะประดังขึ้นมาอีกหน
ความต้องการถือทองคำเพื่อเป็นหลักประกันในยามเกิดภาวะเงินเฟ้อจึงเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น
3. ตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญ ๆ ของโลกประสบภาวะซบเซา หลังจากที่เฟื่องฟูในยุค
3-4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้ผลกระทบจากการคาดคะเนว่า สหรัฐฯ คงไม่ปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยของตนลดต่ำลงไปกว่านี้อีก
เนื่องจากเกรงปัญหาอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศ สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนทางด้านอื่นหรือซื้อทองคำแทน
4. เกิดความไม่สงบทางการเมืองอันเนื่องมาจากปัญหาการแบ่งผิวในอัฟริกาใต้
ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ทำให้วิตกกันว่า ปริมาณการผลิตทองคำในตลาดโลกจะลดลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเกรงกันว่า อัฟริกาใต้จะตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศทางกลุ่มตะวันตกที่จะมีต่อตน
ด้วยการตัดทอนประมาณทองคำที่จะผลิตออกสู่ตลาดโลก ประเด็นนี้ยังส่งผลให้ราคาทองคำขาวในตลาดโลกถีบตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เกินระดับเอานซ์ละ
600 ดอลล่าร์เป็นครั้งแรกในระยะ 5 ปี และตามปกติแล้วราคาทองคำขาวกับราคาทองคำจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
5. ความต้องการทองคำจำนวนมากของญี่ปุ่น เพื่อนำไปใช้ทำเหรียญที่ระลึกในโอกาสที่จักรพรรคดฮิโรฮิโตครองราช
ครบ 60 ปี ทำให้ความต้องการทองคำรวมในตลาดโลกเพิ่มปริมาณมากขึ้น สวนกับกระแสข่าวที่ว่า
ปริมาณทองคำมีจำนวนจำกัด
ประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวมาทำให้คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มแข็งแกร่งอยู่ในช่วงเอานซ์ละ
450-500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เมื่อสิ้นสุดปี 2529 นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกคนมีความเชื่อว่าราคาทองคำจะขึ้นต่างก็หันมาซื้อทองคำเก็บกันยกใหญ่
และตราบใดที่ความเชื่อยังเป็นเช่นนี้โอกาสที่ราคาทองคำจะเป็นไปตามที่คาดการณ์นั้นยิ่งมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ใครที่สนใจจะลงทุนในทองคำช่วงนี้ เมื่ออ่านข้อความของผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิเคราะห์ที่กล่าวมาข้างต้นก็ควรจะนำไปพิจารณาไว้ประกอบการตัดสินใจ
แต่ก็ควรฟังหูไว้หู เพราะนั่นเป็นเพียงการคาดการณ์ของตลาดทองของโลกเท่านั้น
สำหรับตลาดทองที่ปิดตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับตลาดทองของโลกโดยตรงอย่างบ้านเรามันอาจจะไม่เป็นไปตามนั้นทั้งหมดเลยทีเดียว
อาจถูกบ้างผิดบ้าง ซึ่งเท่าที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะผิดมากกว่าถูก แถมบางครั้งยังมีการโมเมวิเคราะห์เพื่อปั่นราคาเสียด้วย