Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2529
กลุ่มพูนผล "แรงขับดัน" ในอาณาจักรหวั่งหลี             
 


   
search resources

สุกิจ หวั่งหลี
สุวิทย์ หวั่งหลี
ประไพ พิศาลบุตร




ต้องยอมรับว่าบุคคลในกลุ่มพูนผล มีบทบาทในกลุ่มหวั่งหลีมากทีเดียว

พูนผลที่เป็นผู้ช่วยทุกคนคือหวั่งหลี นอกจากภาระหน้าที่อันหนักอึ้งแล้ว คนโตของเขาต้องเป็นผู้นำหวั่งหลีในเมืองไทยด้วย หากพิจารณาตามนี้แล้ว มีเพียง 3 คนเท่านั้น (ที่เป็นผู้หญิง) ในรุ่นแรกในพูนผลไม่ถือว่าเป็นหวั่งหลี

ย้ำอีกที พูนผลคือธุรกิจที่เติบโตด้วยน้ำพักน้ำแรงของทองพูน ภรรยาหม้ายของตันซิวเม้งและลูกชาย - หญิงของเขา

ทองพูน เป็นความภูมิใจอย่างมากของพูนผล!

และพูนผลโชคดีที่มีทายาทมาก ซึ่งดูเหมือนโชคร้ายของทองพูนในระยะแรกไม่มีประสบการณ์ธุรกิจต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเลี้ยงพวกเขา ให้การศึกษาพวกเขาอย่างเต็มกำลัง

ทองพูน - ตันซิวเม้งมีทายาท 12 คน ทุกคนมีลีลาชีวิตและการงานแตกต่างกันไป เหมือน SYMPHONY อันมีอุปกรณ์ทุกชิ้นเข้ากันดีเป็นเพลงที่ไพเราะบทหนึ่ง

ประไพ พิศาลบุตร เป็นลูกสาวคนโตแต่งงานกับ ธนิต พิศาลบุตร อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ซึ่งมีบทบาทช่วยเหลือพูนผลพอสมควร ในช่วงเริ่มแรกที่ทายาทผู้ชายยังอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมน้ำมันพืช

ประไพเป็นเจ้าของบริษัท ประไพและบุตร ดำเนินกิจการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่มากย่ายทุ่งมหาเมฆ เพียงแค่เก็บดอกผลจากธุรกิจนี้ก็นับว่าสุขสบายพอประมาณแล้ว เธอเป็นพี่ใหญ่ของตระกูล มีบทบาทดุจผู้กุมกฎ และประสานชีวิตประจำวันของหวั่งหลีปีกพูนผลให้มีชีวิตใกล้ชิดสนิทสนมกัน หากไม่มีงานที่ไหน เธอจะอยู่โยง ณ ชั้น 19 อาคารสาธรธานี ซึ่งถูกจัดเป็นห้องครัวเล็กเพื่อทำอาหารสำหรับพูนผลในตอนกลางวัน บ่อยครั้งทุกเที่ยงวันพวกเขาและเธอจะต้องพบกันที่นั่น!

และในปีหนึ่ง ประไพจะเป็นแม่งานจัดงานสังสรรค์นอกสถานที่สำหรับพวกพูนผล ดังเช่นปี 2528 บนเรือซีทรานควีนท้องทะเลภาคใต้ เลยได้ดูการสร้างละครทีวีช่อง 3 ที่ดัดแปลงมาจาก DEATH OF THE NILE ไปด้วย

สุวิทย์ หวั่งหลี เป็นผู้นำของตระกูล พี่น้องเชื่อฟังและยอมรับเขาอย่างดุษฎี เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียสละเพื่อหวั่งหลีและพูนผลอย่างแท้จริง เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว ส่วนตัวของเขามีบริษัทฐาวรา ถือเป็นโฮลดิ้งคัมปะนี

เขาเป็นผู้นำตระกูลที่เข้มแข็ง และถือได้ว่าคอนเซอร์เวทีฟที่สุด เขาจบการศึกษาจาก WARTON SCHOOL OF FINANCE AND COMMERCE ซึ่งคนนอกน้อยคนนักจะรู้ สุวิทย์พูดถึงตัวเองว่า เป็นคนไม่ชอบสังคมหากไม่จำเป็น เวลาส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน ฟังเพลง อ่านหนังสือ ไม่ชอบเล่นกีฬา และไม่ชอบเดินทางไปต่างประเทศ "ผมเคยอยู่มานานแล้ว" เขาบอก การพักผ่อนของเขานอกจากอยู่บ้านแล้วก็คือการเดินทางไปตากอากาศชายทะเล พัทยา หรือชมดอกไม้ที่เชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังขะมักเขม้นเรียนขับเครื่องบิน

นายธนาคารบางคนบอกว่า เขาเป็นผู้ดี และไม่ทะเยอทะยานทางธุรกิจ

สุกิจ หวั่งหลี คน ๆ นี้พี่น้องมองว่าเป็นคนพะบู๊ เป็นพ่อค้าเต็มตัว ลุยได้ทุกรูปแบบ ไม่ชอบใส่สูท ส่วนใหญ่จะอยู่ในชุดพระราชทาน ท่าทีเป็นกันเองกับทุกคน เป็นคนที่ผู้สื่อข่าวเคารพนับถือ และเป็นข่าวมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเป็นนายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย แต่ในสายตาของพ่อค้าด้วยกัน สุกิจกลับเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งในวงการค้ามันสำปะหลัง

สุกิจจบการศึกษาระดับโปลีเทคนิค ที่อังกฤษ เข้าเรียนรู้งานด้าน COMMODITY ของกลุ่มพูนผลตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่ฝ่ายจัดซื้อ จนเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทพูนผลในปัจจุบัน ว่ากันว่าในกลุ่มพูนผลบริษัทคือแหล่งรายได้สำคัญ และคนที่ทำกำไรมาก ๆ ในบริษัทนี้ก็คือ สุกิจ หวั่งหลี

สุรพล หวั่งหลี เป็นคนตระกูลหวั่งหลีปีกพูนผลเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับตระกูล เขาจบการศึกษาจากเคมบริดจ์ ทำงานในธนาคารต่างประเทศมานาน ปัจจุบันเป็นผู้จัดการสาขาลอนดอนของธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งรกรากที่นั่นเลย ในประเทศไทยเขาเป็นเพียงผู้ถือหุ้นในหวั่งหลี

ศุภชัย หวั่งหลี จบการศึกษาด้านวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เมื่อกลับมาเมืองไทย ปีกพูนผลจึงตั้งบริษัทซีอีเอส ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เขาจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการนี้มาแต่ต้น บริษัทซีอีเอสมีผลงานการก่อสร้างไม่น้อยในยุคแรก ๆ ตั้งแต่ก่อสร้างโรงแรมเพรสซิเด้นท์ ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่ ธนาคารทหารไทย ตึกสองธนาคารไทยพาณิชย์ แต่กิจการในระยะ 1 - 2 ปีนี้กลับปักหัวลงอย่างน่าใจหาย

สุชาติ หวั่งหลี เป็นคนเงียบดูบทบาทไม่มากนัก ไม่มีลักษณะเด่นเป็นพิเศษ ปัจจุบันรับผิดชอบบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พูนพิพัฒน์ อีกคนที่มีลักษณะคล้ายกันคือ สุเทพ เป็นกรรมการคนหนึ่งของพูนผล ส่วนตัวมีกิจการพัฒนาที่ดินและทำส่งออกการ์เม้นท์ ชื่อบริษัท บัวขาว

สุจินต์ หวั่งหลี เคยเรียนวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบไม่จบที่นี่กลับไปจบที่อื่น ๆ เขาได้ชื่อว่าเป็น INNOVATIVE คนหนึ่งในกลุ่มพูนผล หลังจากกลับมาเมืองไทย เขาเป็นคนฟื้นฟูกิจการประกันภัยของกลุ่มหวั่งหลี จากแค่มีใบอนุญาตจนประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เขาเป็นคนบุกเบิกธุรกิจประกันภัยต่อให้กับวงการประกันภัยในประเทศไทย เคยเป็นนายกสมาคมประกันวินาศภัยอายุน้อยมากติดต่อกัน 2 สมัย

เขาเป็นคนนำพูนผลไปร่วมทุนในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันภัย

สุจินต์ เป็นนักเสี่ยงโชคคนหนึ่งของตระกูล เวลาว่างเขามักจะขลุกอยู่ที่สนามกีฬาแถว ๆ นางเลิ้ง ว่ากันว่าบริษัทประกันภัยของเขาถึงกับลงทุนออกกรมธรรน์ประกันสัตว์บางชนิดเป็นพิเศษ

สุรจิตต์ หวั่งหลี เป็นคนคอนเซอร์เวทีฟที่สุด 1 ใน 2 คน (อีกคนสุวิทย์ หวั่งหลี) จึงได้รับมอบหมายคุมงานด้านการเงินและบัญชีของกลุ่มพูนผล

สุพจน์ หวั่งหลี เป็นน้องคนสุดท้อง ที่หัวใหม่เป็นนักเสี่ยงโชคและ INNOVATOR มากที่สุดตามวัย เขาได้ชื่อว่าเป็น SOYBEAN - MAN หลังจากกลับจากเมืองนอก ธนิต พิศาลบุตร พี่เขยได้ชวนไปทำงานฝ่ายจัดซื้อวัตถุดิบในบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ ผลิตน้ำมันพืชทิพ (อันเป็นผลงานที่ภาคภูมิใจมากของ ธนิต พิศาลบุตร ตราบทุกวันนี้) จาคยุคแรกที่ขาดทุนมาก ๆ จนมาเป็นกำไรมาก ๆ เขามีวิญญาณผู้ประกอบการจึงแยกตัวออกมาตั้งบริษัทธนากร ร่วมทุนระหว่างพูนผลกับล็อกเลย์ ผลิตน้ำมันพืชกุ๊ก เขาเจนจัดงานหาวัตถุดิบและเป็นผู้ส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทยคนหนึ่ง

สุพจน์ จบวิศวกรรมจากสหรัฐ งานของเขาส่วนใหญ่อยู่ที่ปีกพูนผลและก็คืองาน DIVERSIFIED ธุรกิจสู่อุตสาหกรรมการเกษตร โครงการใหม่ผลิตแป้งมันสำเร็จรูปเพื่ออุตสาหกรรม (โมดิฟายด์สตาร์ช) เป็นผลงานล่าสุด

สายสุคนธ์ เคยใช้นามสกุลจ่างตระกูลอยู่พักหนึ่ง และกลับมาใช้หวั่งหลีตามเดิม เธอเป็นลูกสาวคนสำคัญและมีบทบาทอย่างมากคนหนึ่งของพูนผล รับผิดชอบงานด้านพัฒนาที่ดิน โดยเฉพาะโครงการที่รังสิตอันมีโรงภาพยนตร์ ตลาด และที่พักอาศัยจำนวนมาก ส่วนตัวเธอมีโครงการที่อยู่อาศัยใหญ่มาก เป็นที่รู้จักกันดีคือ สวนหมากอพาร์ทเม้นท์

สุภาพรรณ ลูกสาวคนเดียวของตันซิวเม้ง - ทองพูนที่ไม่อยู่เมืองไทย เธอแต่งงานกับชาวฮ่องกง เลยพำนักอยู่ที่นั่นตลอดมา

ปัญหาของหวั่งหลีรวมทั้งปีกพูนผลที่เหมือนกันก็คือทายาท ทายาทในรุ่นที่ 5 ที่เป็นหวั่งหลี ลูกชายสุกิจ หวั่งหลี อายุมากที่สุดในรุ่นก็เพียง 23 ปีเท่านั้น ส่วนปีกพูนผล พิมประไพ ลูกสาวธนิต - ประไพ อายุมากที่สุด 30 ปี ปัจจุบันทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไปบริษัท สาธรธานี และดนัยธนิต พิศาลบุตร น้องชายอายุ 29 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่ออาวุโส ธนาคารนครธน หลังจากต้องระเห็จออกจากบริษัทการเงินในเครือธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การที่ฮ่องกงตามบิดา

ด้านหวั่งหลี สุวิทย์ หวั่งหลี ได้เตรียมแก้ปัญหาอนาคตไว้แล้ว (กล่าวมาแล้วตอนต้น) ปีกพูนผลเริ่มใช้ลูกหม้อเก่าแก่ กับนักบริหารมืออาชีพเข้ามาบ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการใหม่ ๆ ซึ่งในสายตาคนนอกแล้วมองว่ายังนับได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้น เมื่อเทียบกับธุรกิจที่ก้าวหน้าไปมาก

เพราะว่าแนวคิดระบบครอบครัวยังฝังแน่นในผู้นำรุ่นที่ 4 สุวิทย์ พูดประโยคที่ชัดเจนมากกับ "ผู้จัดการ" เมื่อถูกถามถึงปัญหาอนาคต

"พวกผมลูกน้อยซะด้วย..ไม่มีลูกแล้วจะทำอย่างไร มองการณ์ไกลอย่างไรก็ทำไม่ได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us