Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2529
"เลขล็อค" ของกลุ่มน้ำตาลวังขนาย จับชีพจร-ลมหายใจธุรกิจ!!!             
 


   
search resources

กลุ่มวังขนาย
Agriculture




เบื้องแรกโปรดพิจารณางบการเงินประจำปี 2528 ของบริษัทน้ำตาลวังขนาย โดยผู้ตรวจสอบบัญชี จงจิตต์ หลีกภัย น้องสาวประธานสภาผู้แทนราษฎร (เพิ่งจะมาเป็นผู้ตรวจสอบปีแรกสำหรับบริษัทนี้)

งบกำไรขาดทุนสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2528 ระบุรายได้ทั้งหมดของบริษัทน้ำตาลวังขนายไว้อย่างชัดเจน 340 ล้านบาท (ดูงบการเงินประกอบ)

เผอิญธุรกิจน้ำตาลมีกรอบแน่นหนาพอประมาณ รายได้ภายใต้ระบบ 70/30 จึงพอจะประเมินความถูกต้องในระดับหนึ่ง

วิธีง่ายๆ คือเปรียบเทียบ

ปีการผลิต 2527/2528 อันมีผลโดยตรงต่องบการเงินปี 2528 มีตัวเลขพึงสังเกตอยู่จำนวนหนึ่ง

โรงงานน้ำตาลวังขนายรับอ้อยเข้าหีบประมาณ 703,480,320 ตัน ผลิตน้ำตาลชนิดต่างๆ รวม 666,411 กระสอบ โดยได้รับการจัดสรรน้ำตาล โควตา ก.185,332 กระสอบ โควตา ข.183,000 กระสอบ และโควตา ค.298,079

หากเปรีบเทียบข้อมูลทั้ง 2 ชุดก็พอเห็นภาพ

โรงงานน้ำตาลขอนแก่นรับอ้อยเข้าหีบปริมาณ 1,072,325 ตัน ผลิตน้ำตาลชนิดต่างๆ จำนวน 1,266,362.40 กระสอบ และโรงงานน้ำตาลประจวบฯ มีอ้อยเข้าหีบจำนวน 664,454.76 ตัน ผลิตน้ำตาลชนิดต่างๆ 652.978 กระสอบ (ใกล้เคียงกับวังขนาย)

โรงงานน้ำตาลขอนแก่นมีรายได้ 735.5 ล้านบาท และโรงงานน้ำตาลประจวบฯ มีรายได้ 413.4 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2528 ตามลำดับ

ว่าตามนี้ตัวเลขรายได้ของวังขนายก็ย่อมสมเหตุสมผล

ในรายได้ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว บริษัทน้ำตาลวังขนายมีรายได้จากการขาย 325 ล้านบาท (ตัดเศษออก) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนขายประมาณณ 424 ล้านบาท ขาดทุนตรงนี้ทันทีประมาณ 100 ล้านบาท หรือเกือบๆ 30% ยิ่งบวกค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารอีก 244 ล้านบาทด้วยแล้ว นับว่าหนักหนาเอาการ

ตัวเลขค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารนี้มีข้อโต้แย้งกันมาก ในคดีที่มีการฟ้องร้องกันในระหว่างผู้ถือหุ้นบริษัทนี้ฝ่ายผู้บริหารบริษัทหรืออารีย์ ชุ้นฟุ้ง พูดถึงรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากตรงส่วนนี้ว่า เกิดจากการรวมเอาค่าเสื่อของเครื่องจักรอุปกรณ์และการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราไว้ด้วย

จากงบดุลนี้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าค่าเสื่อมเครื่องจักรและอุปกรณ์คิดไว้แล้วงบดุลส่วนสินทรัพย์อยู่ในส่วนของที่ดินอาคารและอุปกรณ์ ซึ่งหมายเหตุประกอบงบการเงินกล่าวว่าค่าเสื่อมสะสมมีมากถึงประมาณ 165 ล้านบาทและเฉพาะปี 2528 มากถึง 92.465 ล้านบาทในที่นี้ได้หักออกจากมูลค่าสินทรัพย์แล้ว

ส่วนขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนนั้นมีความเป็นไปได้จากการกู้เงินตราต่างประเทศซึ่งน่าเสียดายที่งบดุลไม่ได้แจ้งไว้ ตามธรรมเนียมของงบดุลทั่วไป

ตัวเลขที่น่าปวดหัวมากสำหรับผู้ถือหุ้นและผู้บริหารโรงงานน้ำตาลวังขนายก็คือดอกเบี้ยจ่ายมีมากถึง 273.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับหนี้สินทั้งหมด 22,756 ล้านบาทแล้ว ก็นับว่างบดุลนี้มีเหตุผลมากทีเดียว ซึ่งในมุมกลับยอดหนี้จำนวนดังกล่าวซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าว เมื่อเทียบกับรายได้จากการขายต่างกันเพียงประมาณ 50 ล้านบาทแล้ว นับเป็นธุรกิจที่ผลตอบแทนจะมาได้ต้องใช้เวลานานมากทีเดียว

ว่าตามทฤษฎีสภาพคล่องของบริษัทน้ำตาลวังขนายแย่มากๆ มีสินทรัพย์หมุนเวียนเพียง 684.5 ล้านบาท ในขณะที่หนี้สินหมุนเวียนมากถึง 2,346.3 ล้านบาท อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนต่ำมากเพียง 0.29 เท่านั้น บ่งแสดงว่าธุรกิจกำลังประสบความลำบากในการชำระหนี้ระยะสั้นมาก

หากจะวกเข้ามาในสภาพความเป็นจริงของธุรกิจแล้วโอกาสที่วังขนายจะมีกำไรก็คือขายน้ำตาลได้มากขึ้น ในราคาสูงขึ้น โดยที่ต้นทุนอยู่ในระดับเดิม

หนึ่ง-การขายน้ำตาลมากขึ้นก็คือการได้อ้อยเข้าหีบในปริมาณมากขขึ้น ก็หมายความโยงใยไปถึงปริมาณการปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นกว่านี้ ประเด็นนี้ค่อนข้างจะลำบาก การที่โรงงานน้ำตาลมีถึง 46 โรงนั้นเป็นเรื่องยากมากจะครองส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอย่างทันตาเห็น สอง-ราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากๆ ผู้รู้และคลุกคลีวงการน้ำตาลมานานปีไม่เชื่อว่าโอกาสนั้นจะมาโดยง่ายและยืนนาน

จากสถิติของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกล่าวว่าในฤดูการผลิตปี 2527/2528 มีจำนวนโรงงาน 45 โรงงาน กำลังการหีบอ้อยต่อวันเท่ากับ 275,309 ตัน หากโรงงานนี้ทำการทุกวัน (เว้นเสาร์-อาทิตย์) หรือ 250 วัน ประเทศไทยจะสามารถหีบอ้อยได้ถึงเกือบ 70 ล้านตัน/ปี แต่ทว่าในนั้นปริมาณอ้อยเข้าหีบมีเพียง 25.053 ล้านตันเท่านั้น และเป็นปีที่ผลผลิตอ้อยสูงขึ้นที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเฉลี่ยแล้วทั่วประเทศโรงงานทำการผลิตเพียง 91 วันในหนึ่งปี

ช่างเป็นอุตสาหกรรมที่สูญเปล่าเสียนี่กระไร!!

และแล้วการผลิต 2528/2529 ได้มีโรงงานเพิ่มอีก 1 โรงงาน-- บริษัทน้ำตาลรัไฟน์ชัยมงคล ซึ่งได้รับการจัดสรรการผลิตน้ำตาลชนิดต่างๆ ถึง 123,120 ตัน รวมทั้งประเทศและน้ำตาลทุกชนิดปริมาณการผลิตก็อยู่ในระดับเดิม

หากพิจารณาในสิทธิของโรงงานน้ำตาลแล้ว บริษัทน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคล อันอยู่ในเครือน้ำตาลวังขนาย ย่อมมีสิทธิกระทำได้อย่างชอบธรรม แต่ในที่นี้มีประเด็นพิจารณา 2 ประเด็น หนึ่ง-ในแง่ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารกลุ่มน้ำตาลวังขนายได้พิจารณาภาวะการอุตสาหกรรมน้ำตาลเช่นนี้อย่างไร สอง-กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังคิดและทำอะไรกับอุตสาหกรรมน้ำตาลจึงปล่อยปละเช่นนี้

การแข่งขันทางธุรกิจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่การแข่งขันของธุรกิจทุกธุรกิจต้องอยู่ภายใต้การดำรงอยู่ของธุรกิจเอง ฐานะทางการเงินของบริษัทน้ำตาลวังขนายข้างต้นเป็นดัชนีแล้วถึงภาวะหนี้สินอันมากมาย การขยายการลงทุนที่รีไฟน์ชัยมงคลจึงเป็นปริศนาพอประมาณ ซึ่งทราบกันว่าโรงงานแห่งนี้ใช้เครื่องจากญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด ทันสมัยที่สุดในเอเชีย และมีกำลังมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกด้วย

ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว ความผิดพลาดในจุดนี้ต้องรีบทบทวน และพิจารณาโดยด่วน อย่ามัวชักเย่อเรื่องจะให้ใบอนุญาตหรือไม่กันเลย!!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us