|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นอกจากการท่องเที่ยววัฒนธรรมเป็นประตูบานสำคัญที่ช่วยเปิดใจของผู้รับชมอยากรู้จักและหลงรักประเทศใดประเทศหนึ่งหรือเมืองใดเมืองหนึ่งยิ่งขึ้น หลังการแสดงศิลปวัฒนธรรมฉงชิ่ง เชื่อว่า ผู้จัดก็คงหวังให้เมือง “ฉงชิ่ง” เป็นที่สนใจยิ่งขึ้นในหมู่ผู้ชมชาวไทยเช่นกัน
ช่วงบ่ายวันที่ 18-19 มิถุนายนที่ผ่าน มา ลูกค้าธนาคารกสิกรนับพันคนมีโอกาสเข้าชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมฉงชิ่ง รอบ พิเศษสำหรับลูกค้าเครือธนาคารกสิกรไทยเท่านั้น โดยสูจิบัตรระบุว่าเป็น “สุดยอดการแสดงจากเมืองฉงชิ่ง มหานครอันเลื่อง ชื่อด้านศิลปวัฒนธรรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งแรกและครั้งเดียวในเมืองไทย”
ฉงชิ่งเป็นเขตเทศบาลนครตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีพื้นที่ติดกับ มณฑลเสฉวน มีขนาดใหญ่กว่าประเทศออสเตรียเล็กน้อย โดยมีพื้นที่ 82,400 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นเมืองศูนย์กลางทาง วัฒนธรรมตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ฉงชิ่งเคยเป็นที่ตั้งรัฐบาลกลางของจีน
ศูนย์ข้อมูลความรู้เพื่อการค้าและการลงทุนกับจีนของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ฉงชิ่งเป็นเมือง (municipality) ที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยมีประชากร รวมกว่า 31.44 ล้านคน ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น
การนำการแสดงจากเมืองฉงชิ่ง มาแสดงในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมจีนสู่ประชาคมไทยใน วาระโอกาสครบรอบ 36 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน เพื่อโปรโมต เทศกาลศิลปะเอเชียที่จะจัดขึ้นในนครฉงชิ่ง ในเดือนตุลาคมปีนี้ โดยธนาคารกสิกรไทยร่วมสนับสนุน
การแสดงศิลปวัฒนธรรมฉงชิ่งครั้งนี้ประกอบด้วยการแสดง 14 ชุด ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง และใช้ศิลปินจากนครฉงชิ่ง ร่วมแสดงถึง 47 คน เริ่มจากการบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ยามเย็น” โดยคณะดนตรีพื้นเมืองฉงชิ่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาส 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่อด้วยจินตลีลาชุด “ระบำโบกมือ” อันเป็นระบำพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดของชาวถู่เจีย ชนกลุ่มน้อยในแถบเมือง ฉงชิ่ง ทั้งยังมีนาฏลีลาโดยคณะแสดงศิลปะพื้นบ้านด้านการร้องและการเล่าเรื่องแห่งฉงชิ่ง ในชุด “เสน่ห์นางงิ้ว” “เสน่ห์ตะวันออก” และ “ความรักของคังติ้ง”
สองชุดแรก ชัดเจนในเรื่องการนำเสนอถึงเอกลักษณ์ความเป็นจีน ส่วนชุดหลังเป็นการเต้นรำประกอบเพลงพื้นบ้าน “คันติ้งฉิงเกอ” หรือ “เพลงรักคังติ้ง” ที่บรรยายถึงภาพความสวยงามของทิวทัศน์เมืองคังติ้ง เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่หลังคาโลกอีกแห่ง ซึ่งมีชาวทิเบตอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก รองจากประเทศทิเบต
การแสดงทางวัฒนธรรมครั้งนี้ยังได้บรรจุการแสดงกายกรรมจากคณะกายกรรม ซานเสียอีกหลายชุด เริ่มจากชุด “จังหวะกลองแห่งสามผา” หรือการตีกลองพื้นบ้านของจีนด้วยทักษะการตีกลองใหญ่และกลองเอวแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับการใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายของ “เมืองสามผา” หรือก็คือเมืองซานเสีย
การแสดงกายกรรมตีกลองชุดนี้เคย สร้างชื่อเสียงระดับโลกให้กับเมืองซานเสีย หรือ “เมืองสามผา” มาแล้ว ด้วยการได้รับ รางวัลใหญ่จากการประกวดกายกรรมบนเวทีนานาชาติ ณ ประเทศฝรั่งเศส แต่ดูเหมือนสิ่งที่ทำให้เมืองซานเสียเป็นที่รู้จักของชาวโลกได้มากกว่า คือโครงการสร้างเขื่อนยักษ์
“ซานเสียต้าป้า” เป็นเขื่อนคอนกรีต ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่กำลังมองว่าจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของฉงชิ่ง โดยใช้เวลาสร้างถึง 15 ปี มีกำลังผลิตรวมกว่า 22,000 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีกำลังผลิตใหญ่ที่สุดในโลก โดยแลกมาด้วยการอพยพผู้คนถึง 1.3 ล้านคน
นอกจากนี้ยังมีกายกรรมตัวอ่อนชุด “แรกบานในฤดูใบไม้ผลิ” โดยนักแสดงหญิง ตัวน้อย กายกรรมชุด “กล้าใหม่ที่แข็งแกร่ง” โดยเยาวชนคนรุ่นใหม่ของจีนและกายกรรม บัลเลต์ชุด “ก้าวล้ำแบบแผน” เพื่อสะท้อน ถึงยุทธศาสตร์จีน ในการรับเอาสิ่งที่ดีของตะวันตกมาปรับใช้และ “รับใช้” เพื่อพัฒนาสิ่งดีหรือของดีในประเทศตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไป
ในการแสดงวัฒนธรรมฉงชิ่งครั้งนี้ ชุดการแสดงที่เรียกเสียงฮือฮาและเสียงปรบมือดังลั่นจากผู้ชมชาวไทยได้มากที่สุด น่าจะเป็นชุด “เปลี่ยนหน้ากาก” จากสถาบันอุปรากรเสฉวนแห่งฉงชิ่ง
ศิลปะการแสดงงิ้วมีให้เห็นทั่วไปในแถบภาคกลางของมณฑลเสฉวน เมืองฉงชิ่ง เมืองกุ้ยโจว และบางเมืองในมณฑลยูนนาน (Yunnan) ที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะเป็นการแสดงของงิ้วเสฉวน ขณะที่ศิลปะการแสดงเปลี่ยนหน้ากากจีน หรือ “เปี้ยนเหลี่ยน” ถือเป็นศิลปะการแสดงท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงของเสฉวน ถึงกับมีคำกล่าวว่า “หากยังมิยลโชว์เปลี่ยนหน้ากาก อย่าริออกปากว่าถึงเสฉวน”
|
|
|
|
|