Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2529
โรงพยาบาลสยามธุรกิจเยียวยาที่คนถึงเครื่องมือเพียบ             
 


   
search resources

Hospital
โรงพยาบาลสยาม




โรงพยาบาลแห่งนี้เริ่มต้นด้วยความยากลำบาก ขาดเงินทุน ทำเลที่ตั้งไม่ใช่ย่านชุมชนหากแต่เป็นท้องทุ่งชานกรุงเทพฯ แต่ก็มีแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ มีความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวในการพัฒนาคนและเครื่องมือทางการแพทย์ อย่างไม่หยุดนิ่ง และสิ่งนี้จริง ๆ ที่ทำให้ผงาดขึ้นมาให้บริการคนไข้ได้อย่างน่าเลื่อมใส

ประเทศไทยในทุกวันนี้มีอัตราการเกิดที่ลดลงอันเป็นผลจากการรณรงค์คุมกำเนิดอย่างกว้างขวา และค่อนข้างจะได้ผลแต่ตัวเลขจำนวนประชากรก็ไม่ได้ลดลงอย่างฮวบฮาบโดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่อยู่ในวัยกำลังทำงาน

สาเหตุนั้นน่าจะมาจากหลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะประการสำคัญก็คือวิทยาการทางด้านการแพทย์ของเรา ได้พัฒนาถึงขั้นสามารถรักษาชีวิตผู้เจ็บป่วยได้สูงขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด

แพทย์ไทยนั้นฝีมือไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าแพทย์ในประเทศอื่น ๆ หรือจะเหนือชั้นกว่าเสียอีก

และถ้าขีดความสามารถในการช่วยชีวิตผู้เจ็บป่วยประกอบด้วยความสามารถของแพทย์บอกกับเครื่องทางการแพทย์ที่ทันสมัยแล้ว

การพัฒนาขีดความสามารถในแง่ของความพร้อมทางเครื่องไม้เครื่องมือก็นับว่ารุดหน้าไปพอสมควรหากมองโดยภาพกว้าง ๆ

หรือรุดหน้าเอามาก ๆ เมื่อมองที่จุดใดจุดหนึ่ง

โรงพยาบาลสยามที่ซอยโชคชัย 4 ลาดพร้าว ก็คงจะเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดตัวอย่างหนึ่ง

เมื่อโรงพยาบาลนี้เกิดขึ้นใหม่ ๆ คงไม่มีใครคิดหรอกว่า ที่นี่จะกลายเป็นผู้นำทางด้านเครื่องมือแพทย์ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี

เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ ขนาดโรงพยาบาลรัฐที่มีเงินสนับสนุนและเป็นแหล่งฝึกแพทย์พยาบาลยังพัฒนาเรื่องการมีการใช้เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยได้อย่างเชื่องช้าแล้ว โรงพยาบาลเอกชนที่ทุนจำกัดกว่าจะสามารถทำได้อย่างไรกัน?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงพยาบาลสยามก็ไม่ใช่โรงพยาบาลของนายทุนที่มีเงินมากมายมหาศาลเสียอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เหตุผลนี้มีข้อโต้แย้งได้ประการหนึ่ง

นั่นคือความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวของคน

คน ๆ นี้ชื่อนายแพทย์รัศมี วรรณิสสร ประธานกรรมการบริษัทแพทย์สยามซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลสยาม

โรงพยาบาลสยามมีชื่อเสียงในความเป็นผู้นำจนทุกวันนี้ได้เพราะความเด็ดเดี่ยวของนายแพทย์รัศมีโดยแท้

นายแพทย์รัศมี วรรณณิสสร จบแพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์เมื่อปี 2497 ได้เกียรตินิยมเหรียญทอง และได้ดีกรี Dr. MED., MAGNA CLAUDE. FACHARZT. F. NEUROLOGIE

เดิมนั้นรับราชการอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ และได้ร่วมหุ้นกับเพื่อน ๆ และญาติก่อตั้งโรงพยาบาลสยามขึ้นเมื่อปี 2515 บนสถานที่ตั้งปากซอยโชคชัย 4 ที่ขณะนั้นยังเป็นท้องทุ่งเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โรงพยาบาลเอกชนเกิดขึ้นหลายแห่ง เปาโล พร้อมมิตรและโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นต้น

มีบางแห่งอย่างเช่นโรงพยาบาลมุสลิมเกิดขึ้นมาแล้วก็ปิดตัวเองไปเพราะทนขาดทุนไม่ไหวเช่นเดียวกับอีกหลายแห่ง นายแพทย์รัศมีเคยกล่าวว่า การหาทุนมาเพื่อดำเนินกิจการนั้นเป็นเรื่องเจ็บปวดและขมขื่นที่สุด ทำให้รู้รสชาติของการเป็นนักลงทุนและนักบุกเบิกอย่างถึงแก่น

"พอสร้างเสร็จยังติดหนี้เขาอยู่ แต่หลักการและความเชื่อตอนนั้นก็คิดว่าเรามีฝีมืออยู่ที่ไหนคนเขาต้องมาหาจนพบ พอสร้างตึกเสร็จ 6 ชั้นใช้งานเพียง 2 ชั้นมี 25 เตียง ตั้งอยู่กลางป่า ภายใน 3 เดือนคนไข้เต็ม..." นายแพทย์รัศมีเล่า

โรงพยาบาลสยามเปิดประตูบริการคนไข้วันแรกวันที่ 9 มกราคม 2515 ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ปรากฏว่าได้รับความนิยมเชื่อถือจากชาวบ้านโดยตลอด ขึ้นปี 2516 จำนวนเตียงผู้ป่วยก็ขยับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวคือจาก 25 เตียงเป็น 50 เตียง

ปี 2518 กระโดดไปเรื่อย ๆ จนมีเตียงถึง 150 เตียง อาคารทุกชั้นเสร็จสิ้นและตบแต่งโดยสมบูรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ได้มาตรฐานพร้อม ๆ กับท้องทุ่งที่เวิ้งว่างค่อย ๆ กลายเป็นชุมชนตามลำดับ

ขณะนั้นโรงพยาบาลสยามมีความเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมาก ๆ ในเรื่องการตรวจรักษาที่เกี่ยวกับสมอง

และปี 2519 เป็นปีที่โรงพยาบาลสยามเริ่มดังเป็นพลุ

เพราะเป็นปีที่โรงพยาบาลตัดสินใจซื้อเครื่องตรวจสมองคอมพิวเตอร์โทโมกราฟ (COMPUTER TOMTOGRAPH) หรือ CT เข้ามาติดตั้งเป็นเครื่องแรกของประเทศไทยมูลค่า 10 ล้านบาท เปิดศักราชความเป็นโรงพยาบาลที่นอกจากจะประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว เครื่องไม้เครื่องมือก็ทันสมัยเทียมหน้าเทียมตาประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งนั่นก็อาจจะยังไม่สำคัญเท่ากับที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้เป็นจำนวนมาก

"เป็นเครื่องที่ดีที่สุดขณะนั้น เราได้มาเป็นเครื่องที่ 4 ของโลก คือ 2 เครื่องไปสหรัฐฯ เครื่องที่ 3 ใช้ในอังกฤษ เราเป็นเครื่องที่ 4 เป็นของอีเอ็มไอ..." นายแพทย์รัศมีพูดถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจสมองเครื่องแรกของโรงพยาบาลและไม่ลืมที่จะบอกด้วยว่า "ผมตัดสินใจซื้อโดยไม่มีเงินเลย เราก็ต้องหาทุน ผมก็ออกหุ้นกู้ 10 ล้านบาทอัตราผลตอบแทนร้อยละ 1 ต่อเดือน"

ซึ่งนี่แหละที่ต้องนับว่าเป็นความเด็ดเดี่ยวของผู้มีสายตายาวไกลจริง ๆ

"ซีที นี่เป็นเพราะเราบุกตลาดครั้งแรกคนอื่นกำลังงงอยู่ เราเลยลืมตาอ้าปากได้" นายแพทย์รัศมีสรุปที่มาแห่งความสำเร็จขั้นแรก

แล้วเครื่องตรวจสมองเครื่องที่ 2 ซึ่งทรงประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องแรกก็ตามเข้ามาในปี 2525 "ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นเห็นเข้าแต่ไม่รู้เมืองไทยใครเป็นเอเยนต์ ก็ไม่รู้จะถามใคร ต่อมาถึงได้ทราบว่าเป็นบริษัทวิทยาคม" นายแพทย์รัศมีกล่าว

เครื่องที่ว่านี้เป็นของฮิตาชิ ซึ่งผู้มีประสบการณ์อย่างนายแพทย์รัศมียอมรับว่า "ภาพสวยดีกว่าอีเอ็มไอมาก ขณะนี้ก็ยังสวยดีอยู่ และฮิตาชิเท่าที่คบเขา ซินเซียจริ งๆ ราคาเท่าไหร่นั้น ไม่เสียบอกไม่เสีย อันนี้เป็นหัวใจของการบริการหลังการขาย..."

ก็แน่นอนที่ทำให้โรงพยาบาลไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยใช้เหตุอันอาจจะเกิดจากลูกเล่นของคนขาย ซึ่งก็จะมีผลไปกระทบค่าใช้จ่ายของคนไข้ ที่โรงพยาบาลเองก็ไม่ต้องการให้เกิดค่าใช้จ่ายไม่สมเหตุสมผลขึ้น

"เรื่องเก็บค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลเอกชนมันก็โดนกันเกือบทุกแห่งละครับ แต่ประการสำคัญ บริการที่ให้มันดีและเหมาะสมกับที่เขาต้องจ่ายออกไปหรือไม่มากกว่า..." ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนรายหนึ่งบอกกับ "ผู้จัดการ"

และจะเชื่อหรือไม่ สำหรับโรงพยาบาลสยามนั้นรายได้ที่เป็นกำไรส่วนหนึ่งแทนที่จะนำความมั่นคงไปสู่ใครคนใดคนหนึ่ง กลับกลายเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้น ดูเหมือนเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะช่วยในการตรวจรักษาและวินิจฉัยโรคต่างเดินหน้าเข้าติดตั้งที่นี่ไม่ขาดสาย

"คุณหมอท่านเป็นคนที่ตั้งเข็มในเรื่องนี้ชัดเจนมาก มีอะไรใหม่ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ท่านจะไม่รั้งรอเลย..." ผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทวิทยาคมตัวแทนจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจสอบสมองของฮิตาชิ กล่าวถึงนายแพทย์รัศมีบ้าง

ในปี 2527 ก็เลยเป็นปีที่เครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจสอบสมองของฮิตาชิเครื่องที่ 3 ถูกนำเข้ามาติดตั้งอีกเครื่อง คราวนี้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น คือนอกจากตรวจสมองแล้วก็ยังตรวจอวัยวะทุกส่วนของร่างกายได้ด้วย

เครื่องดังกล่าวนี้ราคา 20 ล้านบาท

พร้อม ๆ กับการก้าวรุดหน้าของกิจการที่กลายเป็นสถาบันทางด้านสมองไปแล้ว ล่าสุดที่คงจะทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้สมบูรณ์อย่างไม่มีที่ติก็เห็นจะได้แก่การตัดสินใจลงทุนเป็นเงินถึง 30 ล้านบาทสั่งซื้อเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับตรวจระบบหลอดเลือดเข้ามาติดตั้งบริการคนไข้

ซึ่งจะเริ่มให้บริการได้ราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านี้

แน่นอน นี่ไม่ใช่การก้าวที่ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

โรงพยาบาลแห่งนี้ยังจะก้าวออกไปอีกเรื่อย ๆ เพราะความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวที่จะพัฒนาคุณภาพของบุคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือของที่นี่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us