หากความสำเร็จของภาพยนตร์ AVATAR รวมถึง Transformer III ที่นำเสนอด้วยเทคนิค 3D จะมีส่วนเสริมให้ลมหายใจที่รวยรินของอุตสาหกรรมภาพยนตร์กลับมาอยู่ในภาวะตื่นตัวและคึกคักขึ้น ทำให้โรงภาพยนตร์สามารถคงสถานะของการเป็นสถานที่ในการเสพรับความรื่นรมย์ของภาพยนตร์ได้อีกครั้ง

นวัตกรรมว่าด้วย 4D ก็คงเป็นภาคต่อเนื่องและความพยายามที่จะทำให้ธุรกิจภาพยนตร์ทั้งระบบ ฟื้นตัวกลับขึ้นมามีชีวิตชีวาและสามารถฝ่ากระแสธารของความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังโถมเข้าใส่ได้เป็นอย่างดี

การเปิดตัวโรงภาพยนตร์ 4D แห่งแรกในประเทศไทย ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอาจจุดประกายให้ผู้ที่นิยมเสพสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ หลั่งไหลกลายเป็นกระแสและร่วมกันสร้าง talk of the town ในความ “ล้ำ” ที่พร้อมยกระดับไปเป็น “เทรนด์” ในอนาคตได้ไม่ยาก

ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจโรงภาพยนตร์ต้องประสบกับอุปสรรคและการแข่งขันที่หนักหน่วงและกว้างขวางจากทั้งในกลุ่มของผู้ประกอบการ และลำดับขั้นเทคโนโลยีที่ทำให้สื่อต่างๆ เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้โรงภาพยนตร์คลายมนต์ขลังลงไปไม่น้อย

พัฒนาการของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมดูจะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโรงภาพยนตร์ ในฐานะที่เป็นแหล่งบันเทิงหรือสันทนาการแหล่งเดียวที่จะรับถ่ายทอดประสบการณ์ทางภาพยนตร์เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

การปรากฏตัวขึ้นของโรงภาพยนตร์ในบ้าน หรือ home theater ที่นอกจากจะแข่งขันกันด้วยระดับราคาที่ต่ำลงในลักษณะที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัยแล้ว พัฒนาการของเทคโนโลยีได้เพิ่มศักยภาพของอุปกรณ์ให้สามารถถ่ายทอดเนื้อหา เรื่องราว เทคนิคการถ่ายทำและระบบเสียงที่รองรับกับความต้องการว่าด้วยสุนทรียภาพ

ในการรับชมให้สูงขึ้นอย่างมาก ไม่เว้นแม้เต่ความสามารถของเครื่องรับโทรทัศน์ที่สามารถชมภาพยนตร์ 3D ภายในบ้านได้แล้วอีกด้วย

ลำดับขั้นของการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อบันเทิงภายในบ้านเช่นว่านี้ ได้รับการประเมินว่าอาจเป็นฉากจบของโรงภาพยนตร์มาแล้วก่อนหน้า ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งในส่วนของ studio ผู้ผลิต และโรงภาพยนตร์ในฐานะที่เป็นสถานที่จัดแสดง ต่างต้องเร่งสร้างจุดแตกต่างระหว่างการชมภาพยนตร์ในบ้านและการชมภาพยนตร์นอกบ้านให้ปรากฏเด่นชัด

การเกิดขึ้นของ cineplex หรือ multiplex ที่ปรากฏตัวขึ้นในจุดชุมชนที่ผนวกรวม feature ด้านไลฟ์สไตล์หลากหลายเป็นประจักษ์พยานในความพยายามแสวงหาจุดขายและข้อแตกต่างใหม่ในเรื่องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ประเด็นที่น่าสนใจประการหนึ่งก็คือ ผู้ที่ให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบภาพยนตร์ 4D กลับมิใช่ power house หรือ studio ผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่จาก Hollywood หากแต่เป็นผล ผลิตของกลุ่มบรรษัทที่มีธุรกิจหลากหลายในนาม CJ Group จากเกาหลีใต้ ที่กำลังขยายบริบททางธุรกิจครอบคลุมธุรกิจสื่อและธุรกิจบันเทิงอย่างกว้าง ขวางในปัจจุบัน

“CJ ให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยี 4D ภายใต้ความเชื่อที่ว่า 4D จะเป็นประหนึ่งตัวแทนของประสบการณ์ภาพยนตร์ยุคใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตภาพยนตร์สามารถสื่อสารจินตนาการของพวก เขาไปสู่กลุ่มผู้ชมได้อย่างรอบด้านและสมบูรณ์” Andy JM Park ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CJ 4DPlex หนึ่งในบริษัทในเครือของ CJ Group อธิบาย

CJ ทุ่มเทงบประมาณในการพัฒนาเทคโนโลยี 4D ทั้งในมิติของ hardware และ software อย่างมหาศาลในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับขยายแนวรุกไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการจัดตั้ง 4D Lab ใน Hollywood ซึ่งจะเริ่มดำเนิน การในเดือนสิงหาคมปีนี้ด้วย

การลงทุนดังกล่าวนับเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจติดตามไม่น้อย เพราะในขณะที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังคงถูกครอบครองด้วยภาพยนตร์กระแสหลักจากผู้ผลิตใน Hollywood หากแต่อีกด้านหนึ่ง CJ Group กำลังรุกเข้าไปเก็บนำเรื่องราว หรือ content เหล่านี้มาต่อยอดโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีพลัง และเป็นการสร้างหลักประกันในการแสวงหา ภาพยนตร์ ซึ่งเป็นประหนึ่ง supply ในการป้อนเข้าสู่โรงภาพยนตร์ 4D ไปพร้อมกัน

“CJ ต้องการที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ studio ผู้ผลิตภาพยนตร์แต่ละเรื่อง เพื่อพัฒนาภาพยนตร์ระบบ 4D ร่วมกัน โดยที่ผ่านมา studio ผู้ผลิตภาพยนตร์หลายแห่งให้ความสนใจเป็นอย่างดี ซึ่ง CJ เชื่อว่าภายใต้การดำเนินงานของ 4D Lab ใน Hollywood จะช่วยยกระดับและกระตุ้นให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับนานาชาติเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน นั่นย่อมหมายถึงอนาคตทางธุรกิจที่สดใสของ CJ ที่กำลังจะงอกเงยบนแผ่นดินที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งกำเนิดของภาพยนตร์เลยทีเดียว” Andy JM Park เสริม

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา CJ Group ได้เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์แบบ 4D รวมถึง 13 แห่งในเกาหลีใต้และมีแผนจะขยายเพิ่มอีก 5 แห่งภายในปีนี้ ขณะเดียวกัน CJ Group ได้ขยายการลงทุนเข้าไปสร้างโอกาสด้วยการร่วมทุนกับผู้ประกอบการทั้งในจีนและเม็กซิโก เพื่อเปิดโรงภาพยนตร์ 4D ในประเทศเหล่านี้มาแล้ว ซึ่งทั้งสองแห่งต่างสามารถสร้างกระแสตอบรับในจำนวนยอดผู้เข้าชมในสัดส่วนที่สูงเป็นอย่างดี

ความสำเร็จของ 4D ทั้งในเกาหลีใต้ รวมถึง จีนและเม็กซิโกดังกล่าว ทำให้ CJ Group ตั้งเป้าหมายในการขยายโรงภาพยนตร์แบบ 4D ไปยังตลาด ที่มีศักยภาพด้วยยุทธศาสตร์การร่วมทุนกับผู้ประกอบ การรายอื่นๆ รวมกว่า 12 แห่งทั่วโลก ทั้งในสหรัฐ อเมริกา รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในยุโรป อเมริกาใต้ รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ความเชื่อที่ว่าความต้องการเสพรับประสบการณ์ 4D จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาไม่นานนับจากนี้

นั่นหมายถึงโอกาสในการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 4D ที่ CJ Group ได้จ่ายไปในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกในเวลาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

“CJ กำลังเปลี่ยนวัฒนธรรมและพฤติกรรมในโลกภาพยนตร์ จากการนั่งชมภาพยนตร์มาสู่การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งหรืออยู่ในภาพยนตร์ คือไม่ใช่ watching movies ในแบบเดิมๆ แต่เป็นการ get into the movies ที่สามารถสัมผัสและรู้สึกได้ถึงความเป็นไปของเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ แต่ละเรื่อง” Theodore T.Y. Kim รองประธานและ COO (Chief Operating Officer) ของ CJ 4DPlex บอกผู้จัดการ 360ํ

กรณีดังกล่าวดูจะสอดรับกับคำขวัญ Ex-perience Beyond Movies ที่ปรากฏในสื่อประชาสัมพันธ์ของ CJ CGV อีกหนึ่งกลไกในการสร้างความจำเริญเติบโต (growth engine) ของ CJ Group อย่างแนบแน่น หากแต่ด้วยมิติที่มีความแหลมคมในระดับที่แตกต่างกัน

เพราะภายใต้สถานะของ CJ CGV ที่เป็นผู้ประกอบการเครือข่ายโรงภาพยนตร์แบบ multiplex รายใหญ่ของเกาหลีใต้ ด้วยจำนวนที่ตั้งรวมกว่า 103 แห่ง และมีจอฉายภาพยนตร์รวมกว่า 833 จอภาพพื้นที่และทำเลที่ตั้งของ CJ CGV แต่ละแห่งกลายเป็นกลไกในการสื่อแสดง (show case) ธุรกรรมหลากหลายของ CJ Group ไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจร้านอาหารที่ถือเป็นการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจที่เป็นพื้นฐานของกลุ่มได้อย่างลงตัว ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการในปัจจุบัน CJ Group ยังมีรายได้หลักจากธุรกิจการผลิตและให้บริการด้านอาหารซึ่งเป็นธุรกิจรากฐานของกลุ่มมากถึงร้อยละ 44 ขณะที่ธุรกิจ Home Shopping และ Logistics มีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสูงถึงร้อยละ 24 และธุรกิจเวชภัณฑ์มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 18

โดยที่ธุรกิจสื่อและสันทนาการบันเทิง หรือ Entertainment & Media ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ที่ CJ Group ขยายออกมา แม้จะมีสัดส่วนรายได้เพียง ร้อยละ 14 ในปัจจุบัน หากแต่ดูเหมือนว่า CJ E&M กำลังรับบทบาทใหม่ในการเป็นแนวหน้า (spear-head) สำหรับการรุกคืบหน้าไปสู่ตลาดอื่นๆ อย่างกว้างขวางในอนาคตอันใกล้

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ CJ E&M ครอบครองสัดส่วนการตลาดในอุตสาหกรรมเพลงของเกาหลีไว้มากถึงร้อยละ 45 และเป็นผู้บริหารผลประโยชน์ ให้กับศิลปินนักร้อง นักแสดง ชื่อดังของเกาหลีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในอีกด้านหนึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือสินค้าที่พร้อมจะส่งออกและสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำและต่อเนื่อง

พื้นฐานความคิดทางธุรกิจที่โดดเด่นของ CJ Group ในมิติที่ว่านี้ สะท้อนออกมาอย่างเรียบง่ายแต่ทรงความหมายว่าด้วย “from the first to the best” และ “from multiplex into multi-entertainment” ที่ประกอบส่วนแวดล้อมอยู่ภายใต้ แบบแผนการดำเนินชีวิตของผู้คนอย่างกว้างขวาง

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจประการหนึ่งอยู่ที่ความมุ่งหมายของ CJ Group ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการเป็นผู้ผลิตสื่อบันเทิงเท่านั้น หากแต่วิสัยทัศน์ของ CJ Group โดยองค์รวมอยู่ที่การเป็น Asian Cultural Platform ที่พร้อมส่งออกและสร้างเสริมให้เกิดมูลค่า เพิ่มทางธุรกิจ ไม่นับรวมมิติของการเป็นกลไกในการหนุนนำการยอมรับในสถานภาพทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติให้กับเกาหลีใต้อย่างกว้างขวาง ซึ่งดูเหมือนกรณีหลังนี้จะเป็นประเด็นที่มีทั้งมูลค่าและคุณค่ามหาศาลที่ยากจะระบุเป็นตัวเลขอย่างง่ายๆ

โครงข่ายของ CJ ในปัจจุบันได้ขยายตัวเข้า ไปในเกือบทั่วทุกมุมในเมืองใหญ่ๆ ของโลกอย่างกว้างขวาง และภายใต้แนวความคิดว่าด้วย Global CJ ซึ่งได้เริ่มขึ้นในปี 2010 ที่ผ่านมา เข็มมุ่งในการขยายบริบททางธุรกิจของ CJ Group อยู่ที่การนำศักยภาพของแต่ละธุรกิจที่ CJ Group พัฒนาองค์กร ไปสู่การเป็นผู้ประกอบระดับโลกภายในปี 2013

ยุทธศาสตร์ของ Global CJ ในการเป็น Cultural Platform ดูเหมือนว่าการบรรลุสู่เป้า ประสงค์ในระยะเริ่มต้นไปแล้ว หลังจากที่ CJ Group ได้ลงหลักปักฐานเข้าสู่จีน ซึ่งมีความสำคัญทั้งในมิติของการเป็นตลาดใหญ่ การเป็นช่องทางในการนำเสนอพัฒนาการของสิ่งที่ CJ Group นิยามว่า เป็น mass cultural entertainment เข้า สู่ประเทศที่ได้ชื่อว่ามีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรม เก่าแก่และสูงส่งที่สุดในเอเชีย

การรุกคืบของ CJ Group ในห้วงเวลาปัจจุบันอาจจะมีจุดเน้นหนักแวดล้อมอยู่ที่ประเด็นของ 4DPlex ที่ถือเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกต่างชนิดใหม่สำหรับการรับชมภาพยนตร์ หากแต่ในมิติที่ลุ่มลึกและกว้างขวางออกไป CJ Group กำลังสร้างกลไกธุรกิจใหม่ที่เกิดจากพื้นฐานทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดมูลค่าและจับต้องได้ในโลกธุรกิจที่ก้าวหน้าอย่างยิ่ง