|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เมื่อพิพิธภัณฑ์แห่งออร์เซย์ (Musee d’Orsay อ่านว่า มูเซ ดอร์เซย์) เปิดในทศวรรษ 1980 ผู้ชื่นชอบภาพเขียนอิมเพรสชั่นนิสต์มีความสุขที่สุด เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวมผลงานจิตรกรอิมเพรสชั่นนิสต์และศิลปะศตวรรษที่ 19 ไว้จำนวนมาก ทุกครั้งที่ไปจะเห็นภาพเขียนอิมเพรสชั่นนิสต์จนเบื่อกันไปข้างหนึ่ง แรกๆ ก็พินิจพิจารณาทีละรูป พอเวลาผ่านไปนานเข้า มองปราดเดียวจบและเดินเลยไปอีกห้องหนึ่ง มิใช่เพราะไม่ชอบ แต่มีมากเกินไป
2010 เป็นปีของโคล้ด โมเนต์โดยแท้ การโหมโรงจัดนิทรรศการในหลายเมืองในนอร์มองดี (Normandie) เกี่ยวกับ กระแสอิมเพรสชั่นนิสต์ ด้วยว่าเป็นภูมิภาค ที่จิตรกรอิมเพรสชั่นนิสต์ไปเขียนรูปเป็นจำนวนมาก มากทั้งจำนวนศิลปินและมาก ทั้งผลงาน
เมื่อเข้าฤดูใบไม้ร่วง มีนิทรรศการใหญ่ที่ชาวฝรั่งเศสรอคอย นั่นคือการแสดง ผลงานโดยรวมของโคล้ด โมเนต์-Claude Monet, retrospective ที่กรองด์ ปาเลส์ (Grand Palais) ขณะเดียวกันพิพิธภัณฑ์มาร์มอตตอง (Musee Marmottan) จัดนิทรรศการ Claude Monet, son musee-โคล้ด โมเนต์ในพิพิธภัณฑ์ของตน
ไม่ได้หมายความว่าโคล้ด โมนต์ มีพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว หากพิพิธภัณฑ์มาร์ มอตตองมีผลงานของจิตรกรผู้นี้มากที่สุดในโลกก็ว่าได้
แต่เดิมพิพิธภัณฑ์มาร์มอตตองเป็นบ้านพักล่าสัตว์ของดุ๊กแห่งวัลมี (Duc de Valmy) ต่อมาจูลส์ มาร์มอตตอง (Jules Marmottan) ซื้อคฤหาสน์แห่งนี้เพื่อเก็บงานศิลป์ที่เขาสะสมไว้ มีทั้งภาพเขียนยุคก่อนเรอเนสซองส์ (Renaissance) ของจิตรกรเยอรมัน แฟลนเดอร์ อิตาลี เทเปสตรี้ศตวรรษที่ 17 กระจกสีของวิหาร เมืองซ็วสซงส์ (Soissons) หลังจากที่เขาเสียชีวิต ลูกชายคือปอล มาร์มอตตอง (Paul Marmottan) เป็นผู้ดูแลสมบัติของพ่อ ทว่าเขาสนใจศิลปะยุคจักรวรรดิ (Empire) อันเป็นยุคที่นโปเลองที่ 1 (Napoleon Ier) และนโปเลองที่ 3 (Napoleon III) เป็นผู้นำฝรั่งเศส
ในปี 1934 ปอล มาร์มอตตองยกคฤหาสน์หลังนี้ให้แก่ราชบัณฑิตยสภา สาขาวิจิตรศิลป์ (Academie des beaux-arts) ต่อมาวิกตอเรียน โดนอป เดอ มูชี (Victoriane Donop de Mouchy) มอบ ภาพเขียน 20 ภาพแก่ราชบัณฑิตยสภา สาขาวิจิตรศิลป์ อันมีภาพ Impression, soleil levant, Train dans la neige, Paysage d’Argenteuil และ Pont de l’Europe ของโคล้ด โมเนต์ ภาพ Printemps aux environs de Paris ของอัลเฟรด ซิสเลย์ (Alfred Sisley) ภาพ Jeune fille au bal ของแบร์ธ โมริโซต์ (Berthe Morisot) ภาพ Boulevards exterieurs ของปาโบล ปิกัสโซ (Pablo Picasso) เป็นต้น
วิกตอเรียน โดนนอป เดอ มูชีเป็นลูกสาวของนายแพทย์จอร์จส์ เดอ เบลลิโอ (Georges de Bellio) ซึ่งรู้จักกับบรรดาจิตรกรอิมเพรสชั่นนิสต์ จึงซื้อผลงานของจิตรกรเหล่านี้ นัยว่าจิตรกรดังทั้งหลายมอบภาพเขียนให้จอร์จส์ เบลลิโอเป็นค่ารักษา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 วิกตอ เรียน โดนนอป เดอ มูชีเกรงงานศิลป์เหล่านี้จะได้รับความเสียหาย จึงฝากไว้ที่คฤหาสน์มาร์มอตตอง ได้ทำพินัยกรรมมอบผลงานดังกล่าวให้แก่พิพิธภัณฑ์มาร์มอตตอง บ้างก็ว่าวิกตอเรียน โดนนอป เดอ มูชีต้องการให้ภาพเขียน Impression, soleil levant อยู่ร่วมกับภาพเขียนอื่นๆ ของโคล้ด โมเนต์ ซึ่งมิเชล โมเนต์ (Michel Monet) มอบให้แก่ราชบัณฑิตยสภาสาขา วิจิตรศิลป์
มิเชล โมเนต์เป็นลูกชายของโคล้ด โมเนต์ อันเกิดจากกามีย์ (Camille) ภรรยา คนแรก กามีย์เสียชีวิตหลังจากคลอดมิเชล ไม่นาน มิเชลและพี่ชายคือฌอง (Jean) จึงเติบโตภายใต้ร่มเงาของพ่อ โดยมีพี่เลี้ยง คือ อลิซ ออชเด (Alice Hoschede) แม่ม่ายลูกติด 6 คน ซึ่งภายหลังเป็นภรรยาคนที่สองของโคล้ด โมเนต์
มิเชล โมเนต์เป็นผู้รับมรดกของพ่อแต่เพียงผู้เดียว เพราะพี่ชายเสียชีวิตก่อนหน้านั้น เขาใช้ชีวิตแบบหนุ่มสำอางและประสบอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตบนสะพานเมืองแวร์นง (Vernon) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจีแวร์นี (Giverny)
แรกทีเดียว มิเชล โมเนต์อยากยกบ้านที่จีแวร์นีพร้อมกับผลงานของพ่อทั้งหมดแก่รัฐ หากไม่พอใจที่อองเดร มัลโรซ์ (Andre Malraux) ซึ่งเป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรมในขณะนั้นให้ความสำคัญแก่ผลงานอิมเพรสชั่นนิสต์และโมเดิร์นที่วัลแตร์ กีโยม (Walter Guillaume) สะสม ไว้มากกว่า
นอกจากนั้นอองเดร มัลโรซ์ยังตั้งใจที่จะนำภาพ Nympheas ของโคล้ด โมเนต์ไปไว้ในห้องใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ออรองเจอรี (Musee de l’Orangerie) ทั้งๆ ที่โคล้ด โมเนต์เป็นผู้ออกแบบห้องที่เก็บภาพเขียนสวนบัวอันแสนมหัศจรรย์นี้ด้วยตนเองเพื่อให้ได้แสงสว่างอย่างที่ควร ทั้งนี้อองเดร มัลโรซ์หมายใจนำงานสะสมของวัลแตร์ กีโยมมาไว้แทน
มิเชล โมเนต์ เป็นเพื่อนกับฌาคส์ การ์ลู (Jacques Carlu) ซึ่งเป็นราชบัณฑิต สาขาวิจิตรศิลป์ และเป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์มาร์มอตตอง จึงยกบ้านที่จีแวร์นี และผลงานทั้งหมดของโคล้ด โมเนต์ในครอบครองแก่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อันมีภาพเขียน 110 ภาพ สมุดร่างภาพ 8 เล่มสมุดบัญชีค่าใช้จ่าย ภาพเขียนล้อเลียนซึ่งโคล้ด โมเนต์วาด โดยใช้นามปากกาว่าออสการ์ โมเนต์ (Oscar Monet) รวมทั้ง ภาพเขียนที่เพื่อนจิตรกรมอบให้ เช่น จงคินด์ (Jongkind) มาเนต์ (Manet) เรอนัวร์ (Renoir) เป็นต้น
ฌาคส์ การ์ลูสร้างห้องขึ้นใหม่ในชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์มาร์มอตตองเพื่อแสดงผลงานของโคล้ด โมเนต์แต่ผู้เดียว พร้อมเปิดให้เข้าชม รวมทั้งบ้านและสวนที่จีแวร์นีด้วย มาร์มอตตองจึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผลงานของโคล้ด โมเนต์มากที่สุด ยิ่งเมื่อมีผู้นำภาพเขียนของโคล้ด โมเนต์มาบริจาคเพิ่มขึ้น ดังในปี 1985 ผลงานสะสมของดูเอม (Duhem) ปี 1993 ผลงานสะสมของรูอารต์ (Rouart) เป็นต้น
|
|
|
|
|