“ยูบิลลี่” กัดฟันตรึงราคาเพชร แม้วัตถุดิบพุ่ง 30% ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คาดปลายสิงหาคมนี้ราคาวัตถุดิบขยับอีก หวังสร้างทางเลือกดูดคนซื้อเพชรสู้ซื้อทองคำ พร้อมขยายจุดจำหน่ายสิ้นปีครบ 90 แห่ง
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเพชรกะรัตและเครื่องประดับเพชร เปิดเผยว่า ต้นทุนการผลิตเพชรได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30% ตั้งแต่ต้นปีนี้ จากวัตถุดิบเพชรที่ปรับตัวขึ้นทั่วโลก และล่าสุดคาดว่าปลายเดือนสิงหาคมนี้วัตถุดิบจะปรับราคาอีกเนื่องจากว่าเป็นช่วงที่ตลาดในเบลเยี่ยมจะกลับมาซื้อขายเครื่องประดับกันอีกครั้งหลังจากที่จบช่วงซัมเมอร์ฮอลิเดย์ไปแล้ว อีกทั้งดีมานด์เพชรก็มากขึ้นด้วยแต่ซัพพลายเท่าเดิม โดยเฉพาะในจีนที่ผู้คนเริ่มมีกำลังซื้อสูงและซื้อเพชรกันมากขึ้นจนส่งผลให้ราคาเพชรอาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังไม่ได้ทำการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด เพราะยังพอมีสต๊อควัตถุดิบในการผลิตเหลืออีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งปัจจุบันคนไทยเริ่มหันมาซื้อเพชรและเครื่องประดับเป็นการลงทุนมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีมานี้ แม้ว่าจะยังน้อยอยู่เมื่อเทียบกับการลงทุนซื้อทองก็ตาม ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำก็ปรับตัวสูงขึ้นตลอด
ซึ่งการตรึงราคาเดิมของเพชรยูบิลลี่ไว้ก็น่าจะจูงใจให้คนหันมาซื้อเพชรมากขึ้นด้วยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งจากการซื้อทองคำประกอบกับในตลาดรวมปัจจุบันมีการแข่งขันทางด้านราคาอย่างมาก ทั้งลดราคา และทำโปรโมชั่น แต่ยูบิลลี่ไม่ใช้กลยุทธ์ราคา แต่มุ่งเน้นเรื่องของคุณภาพ ลวดลายดีไซน์ รวมทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรจัดกิจกรรมมากกว่า โดยใช้งบการตลาด 5-7% จากยอดขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันราคาทองรูปพรรณวันพฤหัสบดี รับซื้อ 22,967 .40 และขายออก 23,800 บาท ส่วนทองคำแท่งรับซื้อ 23,300 บาท และขายออก 23,400 บาท ซึ่งล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพียงวันเดียวราคาทองคำในไทยมีการปรับราคาขึ้นถึง 4 ครั้ง
สำหรับไตรมาสแรกปีนี้ยูบิลลีมีรายได้ 203 ล้านบาท เติบโต 37% ส่วนครึ่งปีแรกนี้เติบโต 40% จากช่วงเดียวกันปีทีแล้วที่มีรายได้ 269 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้รวม เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่ได้ 689 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกสาขาเดิมเติบโต 60% โดยยูบิลลี่เป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งประมาณ 10% ในตลาดกลุ่มเพชรที่จำหน่ายผ่านเคาน์เตอร์มีมูลค่า 6,000 ล้านบาท โดยที่กลุ่มนี้เติบโตดีประมาณ 5-8% ซึ่งบริษัทฯยังไม่มีนโยบายออกซับแบรนด์มาทำตลาดระดับกลาง จากปัจจุบันเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป
ทั้งนี้ตลาดรวมเครื่องประดับและอัญมณีในช่องทางค้าปลีกมีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ผ่านช่องทางร้านค้าปลีก 20,000 ล้านบาท เติบโตน้อยที่สุด ผ่านเคาน์เตอร์ 6,000 ล้านบาท และผ่านร้านทอง 9,000 ล้านบาท
สำหรับแผนครึ่งปีหลังนี้ จะเปิดจุดขายเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 4 แห่งเช่นที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ จากปัจจุบันมีประมาณ 79 แห่ง แบ่งเป็น แฟรนไชส์ 16 แห่ง และบริษัทฯ 63 แห่ง (รวมชอป 5 แห่ง) คาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรวม 90 แห่ง ลงทุนตั้งแต่ 5-10 ล้านบาท แล้วแต่ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 6-10 ตารางเมตร
การทำตลาดจะมุ่งเน้นแบบครบวงจร ทั้งสื่อบีโลว์เดอะไลน์ อะโบฟเดอะไลน์ การใช้โซเชียลมีเดีย การทำซีอาร์เอ็ม ซึ่'มีฐานลูกค้าขณะนี้ 100,000 กว่าราย แอคทีฟ 40% ซึ่งตั้งเป้าจะมีฐานลูกค้าใหม่เติบโต 30% ล่าสุดออกคอลเลคชั่นใหม่ “Floral Excellence” ต้อนรับวันแม่ ประกอบด้วยแหวนเพชรและจี้ 4 ดีไซน์ ราคาตั้งแต่ 89,000 บาท และยังร่วมกับบัตรเครดิตกสิกรไทยทำโปรโมชั่นด้วยเพื่อกระตุ้นการซื้อคาดว่าจะเพิ่มยอดขายได้ 15% นอกจากนั้นยังมีสินค้าใหม่อีกกว่า 100 ดีไซน์วางตลาดครึ่งปีหลังด้วย
|